บทที่ 234
ตระกูลเอ๋า
บรรยากาศในห้องโถงของตระกูลลั่วนั้นดูสง่างาม
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีใครคิดว่าลั่วอู๋จะโหดร้ายถึงขนาดพูดออกมาว่า “งั้นเจ้าก็ตายไปซะ” ได้อย่างเรียบง่าย
ลั่วไป่เหาเฝ้าดู
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาเพียงแค่มองดูอย่างเงียบ ๆ ราวกับรู้ว่าลั่วอู๋คิดจะทำอะไรต่อไป
เหวินหรงร้องไห้อย่างขมขื่นและขอร้องให้ลั่วอู๋ยกโทษให้นาง “ลั่วอู๋ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้าก็แค่หมกมุ่นอยู่พักหนึ่ง ข้ารู้ว่าข้าผิด”
ลั่วอู๋หันหน้าไปอีกทาง ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการรับข้อแก้ตัวใด ๆ
ดวงตาของลั่วฮั่นฮั๊วเปล่งประกายอันรุนแรง จากนั้นเขาก็ฝ่ามือของเขาลงบนผ้าคลุมของเหวินหรงพร้อมปลดปล่อยพลังวิญญาณของเขาออกมา
ดวงตาของเหวินหรงแสดงสีหน้าอันตกใจ“ ท่าน … ”
คำพูดของนางไม่ได้แสดงถึงความโกรธแต่เป็นความเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครได้รู้เพราะวิญญาณในแววตาของนางได้สลายไปแล้ว
เหวินหรงล้มลงกับพื้นเสียชีวิตในทันที
นางถูกสังหารโดยสามีของนางเอง
ลั่วฮั่นฮั๊วมองไปที่ลั่วอู๋ “มันเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนี้ที่ทำร้ายเจ้า ตอนนี้พ่อฆ่านางเพื่อเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะสามารถให้อภัยในการละทิ้งหน้าที่ในฐานะพ่ออย่างข้า แม้ว่าข้าจะเป็นคนที่ไล่เจ้าออกจากตระกูลลั่ว แต่ข้าก็ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยนะ”
เขาต้องการหวนคืนสู่การเป็นผู้นำตระกูลอีกครั้ง
และมีเพียงลูกชายที่ถูกเนรเทศคนนี้เท่านั้นที่จะมีอิทธิพลสามารถแก้ไขการตัดสินใจของท่านบรรพบุรุษแห่งตระกูลลั่วได้
เขาจึงต้องได้รับการให้อภัยจากลั่วอู๋
ลั่วอู๋หันหน้าไปมองผู้ตายอย่างน่าเวทนาและทันใดนั้นก็หัวเราะ “เจ้าไม่ได้คิดจะทำร้ายข้าอย่างงั้นเหรอ ? ขอบคุณที่พูดแบบนั้นออกมานะ”
ลั่วฮั่นฮั๊วพูดไม่ออกชั่วขณะ
มันเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดอย่างยิ่งที่เขาไม่เคยสนใจลูกชายคนนี้เลย อีกทั้งยังขับเขาออกจากตระกูลทันทีที่พิธีการก้าวสู่วัยรุ่นของเขาผ่านไป
“การฆ่าภรรยาที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีดูจะเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเจ้า ข้าเกรงว่าเจ้าเองก็คงจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยในตอนที่ขับไล่ลูกชายที่ไร้ประโยชน์ออกไปจากตระกูล” ลั่วอู๋เย้ยหยัน
ใบหน้าของลั่วฮั่นฮั๊วเสียรูป เขารู้สึกอับอายและโกรธ “ข้าเป็นผู้นำตระกูลลั่ว ข้าต้องพิจารณาเรื่องนั้นเพื่อประโยชน์ของทั้งตระกูลลั่ว การไล่ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัตินั้นมันผิดตรงไหน ? ตระกูลใหญ่ ๆ ทั้งหมดเองก็เป็นเช่นนี้ไม่ต่างกัน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล พวกเราควรให้ความสำคัญกับบุตรที่ดีเยี่ยมแทนบุตรที่เสีย ข้าคิดผิดหรือเปล่า?”
ความชอบธรรมและความเที่ยงธรรมในคำพูดของเขานั้นมั่นคงมาก
“ ใช่ เจ้าพูดถูกในฐานะผู้นำตระกูล เจ้าควรทำเช่นนั้นจริง ๆ” ลั่วอู๋ดูสงบจนผิดปกติ
“น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้นำตระกูลเท่านั้น แต่ยังเป็นพ่อคนด้วยและเจ้าไม่ได้ทำอะไรที่คนเป็นพ่อควรจะทำเลยแม้แต่น้อย”
ลั่วอู๋หัวเราะเบา ๆ “ได้โปรดบอกข้าด้วย ในฐานะลูกชายที่ถูกทอดทิ้งและถูกพ่อของเขาเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังถูกไล่ออกจากตระกูล ข้าควรจะทำอะไรเพื่อแก้แค้นเจ้าดี”
ลั่วฮั่นฮั๊วลุกลี้ลุกลน “ฟังข้าก่อนนะ ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ”
“แล้วมันยังไง” ลั่วอู๋ดูไม่สนใจ “เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการให้ข้าให้อภัยในการละทิ้งหน้าที่ในฐานะพ่อของเจ้าสินะ”
“ขอโทษด้วยที่ข้าไม่อาจให้อภัยเจ้าได้”
ลั่วอู๋หันหลังเดินออกจากห้องโถงของตระกูลลั่วโดยไม่คิดจะหันกลับมา
แสงแห่งความหวังในดวงตาของ ลั่วฮั่นฮั๊วค่อย ๆ จางลง
เขารู้ดีว่าเขานั้นไม่สามารถกลับมาเป็นผู้นำตระกูลได้อีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ยังสูญเสียลูกชายที่มีพรสวรรค์ไปตลอดกาล
ลั่วอู๋ออกจากห้องโถงและตรงไปยังห้องอันต่ำต้อยที่เขาเคยอาศัยอยู่ มันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของเขา
ลั่วอู๋กราบสามครั้งความเคารพ จากนั้นก็ส่งพลังวิญญาณลงไปในไหปีศาจ
แม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว จึงเหลือความประทับใจไว้ให้เขาเพียงเล็กน้อย เขาจึงจำเหล่านั้นได้คลุมเครือว่า แม่ของเขาเป็นคนที่มีบารมีมากและควรค่าแก่การเคารพ
“พอใจแล้วใช่ไหม ?” เสียงของลั่วไป่เหาดังขึ้นในหูของลั่วอู๋
ลั่วอู๋พยักหน้า “ก็ไม่เลวเท่าไหร่”
ผู้ที่ทำร้ายตัวเขาในอดีตได้เสียชีวิตไปแล้ว และพ่อผู้เย็นชาและใจร้ายคนนั้นก็ได้รับความเฉยเมยที่เคยมอบให้กลับไป
“งั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องคุยกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจแล้ว” ลั่วไป่เหาดูจริงจังมาก “เรื่องของสำนักเฉียนหลงนั้นสำคัญมาก”
“พูดมาเลยสิ” ลั่วอู๋พยักหน้า
เขาต้องเข้าร่วมสำนักเฉียงหลงให้ได้
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้มันเป็นการดีที่เขาจะทำอะไรบางอย่างเพื่อตระกูลลั่ว
“เหตุผลที่ข้าขอให้คนอื่นเชิญเจ้ากลับมา แต่กลับไม่ยอมให้พวกเขาแถลงข่าวสู่สาธารณะ นั่นก็เพราะข้ากังวลว่า ถ้ามีคนรู้ว่าถึงความสำคัญของเจ้าต่อตระกูลลั่ว พวกเขาจะลงมือกับเจ้า” ลั่วไป่เหากล่าว
การแสดงออกของลั่วอู๋ดูสง่างาม “แล้วตระกูลลั่วของพวกเราจัดการพวกเขาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
“พวกมันไม่ใช่ศัตรูธรรมดา” ถ้าเป็นศัตรูธรรมดาลั่วไป่เหาก็คงไม่ได้สนใจ “ตระกูลใหญ่อย่างพวกเรานั้นมีศัตรูไม่กี่พวกหรอก เหล่าตระกูลในเมืองหลวงของจักรวรรดิเช่นเราต่างก็เป็นศัตรูกันทั้งนั้น ทุกฝ่ายมักจะถูกลอบสังหาร ยิ่งด้วยที่ว่าตระกูลลั่วของเราให้ความสำคัญอย่างมากกับการปรับแต่ง ดังนั้นผู้สืบทอดมักจะอ่อนแอในแง่ของประสิทธิภาพในการต่อสู้และถูกลอบสังหารได้โดยง่าย”
แทนที่จะกลัวการได้ยินแบบนี้ทำให้ลั่วอู๋โล่งใจเล็กน้อย
เขามีวิธีการมากมายในการป้องกันศัตรูที่มาลอบสังหาร จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะถูกลอบสังหาร
“แต่ในหมู่ศัตรูนั้นมีอยู่ตระกูลหนึ่งที่น่ารังเกียจเป็นพิเศษ พวกมันคือศัตรูตัวฉกาจของตระกูลเรา” ลั่วไป่เหากล่าว
“ตระกูลเอ๋าของจักรวรรดิ ซึ่งเป็นตระกูลที่ดุร้าย พวกมันมักจะยั่วยุเหล่าลูกหลานตระกูลลั่วของเราด้วยเจตนาร้ายอยู่เสมอ ที่สำคัญผู้อาวุโสในตระกูลของพวกเขานั้นน่ารำคาญเป็นที่สุด”
เมื่อพูดถึงผู้อาวุโสของตระกูลเอ๋า ลั่วไป่เหาก็กัดฟันของเขา
ลั่วอู๋เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเอ๋ามาก่อน
พวกเขาเป็นตระกูลผู้ใช้พลังวิญญาณที่ทรงพลัง หากเทียบกันในหมู่ตระกูลชั้นนำ พวกเขาคือตระกูลที่มีความสามารถมากมายและแข็งแกร่งมากในการต่อสู้
“ใครจะไปนึกว่าตระกูลลั่วของเรามีเรื่องบาดหมางกับเจ้าพวกนั้น” เขาไม่เคยมีสิทธิ์ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ
ลั่วไป่เหาปลอบใจเขา “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะพวกมันในการต่อสู้ได้ ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะเอาชนะตระกูลเอ๋าในการทดสอบเฉียนหลงได้ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งให้ผู้คนในตระกูลลั่วได้ประจักษ์”
เขารู้ดีว่าในการต่อสู้จริง ๆ นั้นคนของตระกูลลั่ว ไม่สามารถชนะคนจากตระกูลเอ๋าได้
แต่การทดสอบเฉียนหลงนั้นไม่ได้จัดเรียงตามประสิทธิภาพในการต่อสู้ แต่เป็นความสามารถโดยรวมในทุก ๆ ด้าน
ลั่วอู๋มองไปที่บรรพบุรุษอย่างสงสัย “ตระกูลลั่วถูกตระกูลเอ๋าปราบปราม โดยไม่ได้โต้กลับไปบ้างสักสองสามครั้งเลย หรือ ?”
สีหน้าลั่วไป่เหาดูเจ็บใจ
“ผ่านมาเกือบร้อยปีแล้วยังไม่มีเลยสักคน” ลั่วไป่เหาถอนหายใจ “การฝึกฝนความสามารถในตระกูลลั่วของเรานั้นไม่ได้ขาดตกบกพร่อง แต่ความอัจฉริยะของตระกูลเอ๋าในการฝึกฝนความสามารถนั้นโดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด”
เมื่อนึกถึงเมื่อเกือบร้อยปีก่อนที่เขาถูกเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเอ๋าเยาะเย้ย ความโกรธในใจของลั่วไป่เหาก็เดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“งั้นข้าก็แค่ต้องปราบอัจฉริยะของตระกูลเอ๋าให้ได้ใช่ไหม? ไม่มีปัญหา” “ แต่ข้ามีคำถามสุดท้ายอยู่หนึ่งข้อ” ลั่วอู๋พูด
“ถามมา”
“ต้นกำเนิดของตระกูลเอ๋าคืออะไรและเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ดูเหมือนว่าความบาดหมางระหว่างสองตระกูลจะเกิดจากท่านสินะ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“ช่างเถอะ พวกมันก็แค่พวกโง่ไร้สมอง” ใบหน้าของลั่วไป่เหา แสดงรอยยิ้มอันภาคภูมิใจ “ความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างสองตระกูลก็เป็นเพราะข้าประสบความสำเร็จและเขาล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจข้าและตั้งเป้าหมายมาที่ตระกูลลั่วของพวกเราเสมอมา”
ลั่วอู๋มองไปที่บรรพบุรุษของเขาในความเงียบสงบ