บทที่ 267 การเตรียมตัว
บทที่ 267 การเตรียมตัว
หลังจากนั้นการประลองก็ได้สิ้นสุดลง
เหตุการณ์ในวันนี้ได้ถูกแพร่กระจายไปในหมู่นักเรียนทุกคน และแม้แต่อาจารย์พิเศษหลายคนก็ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ในวันนี้
ฉูจงฉวนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม
เขาสามารถต่อสู้กับเอ๋าเฉาหนึ่งในสองพี่น้องตระกูลเอ๋าได้ และสามารถฆ่าเขาได้ครั้งหนึ่ง
แม้ว่าฉูจงฉวนจะเกือบถูกเอ๋าเฉาฆ่าหลังจากที่เขาฟื้นคืนชีพมาก็ตาม แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าฉูจงฉวนนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายแพ้ในการต่อสู้
เขายังมีศักยภาพให้พัฒนาได้อยู่อย่างไม่จำกัด
นอกจากนี้เขายังไม่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธะตัวที่สามด้วยซ้ำ
หลังจากการประลองฉูจงฉวนได้รับคำเชิญมากมาย มีหลายคนอยากเป็นพันธมิตรกับเขา
แม้แต่อาจารย์พิเศษหลายคนก็ยังมีความคิดที่จะรับ ฉูจงฉวนมาเป็นศิษย์
เหล่าอาจารย์พิเศษในสำนักเฉียนหลงนั้นไม่ได้อ่อนแอ พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีผู้สนับสนุนมากขึ้นกว่าในสมัยที่เป็นนักเรียน นอกจากนี้พวกเขายังมีแนวทางในการฝึกฝนเฉพาะตัวอีกด้วย นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอาจารย์พิเศษ
ดังนั้นจึงมีนักเรียนหลายคนต้องการฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์พิเศษต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามฉูจงฉวนนั้นไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาตรงไปที่บ้านพักของลั่วอู๋เพื่อพักฟื้น
“แสงศักดิ์สิทธิ์!”
ตวนซีเปลี่ยนร่างเป็นภูตปีกแสงอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องลงมาลงที่ร่างของเขา มาบาดแผลของฉูจงฉวนก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและแผลที่มือของเขาก็ค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิม
“โอ้ มันใช้งานได้ดีจริง ๆ” ฉูจงฉวนอุทานกับตวนซี “เจ้าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยนะ ด้วยทักษะรักษาเนี่ย”
ลั่วอู๋เหน็บ “ไม่ นี่ไม่ฟรี เจ้าต้องจ่ายมา”
“ไอ้เจ้า..ลั่วอู๋ หยวน ๆ ให้ข้าไม่ได้เหรอ” ฉูจงฉวนโกรธ
“เจ้าผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลฉู เจ้าไม่ได้ขาดแคลนเงินซะหน่อยนี่นา”
“ถึงข้าจะเป็นถึงหัวหน้าตระกูล ข้าก็ยังเป็นแค่นายน้อย ข้ายังไม่ใช่เจ้าบ้านซะหน่อย” ฉูจงฉวนกล่าวว่า “เจ้าเองก็เถอะ ช่วงนี้น่าจะร่ำรวยใช่ไหม ผู้ปรับแต่งที่นี่ทำเงินมากมายไม่ใช่ เหรอ ?”
“ข้าใช้มันไปหมดแล้ว” ลั่วอู๋พูด
“ ……”
จากนั้นพวกเขาก็สนทนากันสักพัก
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถเก็บเงินจากฉูจงฉวนได้ อย่างไรก็ตามฉูจงฉวนนั้นเป็นคนมีเหตุผล เขาจึงไม่ได้ถามเกี่ยวกับตวนซี เขารู้ดีว่าทุกคนย่อมมีความลับของตัวเอง
นี่ทำให้ลั่วอู๋โล่งใจ
ฉูจงฉวนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการโกงหรือปกปิดข้อมูลอะไรกัน แต่หลาย ๆ อย่างมันยากเกินกว่าที่เขาจะอธิบายได้จริง ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก หนิงปิงหลันก็มาที่นี่
“ข้าได้ยินเกี่ยวกับการประลองมาแล้วนะ” หนิงปิงหลันพูดเปิดตรงประเด็นในทันที “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมีลูกเล่นอื่น ๆ ที่ข้าไม่รู้ซ่อนอยู่”
ลั่วอู๋ยิ้มอย่างเชื่องช้า เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงตวนซี
นางกำลังสงสัยในวิธีการบางอย่างของลั่วอู๋ เช่นการใช้ทักษะทะลวงมิติที่สามารถทำการเคลื่อนย้ายได้ในระยะไกล ทักษะการแยกร่างพิเศษที่หายาก และทักษะภาพลวงตามีพลังมากกว่าทักษะสายตาแห่งความตาย
แม้ว่าเอ๋าเฉาจะใช้พลังวิญญาณไปมากในการต่อสู้กับ ฉูจงฉวน แต่การที่ลั่วอู๋สามารถเอาชนะเขาได้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว นั้นย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่คิดว่าลั่วอู๋ ผู้เกิดในตระกูลของผู้ปรับแต่งปรับแต่งวิญญาณจะสามารถเอาชนะ เอ๋าหยู่ซึ่งมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายและมีพลังการต่อสู้เหนือชั้นได้
“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน ที่จะมีไพ่ตายลับซ่อนอยู่” เห็นได้ชัดว่าหนิงปิงหลันมาที่นี่ไม่ได้เพื่อจะมาตำหนิลั่วอู๋
“ขอบคุณมากสำหรับการฝึกซ้อมของท่าน ข้าได้รับประโยชน์มากมายจากมัน” ลั่วอู๋กล่าว
“ไม่เป็นไร ข้ายินดี” หนิงปิงหลันส่ายหัว “มันเป็นแค่ข้อตกลงของเรา ข้าได้สอนเจ้าในทุก ๆ อย่างที่ควรจะสอนแล้ว ที่เหลือเจ้าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการต่อสู้”
“ข้าแค่มาที่นี่เพื่อเตือนเจ้าว่า แม้เอ๋าเฉาจะถูกไล่ออกจากสำนักชั้นในแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะออกไปเขาได้ทิ้งเนตรทรราชชั่วร้ายของเขาไว้ให้กับเอ๋าหยู่”
ลั่วอู๋ประหลาดใจ “ท่านหมายความว่ายังไง?”
การให้สัตว์วิญญาณคู่พันธะแก่ผู้อื่นมันได้ประโยชน์อะไร? ต่อให้เอ๋าหยู่ได้มันไปเขาก็ไม่น่าจะสามารถส่งพลังวิญญาณให้มันได้ และต่อให้สัตว์วิญญาณจะมีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง แต่มันก็มีกฎว่าห้ามยืมสัตว์วิญญาณของผู้อื่นมาใช้ในการประลอง
ไม่อย่างนั้นผู้ประลองก็คงจะยืมวิญญาณระดับเพชรจากผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมา และผลของการประลองก็คงจะไม่ยุติธรรม
“ไม่มีใครรู้ว่า พวกเขาวางแผนอะไรกันอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจจะมีวิธีหลบเลี่ยงกฎของเวทีการประลอง ชื่อเสียงของสองพี่น้องตระกูลเอ๋าไม่ใช่แค่เรื่องโอ้อวด เจ้าควรระวังตัวไว้ให้ดี” หนิงปิงหลันกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ลั่วอู๋พยักหน้าในใจ
เดิมทีหนิงปิงหลันนั้นมาฝึกสอนให้ตามข้อตกลงเท่านั้น แต่หลังจากได้ฝึกสอนเขาติดต่อกันมาหลายวัน นางก็เริ่มเห็นถึงศักยภาพของลั่วอู๋ และอดไม่ได้ที่จะเริ่มสนใจเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเขา
ทุกวันนี้งานปรับแต่งสัตว์วิญญาณจากห้องโถงหวันฝาที่เขาได้รับเองก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ
เห็นได้ชัดว่าหนทางหาเงินเส้นทางนี้ของเขาเริ่มจะอิ่มตัวแล้ว
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้รีบร้อนในการหาคะแนนเท่าไหร่ เขาปักใบประกาศเพราะเขาสนใจในการได้เห็นสัตว์วิญญาณและทักษะใหม่ ๆ เพื่อเรียนรู้ความรู้เกี่ยวกับทักษะต่าง ๆ มาเสริมความรู้ของตัวเขาเองมากกว่า
ที่สำคัญกำหนดการของการประลองระหว่างลั่วอู๋กับ เอ๋าหยู่นั้นดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ทุกคนต่างรู้กันดีว่าตระกูลของทั้งสองคนเป็นศัตรูกันมาอย่างช้านาน
มิติไห
ต้าหวง ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ และตวนซี กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานกลมกลืนกัน พวกมันทั้งหมดต่างมีพลัง พันธสัญญาของลั่วอู๋ ดังนั้นพวกมันจึงรู้สึกสนิทใกล้ชิดกัน
ตวนซีตื่นเต้นและเปลี่ยนรูปร่างไปมา
มันชอบเปลี่ยนรูปร่างตามเหล่าสัตว์วิญญาณที่เห็นในมิติไห
ครั้งหนึ่งมันเคยกลายร่างเป็นนกหน้าโง่และเผลอดึงดูดแร้งทรายกลุ่มใหญ่ เหยี่ยวหยกขาวและนกนางนวลแดงเข้ามา จนเกือบจะทำให้เกิดสงครามขึ้น
นอกจากนี้ตวนซียังเคยกลายเป็นวิญญาณ ทำให้ถูกไป่ฉีไล่ล่าตามมาเข้าร่วมทัพด้วยที่มันมีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ จนลั่วอู๋ต้องมาโน้มน้าวให้เขายอมเลิกไล่ลามัน
“ตวนซีมานี่หน่อยสิ” ลั่วอู๋ตะโกน
ตวนซีกระโดดลงไปข้างหน้าลั่วอู๋อย่างไร้เดียงสารอ ดวงตาสีฟ้ากลมโตราวกับรอคำสั่งของลั่วอู๋อยู่
“ข้ากำลังจะมีการต่อสู้ที่สำคัญมากหลังจากนี้ ดังนั้นข้าจึงต้องการความแข็งแกร่งของเจ้า” ลั่วอู๋ลูบใบหน้านุ่ม ๆ ของมัน
ตวนซีดีใจอย่างตรงไปตรงมา
ดูเหมือนว่านายท่านของมันจะมั่นใจในตัวมัน มันจึงพร้อมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นกำลังให้กับเขา
“น่าเสียดายที่ระดับมิติวิญญาณของเจ้ายังต่ำเกินไป” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
แม้จะใช้ทักษะเปลี่ยนแปลงพัฒนา ระดับมิติวิญญาณของตวนซีนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในการต่อสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง พลังในการรบของมันจึงอาจจะยังน้อยเกินไป
“ข้าคงต้องใช้พลังของไหปีศาจ เพื่อยกระดับมิติเจ้าให้เป็น ระดับทอง ซะแล้วสิ” ลั่วอู๋พูด “อย่างไรก็ตามการยกระดับมิติวิญญาณทีเดียวมาก ๆ อาจทำให้แก่นวิญญาณของเจ้าไม่มั่นคงและขาดความเข้าใจ จนติดอยู่ในระดับทองเป็นเวลานาน เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดถึงใช่ไหม?”
ตวนซีพยักหน้าอย่างจริงจัง
มันเข้าใจแต่ก็ไม่ได้สนใจ
ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างพันธสัญญาวิญญาณ ตวนซีได้ถ่ายทอดความคิดของมันให้กับลั่วอู๋ “ไม่ต้องกังวลไปนายท่าน ต่อให้แก่นวิญญาณของข้าจะไม่มั่นคง แต่ตัวข้านั้นถือกำเนิดมาจากความสับสนวุ่นวาย ข้ามีการรับรู้อันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หากท่านต้องการยกระดับมิติวิญญาณของข้าละก็ ข้าไม่มีทางขาดความเข้าใจในแก่นวิญญาณของตัวเองได้แน่”
ลั่วอู๋ตกใจมาก
การยกระดับมิติวิญญาณและความเข้าใจในแก่นวิญญาณเป็นสิ่งที่เสริมกันและกัน
อย่างไรก็ตามตวนซีต้องการเพียงแค่การยกระดับมิติวิญญาณเท่านั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องตระหนักถึงจุดนี้ นั่นหมายความว่าความเร็วในการยกระดับมิติวิญญาณของมันจะมากกว่าสัตว์วิญญาณตัวอื่น ๆ อย่างน้อยสองเท่า
หากได้รับความช่วยเหลือจากไหปีศาจ เขาก็สามารถยกระดับมิติวิญญาณของมันได้อย่างไม่จำกัด
มันยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต อีกทั้งมันไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม หรือต้องแก่นวิญญาณใด ๆ มันจึงไม่มีข้อเสียใด ๆ ในการยกระดับมิติวิญญาณตามความต้องการ
มันเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเพิ่มความแข็งแกร่งด้วย ความสามารถขั้นสูงของไหปีศาจ
“พระเจ้า ข้าได้ฟักไข่สัตว์ประหลาดแบบไหนออกมากันล่ะเนี่ย?” ลั่วอู๋เอามือก่ายหน้าผากขึ้น
โชคดีที่เขายังไม่ได้ขายไข่ไปก่อน เพราะมันต้องใช้ต้นทุนในการฟักสูง
ลั่วอู๋ยกระดับมิติวิญญาณของตวนซีในทันที ค่าใช้จ่ายในการยกระดับมิติวิญญาณเพียงไม่กี่ขั้นนั้นไม่มากเท่าไหร่ แต่จำนวนแต้มเซียนที่จำเป็นในการมิติวิญญาณใหญ่ ๆ นั้นกลับสูงมาก
ตั้งแต่ระดับเงิน มิติ 10 ไปจนถึงระดับทอง มิติ 1 ต้องการแต้มเซียนถึง 8000 แต้ม
เมื่อพูดถึงการยกระดับมิติวิญญาณระดับทองแล้ว จำนวนแต้มเซียนที่ต้องใช้ในการยกระดับมิติวิญญาณขั้นเล็ก ๆ นั้น พอมานับรวมกันมันก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ลั่วอู๋ประเมินว่าหากเขาต้องการอัปเกรดจากระดับทอง มิติ 1 เป็นระดับทอง มิติ 10 เขาต้องมีแต้มเซียนเกือบ 50000 แต้ม
และจากระดับทอง มิติ 10 ถึงระดับทองขั้นสูง มิติ 1 เขาต้องมีอีก 30000 แต้มเซียน
“ลืมมันไปก่อนดีกว่า ข้าไม่สามารถจ่าค่าใช้จ่ายขนาดนั้นได้” ลั่วอู๋ล้มเลิกความคิดที่จะยกระดับมิติวิญญาณของตวนซีเป็นระดับทองขั้นสูงในทันที
แต่แล้วลั่วอู๋ก็นึกออกถึงอีกสิ่งหนึ่ง
ตวนซีฟักออกมาจากไข่ และเปลือกไข่นั้นก็น่าจะมีสสารเก่าหลงเหลืออยู่ให้สังเคราะห์กับวิญญาณมืดมิด
ถ้าเขาลองเอามันมาสังเคราะห์อีกครั้ง เขาจะได้ไข่มาอีกฟองไหม?
ลั่วอู๋พยายามสังเคราะห์ มันอีกครั้งในทันที
[ได้รับชิ้นส่วนของ หินแก่นวิญญาณ แต้มเซียน + 50]
มันล้มเหลว
ดูเหมือนว่าไข่ลึกลับนี้จะไม่ใช่สูตรสังเคราะห์ แต่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ