บทที่ 229
การคุ้มครอง
ลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าหวงชา
เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมากกว่า 20 ครั้ง ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างหลบหนีกระจายกันออกไป
ไม่ว่าจะเป็นลิงที่ร่างกายปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีดำเคลื่อนที่อยู่บนภูเขา หรือว่างูตัวใหญ่ที่หลับใหลอยู่ใต้ดินผู้มีสายเลือดของมังกรปีศาจ พวกมันเองก็ยังต้องถอยหนีไป
มันไม่มีเหตุผลอื่น
สาเหตุนั้นเนื่องจาก ผู้ที่รวมตัวกันอยู่ส่วนลึกของป่าหวงชานั่นก็คือผู้ใช้พลังวิญญาณแห่งราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน พลังวิญญาณที่รุนแรงนี้จะสงบลง พลังวิญญาณค่อย ๆ เติมเต็มส่วนลึกของพื้นที่ป่าหวงชาก่อนจะสลายหายไป
“การเสริมพลังผนึกได้เสร็จสิ้นแล้ว” ชายผู้ถือดาบขนาดใหญ่ที่มีท่าทางเย็นชากล่าว
ผู้คนกว่า 20 คนรู้สึกโล่งใจ
หลังจากคุยกันสักพัก พวกเขาก็แยกทางกันไป
ท้ายที่สุด การใช้จ่ายพลังวิญญาณของทุกคนนั้นมีมากเกินไป เพราะพวกเขาจำเป็นต้องปรับแต่งผนึกให้ทันเวลา
ลั่วไป่เหาถอนหายใจ “กระดูกโบราณเหล่านี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์สักทีเดียวสินะ”
ตอนนี้เขาก็อายุมากแล้ว ถ้าเกิดว่าเขาอยากจะมีชีวิตอยู่อีกสักร้อยปี เขาก็คงจะต้องทำแบบนี้ต่อไปให้ได้ เพราะอย่างไรก็ตามมันก็ยังยากเกินไปสำหรับเขาที่จะปราบปีศาจหยวนด้วยตัวเอง
“มันไม่ด้อยไปกว่าการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตาย ถ้าข้ายังทำแบบอีกต่อไปเรื่อย ๆ ข้าก็คิดว่าแม้แต่ข้าเองก็คงจะไม่ไหว” ลั่วไป่เหาแสดงความกังวลผ่านดวงตาของเขา
ลั่วไป่เหาไม่มีความสุขเลยที่จะต้องถูกแทนที่ด้วยคนรุ่นใหม่ และลึก ๆ แล้วเขาก็ไม่มีความสุขที่จะต้องถูกแทนที่ด้วยลั่วอู๋
“เวลาเริ่มจะไม่เหลือแล้วสินะ” ลั่วไป่เหาไตร่ตรองและคิดคำนวณ “ข้าเสียเวลามากไปในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึก และการทดสอบเฉียนหลงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”
ณ ช่วงเวลานั้น เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นและไม่รู้สึกถึงเวลาของโลกภายนอก
ลั่วไป่เหารีบเดินทางกลับมายังตระกูลลั่ว
“ลั่วอู๋อยู่ที่ไหน? ทำไมเขายังไม่กลับมา” ลั่วไป่เหาถาม
ผู้อาวุโสของตระกูลลั่ว ที่รู้สึกกังวลอยู่กำลังหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“อะไรกัน? ตอนนี้ข้าโกรธมาก ทำไมเขาถึงยังไม่ได้ถูกเชิญมาที่นี่” ลั่วไป่เหาโกรธมาก “ทำไมพวกเจ้าถึงไม่สามารถทำสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ได้กัน?”
ลั่วฮันเชียงผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน พูดออกมาด้วยความตกใจ “ลั่วอู๋ยังคงตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลลั่ว ไม่มีทางที่เขาจะกลับมาหรอก มันเป็นเรื่องยากมากที่เราจะใช้คำพูดอธิบายกับลั่วอู๋ พวกเราไม่สามารถใช้กำลังได้”
“เจ้าโง่ เจ้าจะไม่พาเขากลับมาโดยการใช้กำลังงั้นหรือ? การขจัดความเป็นปรปักษ์กันนั้นเป็นเรื่องรอง การนำเขากลับมาต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ!” ลั่วไป่เหากล่าว
ขณะนั้นลั่วเสี่ยนหยุนได้เดินออกมา
“ลั่วไป่เหา ข้าก็เองคิดเช่นนั้น แต่ว่า… ” ลั่วเสี่ยนหยุนบอกบางอย่างที่เขารู้แก่ลั่วไป่เหา
ลั่วไป่เหาขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการหลิงหลงที่ติดหนี้ลั่วอู๋ 3 ครั้งงั้นหรือ? ไม่ใช่แน่นอน ข้าไม่คิดว่าลั่วอู๋นั้นจะไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงบ้าคนนั้น”
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าไปพัวพันกับผู้หญิงบ้าคนนั้น
ถ้าเรามีการต่อสู้ที่ยุติธรรมเขาคงจะดีกว่าสัตว์ประหลาดตัวเก่าหลายร้อยปี แต่ถ้าเราต้องสู้กับชีวิตและความตายเขาต้องยอมรับว่าเขาต้องตาย
ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้นมีพลังของสิ่งมีชีวิตบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้อยู่
“ท่านปู่ ลั่วอู๋นั้นเนรคุณกับท่านเอาไว้มากจนยากที่ลืมได้ลง” มีบางคนพูดข้อเสนอออกมา
หลังจากการเปลี่ยนแปลง มีไม่กี่คนในตระกูลลั่วที่ยังไม่พอใจกับลั่วอู๋
ลั่วไป่เหาพูดอย่างเย็นชา “บอกข้าที ว่าใครจะเข้าร่วมกับสำนักเฉียนหลงในนามของเยาวชนรุ่นใหม่ของตระกูลลั่ว ใครจะไปเทียบได้กับปีศาจอันชั่วร้ายของตระกูลเอ๋ากัน”
ผู้คนในตระกูลลั่วต่างตกตะลึงในคำพูดของบรรพบุรุษ ลั่วอู๋นั้นเปรียบได้กับปีศาจอายุน้อยของตระกูลเอ๋าเลยงั้นหรือ?
ลั่วไป่เหากัดฟันและพูดว่า “การสอบคัดเลือกของเฉียนหลงรอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ข้าจะไปรับเจ้าหนูนั่นกลับมาเอง”
……
……
ถนนที่ทอดยาว เส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
ลั่วอู๋, หลี่หยิน และฉูจงฉวน กำลังนั่งอยู่บนรถม้า โดยนั่งบนรถมากว่าเกือบครึ่งเดือน และในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง นั่นคือมณฑลไท่หยวน
มณฑลไท่หยวนคือดินแดนที่ติดกับชายฝั่ง ตั้งอยู่ใจกลางของราชวงศ์มังกรเร้นกาย แต่ภูมิประเทศคดเคี้ยวไปมา และมีทะเลติดกับมณฑลไท่หยวน ทะเลด้านในเรียกว่าหยุนไห่ ซึ่งกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของมณฑลไท่หยวน น้ำทะเลเป็นสีฟ้าและใสมาก ในน้ำมีพลังวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อลั่วอู๋มาถึงมณฑลไท่หยวน การสอบคัดเลือกของเฉียนหลงรอบที่ 3 ยังไม่เริ่มขึ้น เขาจึงเช่าเรือเพื่อออกทะเล
เหตุผลนั้นง่ายมาก เขาอยากเห็นสัตว์วิญญาณที่อยู่ในทะเล
มีสัตว์วิญญาณทะเลหลายชนิดซึ่งลั่วอู๋ไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
นาก
แมงกะพรุนลอยน้ำ
ซาลาแมนเดอร์
นกนางนวล
ฯลฯ
มีสัตว์วิญญาณจำนวนมากที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ภายในสิบวันลั่วอู๋ได้จับสัตว์วิญญาณทั้งหมดในทะเลได้มากกว่า 200 ชนิด
“อาจมีสัตว์วิญญาณที่มหัศจรรย์มากกว่านี้ในทะเล แต่มันอันตรายเกินไปที่จะดำลงไปในทะเลลึก” ลั่วอู๋กลับไปที่ฝั่ง จ้องมองไปที่ทะเลหมอกพร้อมกับถอนหายใจ
ฉูจงฉวนลูบใบหน้าของเขา และพูดออกมาว่า “งานอดิเรกเรื่องการสะสมของเจ้า นั้นช่างวิเศษมาก ข้าถูกความร้อนจากลมทะเลจนผิวเกือบดำคล้ำแล้วเนี่ย”
ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “สัตว์วิญญาณแต่ละประเภทนั้นต้องใช้เวลาในการเติบโต มันเป็นเหมือนกับความสำเร็จของชีวิตเจ้าเข้าใจไหม”
ฉูจงฉวนกลอกตาไปมา
แต่เขารู้สึกแปลก ๆ อยู่ในใจ ว่าแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของลั่วอู๋มีพื้นที่เท่าไหร่กัน? เขาจะเต็มอิ่มจากการรวบรวมสัตว์วิญญาณจำนวนมากได้งั้นหรือ?
สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนก็คือมีทะเลสาบอันกว้างใหญ่ในมิติไห และมันเป็นสถานที่ที่จะกักขังสัตว์วิญญาณเหล่านี้เอาไว้ได้
“ถ้าเจ้าได้มีโอกาสไปยังทะเลเหนือสุดขอบ เจ้าจะได้พบกับสัตว์วิญญาณมากมายในทะเล มันเป็นทะเลอันกว้างใหญ่” มีเสียงดังออกมาไม่ไกลนัก
ผู้คนหันไปทางเสียงนั้น เสียงนั้นเป็นของเหวินเสี่ยว
เขายังคงมีรอยยิ้มที่สดใส ดวงตาที่ชัดเจนและดูเยาว์วัย ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกดีเมื่อได้พบกับเขา
ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเคยไปที่นั่นด้วยงั้นหรือ เจ้ารู้จักทะเลเหนือสุดขอบได้อย่างไร? ข้าเคยได้ยินมาว่าที่นั่นมีอากาศหนาวมาก คนธรรมดาไม่สามารถอาศัยอยู่ได้”
ทะเลเหนือตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของทวีป เป็นทะเลที่กว้างใหญ่ ซึ่งว่ากันว่ามีขนาดใหญ่กว่าทั้งทวีป
เหวินเสี่ยวหัวเราะและไม่ตอบคำถาม แต่เขากล่าวว่า “ทูตเฉียนหลงกำลังจะลงมาในเร็ว ๆ นี้แล้ว”
ไม่นานนักเงาดำก็ปรากฏขึ้นมา
นั่นคือทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรดำ
“รวมตัว!” ชายผู้สวมหน้ากากมังกรดำตะโกน
ทั้ง 49 คนต่างรอคอยการมาถึงงของเขา
ทูตเฉียนหลงถอดหน้ากากออก และแสดงใบหน้าอันเย็นชาของเขา และแสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจ “เนื่องจากพวกเจ้ามาถึงการสอบคัดเลือกรอบที่ 3 พวกเจ้ามีสิทธิ์ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของข้า”
เสียงที่คุ้นเคยของชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขานั้นคือทูตเฉียนหลงที่รับผิดชอบในการทดสอบครั้งแรกและครั้งที่สอง
“ข้ามีนามว่าเฉินหวู่จี้ ข้าเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกทั้ง 12 มณฑลของจักรวรรดิฝั่งตะวันตกเฉียงใต้”
“อย่าคิดว่าเจ้าจะต้องแข่งขันกับคนรอบข้าง มันไม่ง่ายเลยที่จะรับมือกับผู้มีพรสวรรค์จากทางตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ”
“การสอบคัดเลือกรอบที่ 3” “จะไม่มีโควตาให้ ถ้าเจ้ามีความสามารถเพียงพอ พวกเจ้าทุกคนก็สามารถเข้าร่วมกับสำนักเฉียนหลงได้” เฉินหวู่จี้พูดอย่างเย็นชา
ใบหน้าฝูงชนแสดงความตื่นเต้นออกมา
แต่ในช่วงเวลาต่อมา คำพูดของเฉินหวู่จี้ทำให้การแสดงออกของฝูงชนนั้นแข็งทื่อ
“ถ้าพวกเจ้าไม่มีความสามารถมากพอ ก็ออกไปจากการสอบคัดเลือกซะ”
เฉินหวู่จี้กวาดตามองฝูงชน “มีอะไรจะถามไหม?”
มีคนยกมือขึ้นอย่างระมัดระวัง“ขอโทษขอรับ ทำไมที่นี่ถึงมีแค่คนจากฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้นล่ะ ไม่สิทำไมถึงนับแค่คนจากทั้ง 3 ทิศ แล้วทิศตะวันออกเฉียงใต้กับทิศตะวันตกเฉียงเหนือล่ะ พวกเขาก็เป็นคนจากเมืองหลวงของจักรวรรดิเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ”
“เมืองหลวงของจักรวรรดิงั้นหรือ?” เฉินหวู่จี้หัวเราะ “อัจฉริยะเหล่านั้นได้รับการคุ้มครองจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ ซึ่งได้รับการประเมินว่าเป็นกลุ่มของคนที่ไร้ซึ่งความสามารถ”
ฝูงชนแสดงสีหน้าโมโห
มากเกินไปแล้ว ทำไมเขาถึงพูดถึงคนจากเมืองหลวงแบบนั้นกัน?
เฉินหวู่จี้พอใจกับคำพูดของเขาอย่างมาก เขาจงใจล่ออารมณ์โกรธเอาไว้ให้ทุกคนได้แสดงมันออกมาในอนาคต อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่อยากให้พวกเขาไปเสียท่าให้กับคนจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ