บทที่ 236
ยินดีต้อนรับสู่ความตาย
บรรยากาศดูตึงเครียด
ออร่าท่าทางอันดูโหดร้ายของหลี่หยินแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวนางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันและถอยหนีออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะหลี่หยิน” ฉูจงฉวนพยายามปลอบอย่างรีบร้อน
แต่หลี่หยินกลับเมินเขา ดวงตาของนางจ้องมองไปที่หนานกงหยิงเอ๋อ ราวกับจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ
ไม่มีใครสามารถแยกข้าและนายน้อยออกจากกันได้
ไม่มีใครสามารถทำได้
หนานกงหยิงเอ๋ออดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังและพร้อมที่จะเรียกนกกระเรียนแห่งการจุติใหม่ออกมาต่อสู้
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลี่หยิน ฉูจงฉวน ข้ากลับมาหาพวกเจ้าแล้ว” ประตูของสำนักเฉียนหลงเปิดออกอย่างช้า ๆและเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากในระยะไกล
ฉูจงฉวนตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนี้
เขาหันศีรษะไปและเห็นว่ามีจุดสีดำกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกดั่งภาพศิลปะอันสวยงามราวกับภาพวาดหมึก
“ดวงตาของฉูจงฉวนเกือบจะทะลุออกจากเบ้า
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน?
ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรอให้ประตูของสำนักเฉียนหลงเปิดอยู่จากข้างนอก ถ้าอย่างนั้นเขาอาจจะกำลังตามเข้ามาข้างในหรือเปล่า?
ทันทีที่หลี่หยินได้ยินเสียงของลั่วอู๋และร่างกายของนางก็แข็งทื่อ ลมหายใจอันรุนแรงหายไปในทันที ดวงตาของนางกลับมาสดใส และรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนดั้งเดิมของนางก็กลับคืนมา
“นายน้อย?” หลี่หยินมองไปในระยะไกลด้วยความประหลาดใจ
ลั่วอู๋กำลังวิ่งมาทางนี้
เป็นอีกครั้งที่หลี่หยินกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของลั่วอู๋
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบอกแล้วยังไงล่ะ ว่าข้าจะกลับมาหาพวกเจ้า” ลั่วอู๋ลูบหัวของหลี่หยิน
หนานกงหยิงเอ๋อมองไปที่ลั่วอู๋เหมือนเห็นสัตว์ประหลาด “เจ้าเข้ามาได้ยังไงกัน เจ้าไม่ผ่านการทดสอบนี่นา ?”
“ข้าถูกขอร้องให้กลับเข้ามาน่ะ” ลั่วอู๋ตอบกลับไป
คนโดยรอบที่ได้ยินคำพูดนั้นต่างก็หนาวสั่นไปตาม ๆ กัน
ถูกขอร้องให้กลับมาเข้าสำนักเฉียนหลง?
เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน
“เจ้าเข้ามาได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย?” ฉูจงฉวนประหลาดใจพลางมองไปที่นอกประตูและหันไปมองที่ ลั่วอู๋ “เจ้ามากับคนของทางเมืองหลวงที่ผ่านการทดสอบเข้ามาเหรอ?”
ลั่วอู๋พยักหน้าและยิ้ม “ใช่แล้ว”
“เจ้าทำได้อย่างไร?” ฉูจงฉวนถาม
“ตระกูลลั่ว มีโควตาพิเศษดังนั้นข้าจึงเข้ามาได้ แต่ข้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลลั่วนะ” ลั่วอู๋ตอบ
ฉูจงฉวนตกตะลึง “โควตาพิเศษ?”
“เจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?” ลั่วอู๋ถาม
มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ? โควตาพิเศษมันมีค่ามากนะสิ ตระกูลใดที่มีโควตาพิเศษมีเพียงน้อยนิด และมันถือเป็นสมบัติระดับหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วทำไมเขาจึงยกให้เจ้าล่ะ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้เหล่าผู้ที่กำลังมองดูอยู่ต่างก็รู้สึกรังเกียจ
ทำไมคนอย่างเขาถึงยังมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง?
ฉูจงฉวนแทบเป็นบ้า “แต่เจ้าไม่ได้มีความสัมพันธ์กลับตระกูลลั่วนี่นา ไม่สิ! ทำไมพวกเขาถึงต้องการให้โควตาพิเศษกับเจ้ากันล่ะ พวกเขาไม่กลัวที่จะต้องเลี้ยงศัตรูงั้นเหรอ?
“อย่าสนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ น่า ” ลั่วอู๋หัวเราะ
ฉูจงฉวนกลอกตาอย่างรุนแรง
นั่นไม่ใช่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย
ลั่วอู๋ลูบหัวหลี่หยินเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่หนานกงหยิงเอ๋อ ใบหน้าของนางดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ “เจ้ายังไม่เลิกจุ้นจ้านกับพวกข้าอีกงั้นสินะ”
หนานกงหยิงเอ๋อยังดูสดใสอยู่
“เจ้าดูไม่ภูมิใจเท่าไหร่เลยนะ ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร แต่ข้ารู้ดีว่าถ้าเจ้าไม่มีความสามารถมากพอ ท้ายที่สุดเจ้าก็จะถูกไล่ออกอยู่ดี แม้ว่าเจ้าจะเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงมาได้แล้วก็ตาม” หนานกงหยิงเอ๋อตะคอก
ลั่วอู๋พูดอย่างปรามาส “โอ้ ขอบใจที่เตือน ลาก่อน”
หนานกงหยิงเอ๋อโกรธมากจนแทบอยากจะสู้กับเขาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้
“จงเปิดออก” ทูตเฉียนหลงทั้งสามคนกู่ร้องขึ้นพร้อมเพรียงกัน
ประตูเปิดอย่างสมบูรณ์และในที่สุดผู้คนต่างก็เดินเข้ามาในสำนักเฉียนหลง หลายคนต่างแสดงสีหน้าตื่นเต้น เพราะในที่สุดเหล่าผู้มีพรสวรรค์จากเมืองหลวงของจักรวรรดิและมณฑลใหญ่ ๆ ก็ได้มารวมตัวกันแล้ว
ทันใดนั้นแท่นสูงก็ลอยขึ้นมาจากพื้นด้วยแรงผลักดันมหาศาล
“หืม ปีนี้มีคนผ่านเข้ามาเยอะมากเลยทีเดียว” ชายชราผมขาวเครายาวปรากฏตัวขึ้นบนแท่นสูงพร้อมกับรอยยิ้ม
แม้ว่าลมปราณของเขาจะดูสงบ แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกชายชราคนนี้
เพราะเขามีตราพิเศษอยู่บนหน้าอก
ตราของราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ว่ากันว่ามีเพียงผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งราชวงศ์มังกรเร้นกายเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับตรานี้ จากบารมีของเขา
ราชวงศ์มังกรเร้นกายนั้นถูกก่อตั้งมานานหลายพันปี แต่มีผู้ที่ได้รับตราของราชวงศ์ เพียงไม่ถึงแค่ 20 คนเท่านั้น และแต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
ชายชราคนนี้คือ หลี่หวู่หยวนรองประธานสภาสูงของราชวงศ์มังกรเร้นกาย
“เป็นเกียรติที่ได้พบท่านรองประธาน” ทูตเฉียนหลงทั้งสี่คนต่างแสดงความเคารพ
สายตาของหลี่เฉียนหยวนมองไปที่เหล่าผู้ผ่านการทดสอบ “มีคนสอบผ่านมา 105 คน เดี๋ยวนะเกินมา 1 คนได้ยังไง? ”
ทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หนึ่งคนที่เกินมานั้น ได้รับการแนะนำมาจากตระกูลลั่ว ถึงจะสายเกินไปแต่ข้าก็นำเขามาด้วย”
“โอ้ตระกูลลั่วงั้นเหรอ ?” หลี่หวู่หยวนยิ้ม “ในที่สุดตระกูลลั่วก็เต็มใจที่จะใช้โควตาพิเศษของตัวเองเสียทีสินะ”
เป็นเวลานานแล้วที่ตระกูลลั่ว ไม่ได้ส่งลูกหลานที่มีความสามารถคู่ควรกับฉายา “ปีศาจ” มา
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียหน้าในสำนักเฉียนหลง พวกเขาจึงยังไม่ได้ใช้โควตาพิเศษเสียที แต่เลือกที่จะให้ลูกหลาน ของตระกูลเข้าร่วมการทดสอบเฉียนหลงแบบปกติ
ซึ่งนี่ก็เป็นแนวทางปฏิบัติของหลาย ๆ ตระกูลด้วยเช่นกัน
“คนจากตระกูลลั่วอยู่ที่ไหน?” หลี่หวู่หยวนกล่าวด้วยเสียงดัง
ลั่วอู๋เดินออกมาจากฝูงชนด้วยความเขินอาย “ข้าเอง มีอะไรงั้นเหรอ?”
“คนที่เพิ่งมาจากเมืองหลวงจักรวรรดิสามารถตรงเข้าไปที่สำนักด้านในได้เลยไม่ต้องอยู่รอที่นี่” หลี่หวู่หยวนกล่าว
สำนักเฉียนหลงแบ่งออกเป็นด้านในและด้านนอก
เฉพาะผู้ที่ทำผลงานได้ดีในสำนักภายนอกเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปด้านในได้ หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว
ขณะเดียวกันหากผลงานแย่เกินไปเขาก็จะถูกส่งตัวกลับไปที่ด้านนอก และหากประสิทธิภาพแย่ลงอีกก็จะถูกขับออกจากสำนักเฉียนหลง
หลายคนมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความประหลาดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนานกงหยิงเอ๋อ นางไม่ได้คาดคิดว่าลั่วอู๋จะเข้ามาด้วยโควตาพิเศษซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก
“อืมก็ดีแฮะ” ลั่วอู๋เกาหัวของเขา
แม้ว่าจะไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดในสำนักทั้งภายในและภายนอก แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อหากัน
ในวันธรรมดาประตูของลานด้านในจะปิดดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้สื่อสารกับคนที่อยู่ชั้นนอก
ฉูจงฉวนพูดด้วยเสียงต่ำ “ไปเร็ว ๆ สิ เจ้าจะยืนบื้องุนงงอะไรอยู่ ไม่ได้ฟังคำพูดของรองประธานรึไง เจ้าต้องการอยู่ที่สำนักเฉียนหลงไหม?”
“ข้าจะพยายามหาทางช่วยพวกเจ้าให้เข้ามาในสำนักชั้นใน” ลั่วอู๋ตอบเสียงเบา
ฉูจงฉวนพูดไม่ออก “เจ้าไว้ใจพวกเราไม่ได้เหรอ ? ไม่ต้องห่วงไปน่า พวกเราจะผ่านการทดสอบและตามเจ้าเข้าไปในสำนักชั้นในเอง ”
ลั่วอู๋หัวเราะและมองไปที่หลี่หยิน
หลี่หยินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “นายน้อยท่านเข้าไปก่อนได้เลยเจ้าคะ ฉูจงฉวนและข้าจะตามท่านไปเร็ว ๆ นี้แน่”
ลั่วอู๋พยักหน้า
ลั่วอู๋ก้าวขึ้นไปบนเวทีสูงท่ามกลางฝูงชน ผ่านประตูของสำนักด้านในที่เปิดออก มีเสียงเย็น ๆ สองเสียงดังอยู่ในหูของเขา
“เฮ้เฮ้ คนจากตระกูลลั่ว”
“ในเมื่อเจ้าถูกพาเข้ามาแล้ว ขอให้สนุกกับช่วงเวลาสุดท้ายที่เจ้าจะปลอดภัย”
ลั่วอู๋กระตุกหัว
เขาเห็นเอ๋าเฉาและเอ๋าหยู่สองพี่น้องตระกูลเอ๋า ทั้งคู่ส่องแสงในรูม่านตาที่แตกต่างกันแสดงให้เห็นถึงเจตนาฆ่าของพวกเขาที่ไม่มีการปกปิดเลยแม้แต่น้อย
“พวกเราจะตามหาเจ้า”
พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงออกมาแค่ทำปากเหมือนพูดแบบนี้
ลั่วอู๋ยิ้มตอบ “ถ้างั้นก็ยินดีต้อนรับสู่ความตาย”
จากนั้นเขาก็หันไปทางซ้ายและเดินล่วงหน้าเข้าไปในสำนักด้านใน