บทที่ 174
การจากไปอย่างแท้จริง
ฟางฉุนฮีหดหู่ใจมาก
หลังจากทำงานหนักทั้งหมดนี้เขากลับไม่ได้รับอะไรเลย
ที่แย่ที่สุดคือมีข่าวจากทางตระกูลลั่วส่งมาอีกแล้ว
ทางตระกูลโกรธมากและไม่พอใจในประสิทธิภาพการทำงานของเขา นี่เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้วแต่เรื่องของสำนักโล่พิทักษ์เล็ก ๆ ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอะไร
ฟางฉุนฮีไม่รู้ว่าทำไมทางเหล่าผู้นำตระกูลถึงได้กังวลเกี่ยวกับสำนักโล่พิทักษ์นักหนา แต่เขารู้ว่าเขาต้องเร่งมือให้เร็วขึ้นกว่านี้
นอกจากฟางฉุนฮีเป็นถึงผู้ช่วยมือขวาของเหล่าพ่อบ้านในตระกูลลั่วแล้ว เขาก็ยังเป็นพ่อบ้านของตระกูลลั่วที่ภักดีต่อผู้นำตระกูลลั่วอย่างแท้จริงอีกด้วย
เขารู้สึกสับสน
แม้ว่าเรื่องนี้จะค่อนข้างร้ายแรงในเชิงของการกบฏ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยคุ้มค่าที่ผู้นำตระกูลลั่วจะต้องมาให้ความสนใจ หรือว่าจะเป็นเพราะลั่วอู๋?
ฟางฉุนฮีไม่เข้าใจ
แต่เขารู้ว่าเขาต้องเร่งมือ
แต่เขาก็คิดวิธีอื่นที่จะจัดการกับสำนักโล่พิทักษ์ไม่ออกจริงๆ
เขาจำเป็นต้องใช้กำลังในการแก้ปัญหาครั้งนี้จริง ๆ หรือ?
หากเป็นการใช้กำลังแล้วละก็ เรื่องความขัดแย้งนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที ดังนั้นเขาต้องกำจัดสำนักโล่พิทักษ์โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
เขาต้องเชิญผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงผู้มีความสามารถอันแข็งแกร่งมา
แต่ค่าใช้จ่ายมันจะไม่แพงเกินไปหน่อยเหรอ ?
……
……
เจ็ดวันต่อมา
เจ้าของร้านคนเก่าได้กลับไปที่บ้านของตระกูลวู่ ในรถม้าเก่า ๆ ของตระกูล
เขามีอายุมากแล้ว ขาของเขาดูจะขยับลำบากและกระสับกระส่าย อีกทั้งยังรู้สึกปวดหัวบ่อยๆ
นี่คงเป็นผลข้างเคียงของการถูกใช้ทักษะ อ่านวิญญาณ
หลานชายของเขาทิ้งเขาเอาไว้คนเดียวและไม่มาหาเขาอีกเลยหลังจากเขาทิ้งวู่หยู่เอาไว้ในห้อง
กล่าวกันว่าวู่บูยงยังคงเชื่อใจในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลลั่วครั้งแล้วครั้งเล่า เขาหวังที่เพิ่มความสัมพันธ์นี้ และเพิ่มโอกาสที่จะได้เป็นผู้จัดการสำนักงานใหญ่ของศาลาไป่หยู่
สำนักงานใหญ่ของศาลาไป่หยู่นั้น แค่สามารถเป็นหนึ่งในคนงานได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งแล้ว
“แค่ก แค่ก”
เจ้าของร้านคนเก่ากำลังนอนไอและหายใจอ่อนแรงอยู่บนเตียง
“กินนี่ซะ ” คนรับใช้ของตระกูลวู่ วางจานอาหารอย่างหยาบคายลงบนโต๊ะแล้วมองไปที่เจ้าของร้านคนเก่าด้วยสายตาดูถูก
ตาของเจ้าของร้านคนเก่าเต็มไปด้วยความเศร้า เขาพยายามลุกขึ้นนั่งจากนั้นหัวของเขาก็เริ่มปวดแปล๊บอีกครั้ง
“ อย่าพยายามทำตัวน่าสมเพชเลยน่า” คนรับใช้หันมามองแล้วพูดต่อว่า “เจ้าเป็นชายชราที่ไร้ประโยชน์ ที่ทำให้เจ้านายของข้าหลายคนในตระกูลไม่พอใจเมื่อเร็ว ๆ นี้ อารมณ์ของเขาแย่ลงมาก พวกข้าก็เลยโดนตะคอกอย่างไร้เหตุผลบ่อย ๆ”
เจ้าของร้านคนเก่ามองคนรับใช้อย่างยากลำบาก
หัวหน้าตระกูลวู่และผู้ใหญ่ในตระกูลหลายคนไม่พอใจเจ้าของร้านคนเก่าอย่างมาก
เพราะถ้าหากพวกเขาสามารถทำสัญญากับตระกูลลั่วได้สำเร็จ มันจะสามารถยกระดับของตระกูลวู่ไปได้อีกขั้น และเป็นหนึ่งในตระกูลสาขาที่สำคัญได้
น่าเสียดายที่เป็นเพราะเจ้าของร้านคนเก่าไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ความปรารถนาของพวกเขาจึงล้มเหลว
อีกทั้งมันยังอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลลั่วด้วยซ้ำไป
วิญญาณร้าย
ถังขยะเก่า ๆ
นี่คือสิ่งที่คนตระกูลวู่แอบเรียกเขาลับหลัง
แทบไม่มีใครในตระกูลวู่มองเจ้าของร้านคนเก่าในแง่ดี ถ้าเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลวู่เขาคงจะถูกขับไล่ออกไปแล้ว
คนที่จากบ้านของตระกูลวู่มากว่าสิบปีอย่างเขาแทบจะกลายเป็นคนนอกไปแล้ว
เจ้าของร้านคนเก่ารู้สึกขมขื่นในใจ
“เจ้าช่วยเรียกหลานชายของข้ากลับมาให้ข้าได้ไหม” เจ้าของร้านคนเก่ากล่าวอย่างอ่อนแรง
คนรับใช้เย้ยหยัน “อย่าพูดอะไรโง่ ๆ น่า นายท่านไม่ว่างหรอก ข้าจะไปเรียกเขามาให้เจ้าได้ยังไงกัน ?”
เจ้าของร้านคนเก่าตัวสั่นแล้วหยิบหินวิญญาณออกมา “ตราบใดที่เจ้าช่วยข้า เรียกเขามาหินวิญญาณนี่จะเป็นของเจ้า ไปบอกเขาซะว่าข้ามีวิธีที่จะช่วยเขาได้”
“งั้นเจ้ารอสักพัก” ทันทีที่เห็นหินวิญญาณแววตาของคนใช้สว่างขึ้น เขาคว้าหินวิญญาณด้วยความรีบร้อนและวิ่งออกไป
เจ้าของร้านคนเก่ารู้สึกอ้างว้าง
เดิมวู่บูยงเป็นหลานชายที่สนิทกับเขา แต่ตอนนี้ถ้าเขาอยากจะเจอวู่บูยง เขากลับต้องใช้วิธีแบบนี้
อาหารบนโต๊ะถูกทิ้งไว้จนเย็นเฉียบ
เจ้าของร้านคนเก่าไม่รู้สึกความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย เขานั่งอยู่บนเตียงมองขึ้นไปที่แสงที่ส่องลอดเข้ามาในห้องและเข้าสู่สภาวะสมาธิ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ปัง
ประตูถูกทุบเปิดออก
“ท่านลุงหยู่ ท่านลุงหยู่” วู่บูยงรีบเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “ท่านบอกว่าจะช่วยข้าได้งั้นเหรอ ?”
เจ้าของร้านคนเก่าพยักหน้าช้าๆ
“ท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร” วู่บูยงถามอย่างรีบร้อน
เจ้าของร้านคนเก่าหัวเราะ “ข้าอยากเจอกับพ่อของเจ้าพาข้าไปหาเขาที ข้าไม่ได้เห็นหน้าเขามานานแล้ว”
“ท่านมีปัญหาอะไร บอกข้ามาก่อนสิว่าท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร” วู่บูยงกังวลมาก
เจ้าของร้านคนเก่าเงียบ
วู่บูยงโกรธเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า “ได้ ได้ อยากเจอพ่อข้าใช่ไหม ? งั้นไปหาเขากัน”
หลังจากนั้นวู่บูยงก็นำเข้าขึ้นนั่งบนรถเข็นและผลักเจ้าของร้านคนเก่าไปที่ห้องโถงของเหล่าบรรพบุรุษ
เจ้าของร้านคนเก่ามองไปที่ป้ายหลุมศพของพี่ชาย
มีแต่ความเงียบสงบ
พี่ชายของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มและตัวเขาก็ถูกย้ายไปทำงานที่เขตหวงชา วู่บูยงในตอนนั้นคงทำอะไรไม่ถูก เขาเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเด็กที่มีชีวิตชีวาและใจดี เป็นเด็กที่โหดร้ายคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไม
“ท่านลุงหยู่ พอใจหรือยังล่ะ ?” วู่บูยงกล่าว
เจ้าของร้านคนเก่าพยักหน้า “คงจะดีถ้าเจ้าเคารพข้าเหมือนในอดีตก้มกราบข้าสักรอบ”
วู่บูยงอดทน เขาคุกเข่าลงและก้มกราบ คนที่เขาเรียกว่าท่านลุงหยู่
“พาข้าไปรอบ ๆ ข้าอยากจะดูรอบบ้านตระกูลวู่อีกสักครั้ง แล้วช่วยพาข้ากลับไปที่ห้องที” เจ้าของร้านคนเก่าพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้าและศีรษะของเขาก็เริ่มปวดแปล๊บอีกครั้ง
วู่บูยงอดไม่ได้ที่จะโวยวาย “ท่านลุงหยู่อย่ามาล้อเล่นบ้า ๆ กับข้านะ”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าก็ยังเป็นหลานชายของข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วู่บูยงก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขาพาเจ้าของร้านคนเก่าวนรอบบ้านตระกูลวู่แล้วส่งเขากลับไปที่ห้องของเขา
“ท่านลุงหยู่ ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว” ความอดทนของ วู่บูยงเริ่มหมดลงและน้ำเสียงของเขาก็แย่ลงมาก
“ใช่ เจ้าทำได้ดีมาก”
“บอกข้าสิ ว่าท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร”
เจ้าของร้านคนเก่าตัวสั่นและหยิบถุงหินวิญญาณออกมา “นี่คือเงินออมทั้งหมดของข้า 1 ล้านหินวิญญาณ นี่มันน่าจะเกินพอที่จะสามารถติดสินบนซื้อที่ตำแหน่งผู้จัดการศาลาไป่หยู่สาขาหลักได้”
1 ล้านหินวิญญาณ
ที่มันช่างมากมาย
ลั่วอู๋ได้มอบเงินให้กับเจ้าของร้านคนเก่า ก่อนที่เขาจะจากไป
เขาบอกว่ามันถือเป็นเงินบำนาญสำหรับเจ้าของร้านคนเก่า
เจ้าของร้านคนเก่าพยายามปฏิเสธมัน แต่ลั่วอู๋ก็ยืนยันว่าจะให้ เขาจึงยอมรับมาแต่โดยดี
“นี่มันเยอะมากเลยนี่นา!” วู่บูยงคว้าถุงหินวิญญาณไป ดวงตาของเขาเป็นประกายในทันที “ท่านลุงหยู่ ท่านนี่รวยจริงๆ ท่านมีเงินมากขนาดนี้ ท่านคงไม่สามารถดูแลพวกมันด้วยตัวเองได้ใช่ไหมล่ะ”
วู่บูยงจากไปอย่างเร่งรีบ
เขาควรรีบเอาพวกมันไปใช้เพราะยังมีอีกหลายคนที่กำลังเล็งตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานใหญ่ศาลาไป่หยู่เช่นเดียวกับเขา
เจ้าของร้านคนเก่ามองไปที่ด้านหลังของวู่บูยงด้วยรอยยิ้มที่เศร้าสร้อย
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เจ้าของร้านคนเก่าพยายามลุกขึ้น เขาฉีกผ้าปูที่นอนออกเป็นเส้น ๆ แล้วมัดรวมกัน โยนขึ้นไปบนคาน
จากนั้นก็ขยับม้านั่งไปตรงนั้นด้วยความยากลำบากแล้วก้าวขึ้นไปช้าๆ
“นายน้อย ข้าขออภัยด้วยที่ทาสชราคนนี้จะต้องขอลาท่านไปก่อน”
“ข้าไม่มีหน้าจะกลับไปหาท่านอีกต่อไปแล้ว”
“การที่ได้เห็นร้านของตัวเองเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ ข้าคงไม่มีอะไรต้องค้างคาอีก”
“หากชีวิตหลังความตายมีจริง ทาสชราคนนี้ก็ยังเต็มใจที่จะทำงานภายใต้บารมีของนายน้อยอีกครั้ง”
เจ้าของร้านคนเก่าหลับตาลงแล้วเตะม้านั่ง
เขาตายลงอย่างเงียบ ๆ ในห้องนั้น