บทที่ 278 ขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่า
บทที่ 278 ขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่า
“ท่านอาจารย์ปรากฏตัวแล้ว”
“พวกเราไปหาท่านแล้ว แต่น้องสาวหลี่หยินบอกว่าท่านไม่อยู่”
“พวกเราไม่คิดว่าท่านจะสนใจการชิงอันดับ”
เหล่าสาว ๆ ต่างพูดคุยกัน
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าหายไปแค่ไม่กี่วันเอง ว่าแต่ เฉินหมิงหยูล่ะ นางอยู่ที่ไหน?”
“นั่นแหละค่ะ ปัญหา” หนิงหลิงหลิงลดเสียงลงและกล่าว “ท่านพี่สาวได้ตามผู้อาวุโสของตระกูลเฉินไปฝึกฝน นางไม่ได้สนใจการต่อสู้ชิงอันดับรายชื่อ นางแค่ต้องการพัฒนาระดับการปรับแต่งของนางให้เหนือกว่าท่าน”
เฉินหมิงหยูออกเดินทางไปฝึกฝน
ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางคือการเอาชนะลั่วอู๋ ที่เหลือนอกจากนี้นั้นไม่สำคัญอะไร
ดังนั้นนางจึงเข้าร่วมการทดสอบแบบทำให้ผ่าน ๆ ไป แล้วจากไปกับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฉิน
พื้นที่ของสำนักเฉียนหลงนั้นมีขนาดใหญ่มาก มันมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอีกเป็นจำนวนมากและมีสัตว์วิญญาณหายากอยู่ในส่วนอันลึกลับเหล่านั้น
มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปตามหาเฉินหมิงหยูกลับมา
แล้วจู่ ๆ ลั่วอู๋ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ณ อีกด้านหนึ่ง
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งมองไปที่ลั่วอู๋อย่างระแวดระวัง พวกเขาต่างสงสัยว่าชายคนนี้เป็นใคร?
พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อของเขา หรือเคยเห็นชื่อของเขาบนตารางจัดอันดับเลยด้วยซ้ำ
หยู่เสี่ยวฉางประหลาดใจ “เจ้าต้องการที่จะท้าทายข้างั้นเหรอ?”
“เจ้ารู้จักเขาไหม ?” ชายผู้สวมสร้อยคอฟันหมาป่าถาม
“ข้าเจอเขา ตอนมาที่สำนักย่อยการปรับแต่ง” หยู่เสี่ยวฉางพยักหน้า “เขาเป็นผู้ปรับแต่ง ข้าได้ยินมาว่าในการจัดอันดับของสำนักเฉียนหลง เขาอยู่ด้านล่างสุด”
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ
คนที่อยู่ในอันดับล่างสุดกล้ามาท้าทายหยู่เสี่ยวฉางเนี่ยนะ? ผู้ชายคนนี้ท่าจะบ้า
“ดูเหมือนว่าเจ้าคือชายที่อยู่ในอันดับต่ำสุดของอันดับรายชื่อเฉียนหลงที่ชื่อว่าลั่วอู๋และมีคะแนนประเมินเบื้องต้นเพียง 310 ใช่รึเปล่า” ชายผู้สวมสร้อยคอฟันหมาป่ามองไปที่ลั่วอู๋
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่ ข้าเอง”
“คะแนนเบื้องต้น เป็นการให้คะแนนสำหรับศักยภาพของแต่ละบุคคลใช่ไหม?”
“310 คะแนนฮ่า ๆ ๆ มันต่ำถึงขนาดนี้ได้ยังไง”
“พวกเราเจอคนที่แปลกที่สุดแล้ว เขามีคะแนนแค่ 310 คะแนน”
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งต่างส่งเสียงหัวเราะ
มันต่ำต้อยจนน่าอนาถ
ความจริงแล้วถ้าหากลั่วอู๋ได้เข้าร่วมการประเมินศักยภาพ คะแนนเบื้องต้นของเขาจะต้องพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีโอกาสนั้น ดังนั้นคะแนนของเขาจึงต่ำแบบนี้
“หัวเราะเสร็จแล้วเหรอ” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเงียบ ๆ
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งหยุดหัวเราะในทันที
พวกเขามองไปที่ลั่วอู๋ ความระมัดระวังเริ่มปรากฏในดวงตาของพวกเขา
ลั่วอู๋นั้นดูสงบมาก หากไม่ใช่เพราะธรรมชาติของเขาเป็นแบบนี้ มังก็คงจะเพราะเขามีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม
“ถ้าพวกเจ้าหัวเราะเสร็จแล้วข้าขอตัวไปเข้ารับการทดสอบล่ะ” ลั่วอู๋ตรงไปที่จุดทดสอบ
เหล่าชายหนุ่มจากภูเขาแห้งแล้งมองไปที่ลั่วอู๋พลางครุ่นคิดในใจ
จากนั้นเขาก็ถามหยู่เสี่ยวฉางด้วยเสียงต่ำ “เจ้ามั่นใจไหม ? ข้าคิดว่าคนคนนี้ดูเหมือนจะมีความมั่นใจอยู่มาก สถิติของเจ้าจะไม่ถูกเขาโค่นลงได้ใช่ไหม?”
“ ไม่มีทางน่า!” หยู่เสี่ยวฉางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง “ข้าทำคะแนนได้ดีที่สุดในระดับหกแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับคะแนนเพิ่มเติมมากไปกว่านี้ ต่อให้ เฉินหมิงหยูคนนั้นจะกลับมาทดสอบอีกรอบด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่กลัวว่านางจะโค่นสถิติข้าได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มคนนั้นดูโล่งใจ
เขารู้นิสัยของหยู่เสี่ยวฉาง
นางไม่มีทางพูดโม้เกินความจริง
หากนางบอกว่านางบรรลุขั้นสุดยอด นั่นก็หมายความว่านางบรรลุขั้นสุดยอดจริง ๆ
และเนื่องจากนางได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของการทดสอบระดับหกแล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะก้าวข้ามสถิติของนางได้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ด้านการปรับแต่งก็ตาม
มันเหมือนกับการทำข้อสอบของเด็กประถม
ต่อให้เป็นนักศึกษาปริญญาเอกมาทำก็จะได้รับคะแนนสูงสุดเพียง 100 คะแนนเท่านั้น
จางฉีฮงพูดด้วยเสียงต่ำพลางมองไปที่ลั่วอู๋ “มาเถอะมาสอนบทเรียนให้เด็ก ๆ เหล่านี้ ให้พวกเขาได้รู้ความจริงว่ายังมีคนที่เก่งกว่าพวกเขาอยู่ข้างนอกนั่น”
เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้คนจากสำนักหม่าเฉินทำให้เขาโกรธ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากคำสั่งของรองประธาน อาจารย์ระดับสูงอย่างพวกเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ ยื่นมือมาช่วยนักเรียน
“ได้เลย” ลั่วอู๋พยักหน้า
“เจ้าจะเลือกระดับไหนดีล่ะ ระดับหกงั้นเหรอ?”
“ไม่มีทางน่า” ลั่วอู๋ส่ายหัวและชี้ไปที่ระดับที่เจ็ดท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของฝูงชน” ข้าต้องการเข้ารับการทดสอบระดับเจ็ด ”
ระดับเจ็ดเป็นระดับความยากระดับปรมาจารย์
หากสามารถผ่านมันไปได้ ก็จะแสดงให้เห็นว่า ระดับการปรับแต่งของผู้เข้ารับการทดสอบนั้นได้ไปถึงระดับปรมาจารย์แล้ว
หยู่เสี่ยวฉางโพล่งออกมา “เจ้ามันบ้าไปแล้ว นั่นมันความยากระดับปรมาจารย์เลยนะ พวกเรานักเรียนจะบรรลุไปถึงระดับนั้นได้อย่างไร”
ลั่วอู๋ไม่สนใจแต่ตรงเข้าไปรับการทดสอบในห้องลับ
มันไม่น่าสนใจ หากจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อฝ่าด่านและรอรับคะแนนเพิ่มเติม ในระดับที่มีคนผ่านกันไปแล้ว ดังนั้นลั่วอู๋จึงเลือกที่จะข้ามระดับที่หกไปสู่ระดับเจ็ด
คะแนนพื้นฐานของระดับที่ 6 คือ 8000
แต่คะแนนพื้นฐานของระดับที่ 7 นั้นสูงถึง 16000
จะทำคะแนนให้ดีที่สุดในระดับประถมไปทำไม? ขอโทษเถอะมันเสียเวลา ในเมื่อเขาสามารถทำข้อสอบระดับมัธยมได้ จะไปทำข้อสอบระดับประถมทำไม?
ในที่สุดลั่วอู๋ก็ได้อยู่ในห้องลับเตรียมตัวรับบททดสอบ
มันเป็นห้องมิติสีขาวอันกว้างใหญ่ไพศาล ลั่วอู๋ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงลมปราณแบบเดียวกันกับมิติเหนือเมฆ ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้เองก็สร้างขึ้นด้วยพลังวิญญาณแบบเดียวกับระบบของมิติเหนือเมฆ
โชคดีที่แม้ว่าพลังของมันจะเหมือกับมิติเหนือเมฆ แต่มันก็ยังไม่ใช่มิติเหนือเมฆ
ดังนั้นคราวนี้ลั่วอู๋จะไม่ถูกส่งออกมาตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มอีก
“กรร!”
เบื้องหน้าของลั่วอู๋ปรากฏร่างของเสือสีดำตัวใหญ่ มันมีรูปร่างแข็งแกร่งดั่งภูเขา ไม่มีเส้นลวดลายบนตัว มันมีเพียงสีดำบริสุทธิ์และดวงตาของมันก็สดใสราวกับหยกสีม่วง
ลมปราณของมันหนาแน่น เหมือนกับคลื่นแมกม่าอันร้อนแรง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันวิญญาณอันมหาศาล
พยัคฆ์ทมิฬ
ว่ากันว่าสัตว์วิญญาณชนิดนี้เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการกลืนกินวิญญาณ เสียงคำรามของมันสามารถปัดเป่าความแค้นและความชั่วร้ายทั้งหมดได้ ซึ่งน่ากลัวมาก
เห็นได้ชัดว่าระดับของพยัคฆ์ทมิฬตัวนี้ไม่ได้ต่ำ อย่างน้อยมันก็อยู่ในระดับทองชั้นสูง มิติ 5 หรืออาจจะมากกว่านั้น
โชคดีที่มันเป็นภาพลวงตา มันจึงว่านอนสอนง่าย เป็นเพียงสัตว์วิญญาณที่รอการปรับแต่ง ไม่อย่างนั้นลั่วอู๋คงจะไม่สามารถเข้าใกล้มันได้
ไหปีศาจส่องแสงประกายแวววาวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพลังที่คล้ายคลึงกันกำลังดึงดูดเข้าหากัน
“ดูเหมือนว่ามิติเหนือเมฆจะถูกสร้างขึ้นโดยภูตไหจริง ๆ สินะ” ลั่วอู๋คิดอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทดสอบ
ลั่วอู๋พยายามใช้พลังของไหปีศาจ แต่เขาก็พบว่าในมิติภาพลวงตานี้ พลังของไหปีศาจจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
นั่นหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องเสียแต้มเซียนในการใช้ความสามารถของไหปีศาจ
ใบหน้าของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความตื่นเต้น นี่มันเยี่ยมมาก นี่มันหมายความว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการหากเป็นการทดสอบ?
……
……
สำนักย่อยการปรับแต่ง
ผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งถาม “ถ้าชายที่ชื่อลั่วอู๋ผ่านระดับที่เจ็ดขึ้นมาได้จริง ๆ เขาก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคะแนนเพิ่มเติมใด ๆ อีก แล้วขึ้นเป็นอันดับหนึ่งเลยใช่ไหม?”
“ใช่ แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะผ่านมันไปได้หรอกนะ” หยู่เสี่ยวฉางส่ายหัว
ช่องว่างระหว่างผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูงและระดับปรมาจารย์นั้นมีขนาดใหญ่เกินไป มันเป็นเกณฑ์ที่ใหญ่มาก และยากเกินกว่าที่นักเรียนนั้นจะข้ามไปได้
เพราะสิ่งนี้ไม่เพียงต้องการการปรับแต่งด้วยวิชาลับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการไหลเวียนของพลังวิญญาณและการใช้เวลาที่น้อยกว่าด้วย
“อย่าดูถูกผู้มีพรสวรรค์ของสำนักเฉียนหลง” หนิงหลิงหลิงปฏิเสธ
หยู่เสี่ยวฉางไม่โกรธและพูดอย่างใจเย็น “ ถ้าระดับปรมาจารย์มันเป็นอะไรที่พวกเรานักเรียนไปถึงกันได้ แล้วทำไมเฉินหมิงหยูอัจฉริยะระดับปีศาจแห่งสำนักเฉียนหลงถึงเลือกเข้ารับการทดสอบเพียงแค่ระดับหกเท่านั้นล่ะ?”
หนิงหลิงหลิงอึ้งไปชั่วขณะ
นางคงพูดไม่ดีถึงท่านพี่สาวของนางไม่ไหว
หยู่เสี่ยวฉางเต็มไปด้วยความมั่นใจ “อาจารย์ของข้าเคยบอกข้าว่า ข้าได้รับวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดว่าแล้ว ดังนั้นในรุ่นเดียวกันไม่มีทางที่จะมีหมอผีที่มีความสามารถมากกว่าข้าได้อีก”
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งรู้สึกโล่งใจ
อาจารย์ของหยู่เสี่ยวฉางเป็นหมอผีที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง เขาถูกเรียกว่าหมอผีตงเทียน เนื่องจากเขาเป็นผู้อาวุโส คำพูดของเขานั้นไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน
ลั่วอู๋ไม่มีทางผ่านการทดสอบไปได้
จังหวะนั้นเอง ลั่วอู๋ก็เดินออกมาจากห้องทดสอบ
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเจ้าพูดกันจะไม่เป็นความจริงนะ” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ
ผู้คนต่างตกใจ เมื่อเหลือบไปมองอันดับรายชื่อที่ถูกจัดใหม่
อันดับหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง คราวนี้หยู่เสี่ยวฉางตกไปอยู่อันดับที่สอง ในขณะที่ลั่วอู๋ขึ้นไปสู่อันดับหนึ่งของสำนักย่อยการปรับแต่ง
ลั่วอู๋มีคะแนนการประเมิน : 21000 คะแนน