บทที่ 275 ภูตไหที่น่าสงสัย
บทที่ 275 ภูตไหที่น่าสงสัย
หลี่หยินเดินออกจากคฤหาสน์สุตรา
แต่เนื่องจากการจะเอาหนังสือทักษะออกไปนั้นต้องได้รับการยืนยันจากบรรณารักษ์ก่อน ดังนั้นหลี่หยินจึงเดินมาหาชายชราผู้เป็นบรรณารักษ์ของคฤหาสน์สุตรา
“ปณิธานของฝันร้ายที่ยิ่งใหญ่งั้นหรือ?” ดวงตาของชายชรามีแต่ความขุ่นมัว ดูเหมือนว่าเขาจะประหลาดใจกับการเลือกหนังสือทักษะของหลี่หยิน “สาวน้อย เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”
หลี่หยินพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
ร่างกายของชายชราสั่นไปมา ก่อนที่เขาจะช่วยลงทะเบียนให้กับหลี่หยิน เหมือนชายชราทั่วไป
เพียงแค่เขามองไปที่ด้านหลังของหลี่หยิน เขาส่ายหัวไปมาพร้อมกับรอยยิ้ม การเลือกทักษะที่ผิดพลาดผลลัพธ์คงได้เพียงครึ่งหนึ่ง แต่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าสองเท่า ด้วยศักยภาพของนางนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะเรียนรู้หนังสือเล่มนั้นได้
ชายชราคนนั้นมีรูปร่างผอมและผิวที่แห้ง แต่นิ้วมือของเขากลับเรียวมากดั่งเส้นผม
……
……
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนผ่านไปสามวัน
ลั่วอู๋วางหนังสือโบราณเอาไว้บนฝ่ามือ จากนั้นก็สูดอากาศเข้าออก
ที่คฤหาสน์สุตราของสำนักเฉียนหลงแห่งนี้ มีหนังสือโบราณรวบรวมเอาไว้มากมาย ที่บันทึกเรื่องราวสิ่งต่าง ๆ เอาไว้เกินกว่าผู้คนทั่วไปจะรับรู้
ศิลปะการต่อสู้โบราณที่สาบสูญ
ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะและอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง
เหตุใดทะเลเหนือสุดขอบถึงถูกสั่งห้ามเข้าไป
การก่อตัวของภาพลวงตาแห่งหุบเขามรณะ
แน่นอนว่าลั่วอู๋นั้นไม่ได้สนใจหนังสือเหล่านี้ เขาทำได้เพียงแค่เหลือบมองผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขายังคงมองหาหนังสือเกี่ยวกับภูตไห
อย่างไรก็ตาม ลั่วอู๋ก็ได้รู้ถึงคุณค่าของหนังสือเหล่านี้และด้วยความคิดที่ไม่ชอบการเสียผลประโยชน์เขาจึงเรียกเหล่าทหารผีออกมา และขอให้พวกมันคัดลอกหนังสือโบราณทั้งหมดที่เขาได้อ่าน
หลังจากผ่านมาสามวัน ลั่วอู๋ก็ได้พบข้อมูลบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับภูตไห
เมื่อประมาณ 30000 ปีที่แล้ว ศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นเฟื่องฟูมากบนผืนแผ่นดินใหญ่ และเป้าหมายของผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้โบราณเหล่านั้น คือการเป็นเทพสงครามอันทรงพลัง
ขณะนั้น ได้มีสัตว์วิญญาณที่รู้จักกันในนาม “ปีศาจ” ได้ถูกมนุษย์ล่าและสังหาร เพราะเลือดและเนื้อของพวกมันสามารถเสริมสร้างร่างกายได้ น้ำอมฤตภายในร่างกายของมันสามารถใช้ในการปรับแต่งยาอายุวัฒนะได้ กระดูกและกล้ามเนื้อของมันสามารถใช้ในการปรับแต่งอาวุธ และปีศาจบางตัวที่มีรูปร่างคล้ายหน้าตามนุษย์นั้นจะถูกจับเอาไว้เพื่อนำมาแสดง
ณ ตอนนั้น เหล่าปีศาจได้เสียเปรียบอย่างมาก
แต่ทันใดนั้น เผ่าปีศาจก็กลับมีพลังมากขึ้นอย่างมหาศาล และแม้แต่สัตว์ในตำนานทั้งหลายก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อกรกับเหล่ามนุษย์
ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับภูตไหในหนังสือโบราณเหล่านี้ แต่ลั่วอู๋มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับภูตไหก็เป็นได้
เมื่อ 20000 ปีก่อน
ได้มีอัจฉริยะผู้หนึ่งได้สร้างวิธีการปรับแต่งพลังวิญญาณ เขาสามารถทำพันธสัญญากับปีศาจเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปีศาจเหล่านั้นจึงถูกเรียกว่าสัตว์วิญญาณ
หลังจากการดิ้นรนเป็นเวลาหลายพันปี เผ่าปีศาจก็เริ่มจะเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์
แต่มันก็มีเรื่องที่แปลกอยู่ เพราะอัจฉริยะผู้นั้นไม่ได้บันทึกชื่อของเขาเอาไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ทิ้งชื่อเรียกง่าย ๆ เอาไว้เลย
ข้อมูลของอัจฉริยะผู้นั้นจะเงียบหายและไร้นามต่อไปแบบนี้อย่างงั้นหรือ?
8000 ปีก่อน
เกิดสงครามที่เลวร้ายขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเรียกได้ว่ามันคือหายนะอย่างหนึ่งก็ว่าได้
สนามรบกลายเป็นทะเลเลือด
ในที่สุด ป่าเตียนวูที่งดงามก็ถูกทำลายลง
อย่างไรก็ตาม มีชายผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้เปิดพื้นที่ใหม่และยุติข้อพิพาทโดยสิ้นเชิง ช่องว่างนั้นเรียกว่าโม่หยวน
ในหนังสือโบราณมีการละเว้นมากมายจนไม่สามารถฟื้นฟูรูปลักษณ์ดั้งเดิมของประวัติศาสตร์ได้
ในความเป็นจริงมีข่าวลือที่คล้ายคลึงกันมากมาย
ลั่วอู๋ไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับภูตไหหรือไม่
แต่เมื่อมีบุคคลลึกลับอยู่ที่ไหนในหน้าประวัติศาสตร์ ลั่วอู๋ก็จะนึกถึงภูตไหโดยไม่รู้ตัว
“แม้ว่าข้าจะได้ความรู้มากมาย แต่ดูเหมือนว่าการค้นหาข้อมูลของภูตไหนั้นจะไม่เป็นประโยชน์เอาเสียเลย” ลั่วอู๋ปวดหัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องยอมจ่ายและหาต่อไป จนในที่สุด ลั่วอู๋ก็พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์
ลานเฉียนหลง – มิติเหนือเมฆ
นี่คือหนังสือเกี่ยวกับสำนักเฉียนหลง แต่น่าเสียดายที่มีแค่บันทึกเหตุการณ์ของสำนักเฉียนหลง100 ปีหลังจากการก่อตั้งเท่านั้นข้อมูลที่เก่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ตามที่บันทึกเอาไว้
มิติเหนือเมฆนั้นเป็นพื้นที่ลึกลับ ซึ่งถูกเปิดขึ้นโดยเพื่อนของเจ้าสำนัก
แต่เพื่อนของเจ้าสำนักคนนี้แม้เขาจะไม่มีสัตว์วิญญาณ แต่ก็มีพลังที่เหลือเชื่อมากและเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีชีวิตอมตะ
ตามที่เขียนไว้ในหนังสือ ชายคนนี้อาจจะไม่ใช่ผู้ใช้พลังวิญญาณ แต่เป็นตัวตนที่มีพลังในการควบคุมมิติเชิงพื้นที่
แน่นอนว่านี่เป็นการคาดเดาและไม่มีหลักฐาน
ในขณะที่ลั่วอู๋กำลังจะเปิดหนังสือหน้าต่อไป เขาก็พบว่าไม่มีเนื้อหาต่ออีกแล้วที่ด้านหลังของหนังสือ
ไม่ใช่ว่ามันไม่มีการเขียนเอาไว้ แต่เนื้อหาด้านหลังของหนังสือนั้นถูกฉีกออก และมีร่องรอยความเสียหายที่ถูกสร้างโดยมนุษย์อย่างชัดเจน
“อ้าว? มันหายไปไหน” ลั่วอู๋วางหนังสือลงและเดินจากไป เขากัดฟันด้วยความโกรธ “ใครหน้าไหนมันฉีกออกไป มันต้องไม่ตายดีแน่ ”
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับภูตไหเจอ และตอนนี้มันก็หายไปแล้ว
ลั่วอู๋หยิบหนังสือออกมา และเดินมาหาชายชราด้วยความโกรธ “บรรณารักษ์ นี่มันหมายความว่ายังไง”
“โอ้ ปรับ 10,000 คะแนนสำหรับการทำให้หนังสือเสียหาย” ชายชราชำเลืองมอง
ลั่วอู๋ไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาได้ “มันไม่ใช่ฝีมือข้า! ข้ามาที่นี่เพื่อถามเจ้า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันเนื้อหาด้านในมันถึงฉีกขาดออกไป?”
ชายชราตั้งใจมอง “เพราะว่ามันถูกฉีกออกไป”
“แน่อยู่แล้วสิ ข้ารู้ว่ามันถูกฉีกออกไป”
“สุภาพด้วย เจ้าหนู”
“ข้า…”
ลั่วอู๋ครุ่นคิด “บรรณารักษ์ ท่านรู้ไหมว่าใครฉีกออกไป? ท่านสามารถหาเนื้อหาที่ถูกฉีกออกไปได้ไหม? ข้าต้องการส่วนที่เหลืออย่างมาก”
“ข้าไม่รู้” ชายชราส่ายหัวไปมา
จิตใจของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความโกรธ
เจ้าขาดความรับผิดชอบมากเกินไปในฐานะบรรณารักษ์
“ท่านรู้ไหมว่าผู้สร้างมิติเหนือเมฆนั้นหายไปไหน?” ลั่วอู๋พยายามถามออกไป
ชายชราส่ายหัว “ใครจะไปรู้เบาะแสลึกลับที่มีแต่เจ้าสำนักเฉียนหลงเท่านั้นที่รู้กัน”
“เยี่ยมเลย”
ลั่วอู๋รู้สึกว่าผู้ที่สร้างมิติเหนือเมฆนั้นคือภูตไห น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย
เขาจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อตอนที่เขาพัฒนาขึ้นมากกว่านี้เท่านั้น
เขาจะต้องไปพบเจ้าสำนัก แต่จะทำได้อย่างไร เว้นแต่…
“ใช่แล้ว การต่อสู้ชิงอันดับเฉียนหลง!” ลั่วอู๋เบิกตากว้าง
ตราบเท่าที่ได้เป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อ เขาก็จะได้สิ่งที่ท่านปรารถนา เขาสามารถขอให้สำนักเฉียนหลงช่วยค้นหาภูตไหได้ด้วยวิธีนี้งั้นหรือ?
ภูตไหนั้นมีความสำคัญต่อลั่วอู๋มาก
แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้ สุดท้ายก็กลับไปที่จุดเริ่มต้น นั่นก็คือการต่อสู้ชิงอันดับของสำนักเฉียนหลง
จุดประสงค์การเข้าร่วมการต่อสู้ชิงอันดับในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาชนะเอ๋าเฉียนจุน
ฉูจงฉวนข้าขอโทษด้วย
ดูเหมือนว่าพวกเราต้องแข่งขันกันเสียแล้ว ข้าสัญญาว่าจะช่วยเจ้าค้นหาอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะ และ ตามหาภูตที่งดงามที่สุดให้เพื่อตอบแทนเจ้า
อันดับหนึ่ง ข้าจะต้องได้มันมาให้ได้!
ลั่วอู๋ออกจากคฤหาสน์สุตราด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่
ชายชรามองไปที่ชื่อของหนังสือเล่มนั้น “ลานเฉียนหลง – มิติเหนือเมฆ” จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาผ่านสีหน้า
เขาตรวจสอบที่ความเสียหายของหนังสือ ดูมันเหมือนว่ามันจะถูกฉีกออกไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
แปลกมาก หากหนังสือในคฤหาสน์สุตราเสียหาย เขาจะต้องรู้สึกถึงมันได้ แต่แล้วทำไมครั้งนี้เขาถึงไม่รู้สึกถึงมันกัน?
……
……
ลั่วอู๋ไปที่สำนักย่อยการปรับแต่งเป็นที่แรก
ที่นี่มีอาจารย์ผู้ตรวจสอบการทดสอบของสำนักย่อยการปรับแต่งอยู่ ในฐานะผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณเขาควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการทดสอบของสำนักย่อยการปรับแต่ง เพื่อรับคะแนนจากการทดสอบ
ความสามารถที่ความแตกต่าง จะนำไปสู่การทดสอบที่ต่างกัน
สำหรับผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ ประเมินในด้านการปรับแต่งนั้นมีมาตรฐานคะแนนค่อนข้างอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ในการทดสอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ มาตรฐานคะแนนการทดสอบค่อนข้างอยู่ในระดับต่ำ
ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการประเมินผลโดยรวมให้ครอบคลุม
ลั่วอู๋มองไปที่อันดับของเขา ปรากฏว่าอันดับของเขาได้ร่วงลงมามาก ดูเหมือนว่านักเรียนทุกคนต่างก็เริ่มมีส่วนร่วมในการต่อสู้ชิงอันดับกันแล้ว
“ที่นี่คือสำนักย่อยการปรับแต่งของสำนักเฉียนหลงใช่ไหม?” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาเจ้าของเสียงนั้น
นางเป็นเด็กสาวผิวแทน และมีลวดลายแปลก ๆ บนใบหน้า ดูมีความหยาบคายเล็กน้อย นางสวมผ้าโพกศีรษะหลากสีและประดับด้วยขนนกบนศีรษะ มันเต็มไปด้วยลวดลายที่แปลกใหม่
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะสงสัย “เจ้าคือ?”
“หมอผีเผ่าจากเผ่าเที่ยนหวู่ – หยู่เสี่ยวฉาง” นางดูภูมิใจในตัวเองมากที่เข้ามารับการทดสอบที่นี่
ลั่วอู๋ตกตะลึง
เผ่าเที่ยนหวู่? เหมือนเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าจะเป็นคนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง! แล้วนางผู้นี้มาที่นี่ได้ยังไง?!