บทที่ 154 หลังสงคราม
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?”
เมื่อได้เห็นฝูงนกที่กำลังบินวนไปทั่วท้องฟ้า กลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณของกลุ่มลูหยางพิง ต่างก็ลุกลี้ลุกลนไปตาม ๆ กัน
“ อย่ากลัวไปเลย พวกมันก็แค่เหยี่ยวหยกขาวกับแร้งทรายธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง พวกมันก็แค่สัตว์วิญญาณระดับทองแดงน่า พวกเราสามารถจัดการมันได้สบาย ๆ” มีคนตะโกน
“ต่อให้พวกมันแค่ระดับทองแดงก็เถอะ … ” ใครบางคนกลืนน้ำลาย ในดวงตาของเขาปรากฏร่องรอยแห่งความตื่นตระหนก “แต่ปริมาณนี้มันก็มากเกินไปหน่อยรึเปล่า ?”
แกว๊กก
แกว๊กกก
แร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวบินโฉบลงมาที่สนามรบ
ฝ่ายคงฉินที่กำลังเสียเปรียบเริ่มรู้สึกว่าความกดดันในสนามรบลดลงอย่างฉับพลัน มันผ่อนคลายลงอย่างมากมาก การต่อสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงโดยมีความช่วยเหลือจากโล่คริสตัล แร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวทำให้พวกเขาสามารถปราบปรามฝั่งตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์
“พวกนั้นมันเยี่ยมมากเลย พวกมันเป็นนกของใครกัน” ชายที่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงมีความสุขมาก
ตอนแรกเขาพลาดท่าจนเกือบจะถูกฆ่าตาย แต่เพราะแร้งทรายเหล่านี้มาช่วยแบ่งปันแรงกดดันให้ในจังหวะนั้น ทำให้เขาได้จังหวะสวนกลับและสังหารคู่ต่อสู้ของเขาลงได้ทัน
“เจ้าของร้านลั่วของศาลาไป่หยู่ เป็นคนปล่อยพวกมันออกมา” มีคนตอบกลับ
ทันใดนั้นดวงตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งมากมายก็หันมาที่ลั่วอู๋
หากไม่มีความช่วยเหลือจากลั่วอู๋ โอกาสที่พวกเขาจะชนะนั้นคงต่ำมาก
อย่างไรก็ตามนกหน้าโง่กรีดร้องขึ้นสองครั้งบนท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่ามันต่างหากคือคนที่มาช่วยพวกเขาให้รอด พวกเขาไปขอบคุณลั่วอู๋เพื่ออะไร?
น่าเสียดายที่ไม่มีใครเข้าใจเขา
แม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบและประสบความสำเร็จในการต่อสู้ระยะประชิด แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าการต่อสู้ระหว่าง ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงด้วยกันต่างหากคือปัจจัยชี้ขาดที่แท้จริง
และการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงของทั้งสองฝ่าย ค่อย ๆ แบ่งออกเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะและฝ่ายที่พ่ายแพ้
[ร่างแยกเพลิง]
ฉูจงฉวนดีดนิ้วจากนั้นร่างของเขาก็หายไป
ต่อมาเขาก็มาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของฝ่ายตรงข้ามพร้อมไฟสีเขียวเข้มข้น อัดเป็นลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นที่มีความหนาวเย็นอันน่าสะพรึงกลัว
ลูกไฟสีเขียวพุ่งเข้าใส่ทะลุร่างของคู่ต่อสู้
ร่างกายของฝ่ายตรงข้ามแข็งทื่อไปในทันที จากนั้นก็ค่อย ๆ ล้มลงเหมือนรูปสลักน้ำแข็งที่ตกลงบนพื้นและแตกออกเป็นหลายส่วน
ไม่มีแม้แต่เลือดไหลออกมาสักหยด ทั้งหมดได้แข็งเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
ฉูจงฉวนรู้สึกวิงเวียนและลูบขมับของเขา สีหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“การต้องรับมือกับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงนี่มันยากจริง ๆ เสียพลังวิญญาณเกินตัวไปมากขนาดนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย เมื่อจบสงครามข้าคงต้องไปที่หอราตรีนิรันดร์เพื่อพักผ่อนให้เพียงพอสักสองสามวัน และแน่นอนว่าให้ลั่วอู๋เป็นคนจ่าย”
การต่อสู้ของฉูจงฉวนจบลงอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้หลายคนรู้สึกตกใจ
ชายคนนี้มาจากที่ไหนกัน? เขาสามารถสังหารผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง ที่ถือเป็นระดับสูงสุดของ ผู้ใช้พลังวิญญาณ และเขาแสดงให้เห็นถึงทักษะพลังวิญญาณตั้งแต่ต้นจนจบเพียงแค่ทักษะเดียวเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งหยู่เฮาเองก็ได้รับชัยชนะเช่นกัน
ในการเผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่มีความแข็งแกร่งทางพละกำลัง เขาก็เริ่มมีแรงใจมากขึ้น เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญบ้าบิ่นมากขึ้น
และด้วยการใช้แรงสุดกำลังเพียงไม่กี่จังหวะ ในที่สุดเขาก็มาเป็นฝ่ายได้เปรียบได้สำเร็จ
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงคนนี้ช่างโชคร้าย
เขาคงได้แต่คิดว่าเจ้าหมอนี่มาจากที่ไหนกัน
พลังวิญญาณของเขาถูกใช้ออกมาอย่างเต็มที่ แต่แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงสามารถเอาชนะเขาได้อย่างกล้าหาญบ้าบิ่นเช่นนี้?
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือหยู่เฮาไม่เพียงแต่อาศัยพลังวิญญาณในการต่อสู้เท่านั้น แต่เขายังมีร่างกายที่แข็งแกร่งและขวานอันน่ากลัวของเขาด้วย
ร่างกายของหยู่เฮาเดือดปะทุไปด้วยพลังวิญญาณและพละกำลัง พลังทั้งหมดทั้งหมดของเขาพุ่งถึงจุดสูงสุด แรงกดดันของเขานั้นไม่อาจมีใครต้านทานได้
เขาดูเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามที่กำลังโบกขวานขนาดใหญ่ในมือของเขา คลื่นการฟันยักษ์แผ่ออกมาทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าไปเฉียดใกล้
ในที่สุดขวานขนาดใหญ่ก็ฟาดฟันลงมาทำลายการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามไม่เหลือชิ้นดี
“ฉัวะ”
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่มีพละกำลังคนนั้นล้มลง ร่างกายของเขาถูกตัดออกเป็นสองส่วน
ภาพนี้ทำให้คนรอบข้างหวาดกลัว
เพราะหยู่เฮาดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พึงพอใจกับการต่อสู้เพียงแค่นี้
ผู้คนในกลุ่มของลูหยางพิงต่างก็หนีออกห่างไปทีละคน เพราะกลัวว่าจะถูกพบโดยเขา หยู่เฮาได้แต่มองไปรอบ ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก แรงผลักดันของเขาค่อย ๆ ลดลง อารมณ์ที่เดือดก็เริ่มสงบลง ความรู้สึกอ่อนเพลียแล่บเข้ามาแทน
“ข้าเหนื่อยมากแล้ว”
หยู่เฮาถอนตัวออกจากสนามรบอย่างเงียบ ๆ
มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่ถือเป็นระดับสูงสุดของผู้ใช้พลังวิญญาณ ไม่ว่าผู้คนจะมีความสามารถเพียงใดมันก็ยังลำบาก
ทันใดนั้นเองการต่อสู้ระหว่างกลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เพราะการต่อสู้ระหว่างคงฉินและแผลเป็นดูเหมือนจะรู้ผลกันแล้ว
“กระดูกพันธนาการ!”
เสียงคำรามของหยิงหลิงกระดูกขาวดังก้อง กระดูกสีขาวหลายชิ้นตกลงมาจากฟ้าราวกับกลายเป็นกรงตกลงไปใส่ร่างของแผลเป็นและสังหารเขาในทันที
ร่างของแผลเป็นร่วงลงสู่พื้นแน่นิ่ง
และเมื่อแผลเป็นที่เป็นคนนำทัพได้ตายไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต่อสู้อีกต่อไป
ฝ่ายลูหยางพิงหยุดการต่อสู้ไปทีละคน พวกเขายังไม่ได้ยอมจำนน แต่เลือกที่จะหนีไป
“ง่ายมากกว่าที่คิด” ใบหน้าของคงฉินซีดเซียว การต่อสู้กับแผลเป็นทำให้เขาต้องเสียพลังวิญญาณไปเป็นมากมหาศาล
แต่การต่อสู้นั้นกลับง่ายกว่าที่คิดไว้มาก
คงฉิน มองไปที่สำนักงานใหญ่ของพรรคหวงชาจากในระยะไกลและบ่นพึมพำกับตัวเอง “ลูหยางพิง เจ้ามีแผนอะไรอยู่กันแน่ การที่เจ้าไม่ได้ลงสนามรบมาในตอนนี้จนแม้แต่แผลเป็นได้พ่ายแพ้ลงไปและผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง อื่น ๆ ของฝั่งเจ้าก็กระจัดกระจายหนีไปกันหมด เจ้ายังคิดว่าจะสามารถเอาชนะพวกเราได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่อีกงั้นเหรอ?”
ใช่แล้ว จนถึงบัดนี้ลูหยางพิงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
มันแปลกมาก
“หัวหน้าขอรับ เอายังไงกันต่อดี” ใครบางคนพูดด้วยเสียงหอบแห้ง
คงฉินกล่าวว่า”พักผ่อนกันก่อนสักพัก จากนั้นตรวจสอบนับจำนวนคนที่เหลืออยู่ แล้วรีบมุ่งไปที่ฐานของพวกลูหยางพิง”
คำสั่งถูกกระจายส่งผ่านออกไป
ฝูงชนเริ่มกู่ร้องพร้อมกำลังใจเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าการเอาชนะฝ่ายลูหยางพิงและจัดระเบียบพรรคหวงชาใหม่จะไม่ไกลเกินเอื้อมเท่าไหร่แล้ว
“มีพี่น้องผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองแดง 352 คนเสียชีวิต พี่น้องผู้ใช้วิญญาณระดับเงินอีก 74 คนเสียชีวิตและพี่น้องผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง 4 คนได้เสียชีวิตลง” มีคนออกมารายงานผลนับยอด
คงฉินประหลาดใจที่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่าที่เขาคาดไว้มาก
“พี่น้องชายที่เสียชีวิตไปแล้วควรได้รับการฝังศพอย่างสมเกียรติไม่ต้องคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเลย” คงฉินถอนหายใจ “ความสูญเสียครั้งนี้น้อยกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”
ชายที่ดูโกรธตลอดเวลากล่าวขึ้น “ต้องยกความดีความชอบให้กับทางศาลาไป่หยู่แล้วล่ะ หัวหน้า”
“โอ้ หมายความว่ายังไงงั้นหรือ?” คงฉินอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าของร้านลั่ว ปล่อยฝูงแร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวจำนวนมากออกมา เพื่อเปลี่ยนกระแสสถานการณ์ของสงคราม นอกจากนี้ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินสองคนของศาลาไป่หยู่เอง ก็ได้สังหาร ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงของอีกฝ่ายสองคน ทำให้เราได้รับความกดดันอย่างมากไป”
“ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินเนี่ยนะ ฆ่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงได้?” คงฉินรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับใบหน้าของเขา
ชายที่ดูโกรธตลอดเวลาสงสัย “มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ หัวหน้า”
“ทางเราได้สูญเสียพี่น้องผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงไปสี่คน เหลือเพียงแค่แปดคนเท่านั้น ข้ากลัวว่าหลังจากจบศึกรวมพรรคหวงชาแล้ว พวกเราจะไม่สามารถปราบปรามศาลาไป่หยู่ได้อีก” คงฉินกล่าวอย่างกังวล
ศาลาไป่หยู่มีพลังต่อสู้ระดับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงถึงสามคน
ยิ่งไปกว่านั้นตามข้อตกลง การให้ความร่วมมือของศาลาไป่หยู่ หมายความว่าในอนาคตพวกเขาจะมีเอกราชอย่างสมบูรณ์ในพื้นที่เขตหวงชา
นี่เป็นปัญหาใหญ่แน่
ชายที่ดูโกรธตลอดเวลาลังเลและกล่าวออกไปว่า “ยังไง ๆ มากสุดพวกเขาก็แค่มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงสามคน เมื่อพวกเรารวบรวมกองกำลังที่เหลือของฝ่ายลูหยางพิงมาได้ ศาลาไป่หยู่จะสู้เราไหวได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่เข้าใจรึไงว่า ถ้าหากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินสองคนนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง พวกเขาเหนือกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงธรรมดา ๆ ไปหลายขุม” ดวงตาของคงฉินจับจ้องอย่างจริงจัง จนชายที่ดูโกรธตลอดเวลาไม่กล้าพูดอะไรต่อ
คงฉินมองไปที่ฝูงแร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวที่บินลงมาที่ด้านข้างของลั่วอู๋จากระยะไกล มีความระหวาดระแวงแฝงอยู่ในสายตาของเขา
หลังสงครามนี้พรรคหวงชาจะอ่อนแอลงอย่างมาก
ถ้าเป็นไปได้เขาควรกำจัดปัจจัยที่ไม่เสถียรให้โดยเร็วที่สุดน่าจะดีกว่า