บทที่ 136 ปัญหาต่าง ๆ
เฉินซังเทียนหัวเราะและส่ายหัว
หลานสาวของเขาคนนี้
นางได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของลั่วอู๋อย่างเต็มที่
คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าในที่แบบนี้จะมีชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ หากเขาถูกส่งไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิล่ะก็ เขาจะต้องเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
เสียก็แต่ว่านิสัยยังหยิ่งยโสเกินไปหน่อย
ไม่ว่าวิชาลับของสำนักจะยอดเยี่ยมแค่ไหน มันก็ไม่สามารถถูกเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ ทุกวิชาย่อมมีข้อดีข้อเสีย
แต่อย่างน้อย ๆ ในแง่ของความก้าวหน้าวิชาลับของตระกูลเฉินนั้นก็ถือว่าดีที่สุดในโลก
ซึ่งเฉินซังเทียนไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถเอาชนะหลานสาวที่เขาภาคภูมิใจได้ในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามการทดสอบอีกฝ่าย ด้วยทักษะที่ดีที่สุดของนาง เฉินหมิงหยู่เริ่มไม่แน่ใจว่านางจะสามารถเหนือกว่าลั่วอู๋ในด้านอื่น ๆ ได้
เฉินหมิงหยู่เดินไปที่ประตูศาลาไป่หยู่ ซึ่งมีผู้คนมุงดูอยู่เต็มไปหมด
“มีใครมีสัตว์วิญญาณที่เจอปัญหาในด้านการยกระดับมิติวิญญาณบ้างไหม ?” เฉินหมิงหยู่ถามอย่างใจเย็น
“ข้า”
“ข้า ข้า ข้า”
“ ให้โอกาสสัตว์วิญญาณของข้าด้วย มันไม่ก้าวหน้ามานานกว่าหนึ่งปีแล้ว”
“ นั่นแค่ปีกว่า ๆ เอง เจ้าไปให้พ้น แมงมุมดอกไม้ของข้าไม่ได้ก้าวหน้าอะไรมาสามปีแล้ว”
ผู้คนมากมายที่อยู่ข้างนอกทุกคนต่างพากันดิ้นรนเพื่อให้สัตว์วิญญาณของพวกเขาได้รับการยกระดับมิติวิญญาณ เนื่องจากโอกาสแบบนี้หายาก
ผู้ใช้พลังวิญญาณส่วนใหญ่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณได้
แต่หากเป็นการประลองระหว่างผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ดวงตาของเฉินหมิงหยู่กวาดไปที่ผู้คนและเลือกสัตว์วิญญาณออกมาสิบตัว
สัตว์วิญญาณระดับทองแดง เหล่านี้สามารถพบได้ว่ามีศักยภาพระดับทองตั้งแต่มีมิติวิญญาณระดับต่ำ ไปจนถึงช่วงที่มิติวิญญาณอยู่ในระดับสูง พวกมันมีปัญหาต่าง ๆ ในการพัฒนาเกือบทุกประเภท
บรรดาผู้ที่ได้รับเลือกต่างก็ดีใจมาก ในขณะที่ผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกต่างคร่ำครวญและได้แต่รออย่างไร้หนทางและหวังว่าจะมีโอกาสเช่นนี้อีก
เฉินหมิงหยู่แสดงสัตว์วิญญาณทั้งสิบตัวแล้วพูดกับลั่วอู๋อย่างยั่วยุ “ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“ไม่มีปัญหา” ลั่วอู๋ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่
เฉินหมิงหยู่โกรธลั่วอู๋จนพูดไม่ออก อย่างน้อยเขาก็ควรตรวจดูสัตว์วิญญาณเหล่านี้ก่อนแล้วค่อยยืนยันสิ !! เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคนที่หยิ่งผยองกว่าตัวนางเอง
เฉินหมิงหยู่กล่าว “งั้นเจ้าก็เริ่มได้เลย”
ลั่วอู๋ยักไหล่และเดินกลับเข้าไปในลานพร้อมกับสัตว์วิญญาณทั้งสิบตัว
ใบหน้าของเฉินหมิงหยู่แสดงรอยยิ้มราวกับประสบความสำเร็จ จากนั้นก็นั่งลงอย่างสบาย ๆ รอดูผลลัพธ์ที่ดี
“ว่ายังไงรึ ? เจ้าเลือกสัตว์วิญญาณแบบไหนมา?” เฉินซังเทียนถาม
“จระเข้ทรายที่การพัฒนาติดอยู่ในระดับทองแดง มิติ 10” เฉินหมิงหยู่กล่าว
“ อ๋อ?” เฉินซังเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นไม่ค่อยดีเลยนะ การปรับแต่งพัฒนามิติวิญญาณของจระเข้ทรายนั้นยากที่กำหนดให้สำเร็จ เพราะสภาพแวดล้อมที่ต้องเตรียมนั้นเข้มงวดมาก”
“มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้เลยไม่สามารถทำมันได้ อันที่จริงพวกเขาแค่ต้องฝังจระเข้ทรายแล้วปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังเป็นเวลาสามวัน” เฉินหมิงหยู่กล่าว
นี่เป็นการทดสอบความเข้าใจของการปรับแต่ง โดยเกี่ยวกับจระเข้ทราย
ถ้าเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะเป็นเรื่องลำบากมาก
“ยังมีอีกใช่ไหม?” เฉินซังเทียนถาม
เฉินหมิงหยู่ตอบ “นอกจากนี้ยังมีจิ้งจกทรายพันทาง มันติดอยู่ในระดับทองแดง มิติที่ 7 และไม่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้าทางวิญญาณใด ๆ มาเป็นเวลาห้าปี”
“ ไม่นะ สัตว์วิญญาณแบบนี้ อา…” เฉินซังเทียนถอนหายใจ “มันไม่มีการพัฒนาทางวิญญาณมาห้าปีแล้วตอนนี้สภาพมันเป็นอย่างไร?”
เฉินหมิงหยู่เม้มริมฝีปากของนาง “มันค่อนข้างจะแย่ ต่อให้เป็นข้าก็คงต้องใช้เวลาสามวันในการปรับแต่งปรับปรุงมันใหม่”
“เจ้า … ” เฉินซังเทียนไม่มีทางเลือกนอกจากพูดว่า “เลือกสัตว์วิญญาณแบบไหนมาอีกบ้าง?”
เฉินหมิงหยู่กล่าว “นอกจากนี้ยังมีหมาป่าราตรี สัตว์วิญญาณระดับทองที่ติดอยู่ในระดับทองเป็นเวลานาน เจ้านายของเขาได้นำมันไปให้ผู้ฝึกปรับแต่งจำนวนมาก แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้”
“ หมาป่าราตรี?” เฉินซังเทียนเริ่มเป็นห่วง
“ใช่แล้วท่านปู่ สัตว์วิญญาณชนิดนี้ค่อนข้างลำบากที่จะพัฒนามันได้ ข้าได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียดแล้ว มันผิดพลาดตั้งแต่แก่นวิญญาณเริ่มต้นแล้ว หมาป่าราตรีตัวนี้เดิมที่แล้วเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับเงิน แต่หลังจากที่มีการยกระดับแก่นวิญญาณด้วยการปรับแต่งมันจึงได้เลื่อนขั้นเป็นระดับทอง”
เฉินซังเทียนถามต่อไปว่า “วิชาของผู้ปรับแต่งคนก่อนดีไม่พอรึเปล่า?”
“นั่นก็ใช่เจ้าค่ะ แต่อย่างน้อยมันก็ควรได้รับการยกระดับเป็นระดับทอง มิติ 4” เฉินหมิงหยู่กล่าวอย่างจริงจัง“ ปัญหาหลักคือหมาป่าราตรีตัวนี้คือมันไม่ใช่หมาป่าราตรีที่มีเลือดบริสุทธิ์ แต่เป็นหมาป่าราตรีที่เป็นลูกผสมของหมาป่าราตรีกับสัตว์วิญญาณระดับทองแดง หมาป่าเหล็ก”
เฉินซังเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ความผิดปกติทางสายเลือดเช่นนี้หมายความว่าพลังของแก่นวิญญาณไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการยกระดับทางแก่นวิญญาณได้ตามปกติ
กรณีนี้คงต้องใช้วิชาลับในการผสมสายเลือดเข้าไปและทำให้แก่นวิญญาณกลับมาคงที่
ผู้ใช้พลังวิญญาณของหมาป่าราตรี แต่เดิมเขาเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับต่ำ เขาจึงมองไม่เห็นสิ่งนี้ แต่เขายังกล้าที่จะลองยกระดับแก่นวิญญาณของสัตว์วิญญาณ ทำให้แก่นวิญญาณของมันบอบบางลง
ตอนนี้แก่นวิญญาณของหมาป่าราตรีนั้นไม่คงที่ ถ้าหากปรับปรุงมิติวิญญาณอย่างบุ่มบ่าม อาจจะเป็นการฆ่ามันได้ด้วยซ้ำ
แม้ผู้ปรับแต่งปลอมจะทำร้ายผู้คนมามาก แต่หากเทียบกับผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่มีระดับต่ำแล้ว อย่างหลังเป็นอันตรายต่อผู้คนมากยิ่งกว่าเสียอีก
ตอนนี้มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยยกระดับมิติวิญญาณให้หมาป่าราตรี
“เจ้าแน่ใจไหม?” เฉินซังเทียนถาม
เฉินหมิงหยู่คิดอย่างรอบคอบ “มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะท่านปู่ แต่ต่อให้เป็นข้าก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันและทรัพยากรนับแสนหินวิญญาณ เรียกได้ว่าสิ่งที่ได้มานั้น ไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปเลย”
ใช่แล้วการปรับแต่งหมาป่าราตรีนั้นไม่คุ้มกับทรัพยากรที่ต้องเสีย
ดังนั้น
การเลือกสัตว์วิญญาณจึงมีความสำคัญมาก มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาทได้เว้นแต่ว่า จะมีหินวิญญาณจำนวนมากจนใช้ได้อย่างฟุ่มเฟือยและสามารถหาผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ทรงพลังมาชดเชยในส่วนนั้นให้ได้
“นี่มันยากมากเลยนะ ต่อให้เจ้าเป็นคนที่โดนทดสอบแทนเขาก็ยังยาก” เฉินซังเทียนกล่าวด้วยเสียงต่ำ
เฉินหมิงหยู่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา”จริงเหรอ? แต่ข้าคิดว่าแมงมุมดอกไม้ตัวนั้นยากกว่านี้อีกนะ ข้าคิดว่าแม้แต่ข้าก็คงไม่มีทางทำได้”
“แมงมุมดอกไม้งั้นเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับมันกัน?” เฉินซังเทียนถามด้วยความสนใจ
เฉินหมิงหยู่หัวเราะคิกคัก “แมงมุมดอกไม้ตัวนั้นติดอยู่ในระดับทองแดง มิติ10 แต่มันกลับตรวจสอบแล้วไม่พบปัญหาอะไรเลย”
“ ทำไมเป็นอย่างนั้น”
“ข้าก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงไม่มีปัญหาในการตรวจสอบ แต่เจ้าของมันก็บอกว่าในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมามันก็ไม่มีวี่แววว่าจะพัฒนาเลื่อนขั้นขึ้นเลย” เฉินหมิงหยู่ปิดปากของนางและหัวเราะเยาะ: “ต่อมาหลังจากที่ข้าถามต่อไป ข้าพบว่าเจ้าของมันบอกว่าแมงมุมดอกไม้ตัวนี้ เมื่อสามปีก่อนเคยอกหักมาแล้วครั้งหนึ่ง”
ร่างกายของเฉินซังเทียนสั่นสะท้าน “สัตว์วิญญาณที่อกหักงั้นเหรอ ?”
“ใช่แล้วท่านปู่ แมงมุมดอกไม้ตัวนี้ไม่ได้มีปัญหาทางกายภาพ แต่” เฉินหมิงหยู่ชี้ไปที่หัวใจของมัน “เป็นปัญหาที่หัวใจ”
มันเจ็บปวดในใจ มันหดหู่
เพราะแบบนั้นมันจึงไม่มีความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นสามปีที่ผ่านมามันจึงไม่มีวี่แววที่จะพัฒนาทางมิติวิญญาณ
เฉินซังเทียนถอนหายใจ “โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ มีสิ่งแปลก ๆ มากมายที่ข้าไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้แก้ปัญหาได้อย่างไร เป็นเจ้าคงจะบังคับให้มันพัฒนาความแข็งแกร่งทางมิติวิญญาณงั้นหรือ?”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าพอเข้าใจสถานการณ์ของมันแล้ว” เฉินหมิงหยู่ส่ายหัว “หากแมงมุมดอกไม้ตัวนั้นไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ ต่อให้ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับเราก็คงไม่สามารถช่วยมันได้”
“เจ้านี่มัน” จู่ ๆ เฉินซังเทียน ก็รู้สึกเห็นใจชายหนุ่มที่ชื่อว่าลั่วอู๋
ในกรณีนี้ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหนไม่ว่าเขาจะเก่งแค่ไหนก็ตามมันก็ยังยาก
ขณะเดียวกันลั่วอู๋ก็ขมวดคิ้วและเดินออกมามองข้างนอกด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีและเหม่อลอยราวกับว่าเขากำลังเจอปัญหาอะไรบางอย่าง
ซึ่งมันก็เพิ่งผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง