บทที่ 279 การแลกเปลี่ยนข้อมูล
บทที่ 279 การแลกเปลี่ยนข้อมูล
“ผ่านการทดสอบระดับที่ 7 คะแนนพื้นฐาน 16000 คะแนน คะแนนเพิ่มเติม 3000 และคะแนนสำหรับอันดับหนึ่งอีก 2,000 คะแนนรวม 21000 คะแนน”
จางฉีฮงประกาศผลอย่างใจเย็น แต่ก็ยังมองลั่วอู๋ด้วยความชื่นชม “เจ้ามันยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ผู้ปรับแต่งระดับปรมาจารย์
เขาอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่า ๆ เอง?
นี่มันน่าตกใจมาก
หยู่เสี่ยวฉางมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก “เจ้าผ่านระดับเจ็ดมาได้ยังไงกัน เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเจ้ามาก่อนเลย”
ก่อนที่จะมาที่สำนักเฉียนหลงนางได้สอบถามเกี่ยวกับผู้ปรับแต่งที่มีพรสวรรค์ของทางราชวงศ์มังกรเร้นกายมาแล้ว
แต่ผลลัพธ์ทั้งหมดนั้นก็มีเพียงแค่เฉินหมิงหยู ซึ่งเป็นผู้มีพรสวรรค์จากเมืองหลวงของจักรวรรดิ และทายาทของตระกูลเฉินคนเดียวเท่านั้นที่ควรค่าแก่ความสนใจ ที่เหลือนั้นไม่จำเป็นจะต้องกลัว
ชายคนนี้มาจากที่ไหนกัน
เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่นางบอกอีกฝ่ายไปว่า นางจะช่วยสอนวิชาการปรับแต่งบางอย่างให้ หยู่เสี่ยวฉางก็รู้สึกอายจนอยากจะขุดหลุมมุดหัวลงไปในพื้นดิน
ก่อนที่ลั่วอู๋จะได้ตอบ สาว ๆ ในกลุ่มแม่มดก็เริ่มพูดจาพล่อย ๆ
“ที่เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนก็เพราะเจ้ามันเย่อหยิ่งไง”
“เขาเป็นอาจารย์ของพวกเรา เจ้าคิดว่าเขาแข็งแกร่งพอรึยังล่ะ?”
“มีผู้มีพรสวรรค์มากมายในสำนักเฉียนหลง ทีนี้เจ้าสำนึกรึยังล่ะ?”
“ข่าวสารของพวกเจ้ามันล้าหลังยังไงล่ะ”
สาว ๆ ทุกคนในกลุ่มกลายเป็นกลุ่มที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินในทันที มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกนางที่เหมือนเพิ่งจะชนะพนัน
ชายหนุ่มที่สวมสร้อยคอฟันหมาป่าพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฮึ่ม ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ๆ เจ้าก็ควรจะมีชื่อเสียงสิ ข้าสงสัยว่าเจ้าขอให้สำนักย่อยการปรับแต่งโกงผลทดสอบรึเปล่า”
นี่เป็นดั่งประโยคที่จุดไฟโกรธปะทุขึ้นในใจของทุกคน
สาว ๆ เริ่มโกรธขึ้นมาจริง ๆ จัง ๆ
แม้จะพ่ายแพ้ในเรื่องของอันดับ แต่พวกนางก็ยังคงแข็งแกร่ง
ตอนนี้อีกฝ่ายนั้นภูมิใจในอันดับของตัวเองมาก ก็เลยกล้าพูดอะไรไร้ยางอายแบบนี้ออกมา
อย่างไรก็ตามกลับเป็นจางฉีฮงที่ออกหน้าพูดเป็นคนแรก
“เกรงใจกันบ้าง!” จางฉีฮงยืนขึ้นและพูด “พวกเจ้าจะแพ้บ้างไม่ได้เลยรึไง ? มาอ้างว่าผู้อื่นขี้โกงเป็นเด็ก ๆ ไปได้ พวกเจ้าเริ่มทำให้ข้าหมดความอดทนแล้วนะ”
ลมปราณของเขาถูกแผ่ออกมา
มิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง
แน่นอนว่าในสำนักเฉียนหลงย่อมมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงและระดับปรมาจารย์อยู่ มันจึงไม่แปลกที่อาจารย์อย่างเขาจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง
เหล่าผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งตกใจกันมาก
“ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มที่สวมสร้อยคอฟันหมาป่าพูดอย่างเกลียดชัง เขามองไปที่ลั่วอู๋ด้วยดวงตาราวกับหมาป่าที่หิวโหย
“ข้าไม่มีทางลืมอัจฉริยะระดับนี้ได้แน่ ชื่อว่าลั่วอู๋สินะ ตอนนี้ข้าจำเจ้าได้แล้ว” ชายหนุ่มที่สวมสร้อยคอฟันหมาป่าพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “จำไว้ซะข้าชื่อ อากูดะ”
ลั่วอู๋รู้สึกสั่นกลัว
อากูดะผู้อยู่ในอันดับสามในรายชื่อจัดอันดับของสำนักเฉียงหลง?
ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้ชายที่แข็งกร้าว
คะแนนระหว่างอันดับหนึ่ง จินฉัน อันดับสอง พาสู และเขา แตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่
อากูดะและพรรคพวกพร้อมที่จะเดินจากไป แต่ทว่า หยู่เสี่ยวฉางนั้นเลือกที่จะยืนอยู่กับที่
เมื่อเห็นดังนั้นอากูดะก็ไม่พอใจและอุทานว่า “หยู่เสี่ยวฉางเจ้ามัวทำอะไรอยู่ ไปกันเถอะน่า”
“ไม่ใช่ธุระของเจ้า ข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า เจ้าควบคุมข้าไม่ได้” หยู่เสี่ยวฉางตอกกลับ
“ชิ!” อากูดะสบถออกมาอย่างรำคาญ “ก็ได้เจ้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของเจ้า ถึงเผ่าเที่ยนหยู่จะมีฝีมือดีแค่ไหน แต่พวกเขาทุกคนก็น่ารำคาญมากจริง ๆ”
อากูดะเหนื่อยหน่ายเช่นเดียวกับคนจากภูเขาแห้งแล้งคนอื่น ๆ
เห็นได้ชัดว่าในหมู่ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งไม่มีความสามัคคีเลยสักนิด
หยู่เสี่ยวฉางมองไปที่ลั่วอู๋อย่างจริงจัง “เจ้าเก่งมาก ตอนนี้เจ้าเป็นเป้าหมายของข้า ข้าจะพยายามเหนือกว่าเจ้าให้ได้”
ลั่วอู๋พยักหน้า
ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้จะพูดโม้โอ้อวดเก่ง
“มันเป็นความตั้งใจของพวกเราทุกคนอยู่แล้ว ที่จะติดสิบอันดับแรกของอันดับรายชื่อเฉียนหลง เจ้าจะต้องแพ้อย่างแน่นอน” หยู่เสี่ยวฉางพูดจบประโยคอย่างจริงจังแล้วจึงจากไป
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งต้องการอะไรกันแน่?
หากต้องการจะหักหน้า ไว้รอตอนสามารถครองอันดับต้น ๆ ค่อยทำมันก็ได้ ทำไมพวกเขาต้องรีบพูดก่อน? นี่มันไม่ได้ต่างไปจากการยั่วยุโดยเจตนาโดยไม่ได้มีผลดีอะไร
“หยิ่งเกินไปแล้ว”
“คนป่าเถื่อนพวกนี้ช่างหยิ่งยโส”
สาว ๆ เริ่มโกรธและด่าทออีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ล้อมรอบลั่วอู๋และยกย่องเขา ซึ่งทำให้เขาเวียนหัว
“ท่านหล่อมากเลย ท่านอาจารย์”
“ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว”
“ท่านอาจารย์ต้องการคนรักหรือไม่ ?”
ต่อมาจางฉีฮงก็เดินมาข้างหน้าและช่วยขับไล่กลุ่มเด็กสาวออกไปให้ “ไปกันได้แล้วที่นี่คือสำนักย่อยการปรับแต่ง อย่ามาทำตัวโง่ ๆ แถวนี้”
เมื่อเจอกับอาจารย์จากสำนักย่อยการปรับแต่ง พวกนางก็ไม่กล้าที่จะทำตัววุ่นวายและยอมจากไปแต่โดยดี
ข่าวที่ลั่วอู๋ได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งในบททดสอบของสำนักย่อยการปรับแต่งได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วดั่งสายลม
หลายคนได้เห็นอันดับของลั่วอู๋ที่พุ่งสูงขึ้นจากอันดับสุดท้ายไปถึงระดับกลางด้านบน ด้วยการรับการทดสอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ทุกครั้งที่มีการทดสอบแต่ละครั้ง คะแนนของอันดับสิบอันดับแรกและในทุกอันดับจะขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คะแนนในการจัดอันดับจะถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นคนที่ทำได้ทุกอย่าง แต่หละหลวมในทุก ๆ ด้าน จะไม่มีทางได้อันดับสูง ๆ แน่
ลั่วอู๋นั้นไม่ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของการจัดอันดับทั้งหมด แต่เขาอันดับในสาขาการปรับแต่งที่สูงมาก
เนื่องจากอันดับด้านบน ๆ ส่วนใหญ่นั้นได้ถูกครอบครองโดยผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง พวกเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถครองอันดับต้น ๆ ของการทดสอบในแต่ละสาขาได้
“ขอแสดงความยินดีด้วย กับการเลื่อนชั้นสู่ระดับปรมาจารย์” จางฉีฮงพูดกับลั่วอู๋ ในลักษณะที่เท่าเทียมกัน “อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจากตระกูลลั่วอยากจะพูดคุยกับเจ้า ได้โปรดอย่าลืมไปหาพวกเขาด้วย”
หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ลั่วอู๋ก็เดินไปหาผู้อาวุโสของตระกูลลั่ว นั่นก็คือลั่วซง
ลั่วซงรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นลั่วอู๋มาที่นี่ เขาเรียกผู้อาวุโสอีกสามคนของตระกูลลั่วออกมาในทันที ทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความชื่นชมสำหรับลั่วอู๋
“เป็นระดับปรมาจารย์ได้ตั้งแต่ยังหนุ่มงั้นเหรอเนี่ย”
“บางทีเจ้าอาจเอาชนะเอ๋าเฉียนจุนในการต่อสู้ชิงอันดับเฉียนหลงไหวก็ได้นะ”
“ตระกูลลั่วของพวกเรานั้นหยิ่งผยองมาก ถ้าเป็นในเรื่องของการปรับแต่งละก็นะ”
ความภาคภูมิใจและความสุขของเหล่าผู้อาวุโสถูกแสดงออกมาให้เห็นโดยเด่นชัด
“ยังไงก็ตามถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรในอนาคต เจ้าต้องรีบมาบอกพวกเรานะ ไม่ว่าปัญหานั้นจะใหญ่แค่ไหน พวกเราทั้งสี่คนจะหาทางช่วยเจ้าเอง” ลั่วซงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสอีกสามคนพยักหน้าตามอย่างต่อเนื่อง
“นี่ข้าให้ 200000 คะแนนเป็นของขวัญที่เราได้มาเจอกัน”
“ส่วนข้ามีสมุนไพรวิญญาณระดับสูง สมุนไพรเทพเจ้าเมฆา รักษามันไว้ให้ดีล่ะ”
“ของข้าเป็น ยาระดับ 8 ยาโพธิ์แปดใบ”
ผู้อาวุโสสองสามคนให้ของขวัญแก่ลั่วอู๋
ลั่วอู๋รู้สึกถึงความรักจากเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลลั่วเหล่านี้ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
แม้ว่าลั่วอู๋จะยังไม่ต้องการเรียกตัวเองว่าเป็นคนของตระกูลลั่ว แต่เขาก็ยังให้ความสำคัญกับผู้อาวุโสเหล่านี้
หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก ลั่วอู๋ก็เดินออกจากสำนักย่อยการปรับแต่ง
ฉูจงฉวนยืนรอเขาอยู่ข้างนอก
“ตอนนี้รายชื่ออันดับถูกเปลี่ยนไปอีกครั้งแล้ว คนที่มีความสามารถมากที่สุดสิบอันดับแรก เป็นคนของภูเขาแห้งแล้งทั้งหมด” ฉูจงฉวนกล่าว
ลั่วอู๋แตะคางของเขา “จริงหรือที่คนจากภูเขาแห้งแล้งเหนือกว่าพวกเรา”
“ก็ใช่ พวกเขาอาจจะมีพละกำลังมากกว่า แต่ก็ไม่ได้เกินจริง” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างจริงจัง “พวกเขาจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการทดสอบกัน และบอกเล่าข้อมูลและข้อควรระวังในการทดสอบซึ่งกันและกัน ดังนั้นคะแนนรวมของผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งจึงสูงมาก”
ลั่วอู๋ตะลึง “เดี๋ยวนะ พวกเขาไม่ใช่คู่แข่งกันรึไง?”
ทุกคนต่างแข่งขันกัน แล้วทำไมจะต้องไปช่วยให้คนอื่นได้แซงหน้าไปแบบนั้นในการชิงอันดับด้วยล่ะ?
“พวกคนป่าเถื่อนเหล่านี้โลภมากอย่างไร้สาระ พวกมันต้องการเพียงปราบปราม เอาชนะพวกเราในรายชื่อการจัดอันดับของสำนักเฉียนหลง” ฉูจงฉวนกัดฟันของเขา
“พวกเราก็สามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกันไม่ใช่รึไง?” ลั่วอู๋กล่าว
“ มันไม่มีทาง ข้ากลัวที่จะทำแบบนั้น” ฉูจงฉวนส่ายหัว:”รายชื่ออันดับของสำนักเฉียนหลง เกี่ยวข้องโดยตรงกับรางวัลในวันสุดท้าย ใครเล่าจะยินดีที่แบ่งปันประสบการณ์ให้กับคู่แข่ง?”
มันเป็นคำถามที่ไม่มีทางออก
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งแก้ปัญหานี้อย่างไร
“ช่างเป็นอะไรที่น่ารำคาญชะมัด ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่สนใจการต่อสู้เพื่อชิงอันดับเสียอีก ถ้าเจ้าไม่เข้าร่วมมันก็คงจะดีต่อข้ามาก” ฉูจงฉวนกล่าวด้วยอารมณ์
ลั่วอู๋ยิ้ม “พอดีข้าเริ่มจะสนใจขึ้นมาแล้วนี่สิ แถมต้องการที่จะเป็นอันดับหนึ่งซะด้วย”
“ไม่มีทางน่า” ฉูจงฉวนพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ข้ามีคู่แข่งมากมายแล้ว ยังจะมีเจ้าเพิ่มมาอีกเหรอ ? ข้ามีชีวิตที่ยากลำบากเสียจริง”
ลั่วอู๋หัวเราะ “ไม่ต้องกังวลไป ถ้าข้าบังเอิญคว้าอันดับหนึ่งมาได้ ข้าจะช่วยเจ้าตามหาภูตสาวในตำนานและชดเชยให้เจ้าเอง”
“เจ้าพูดออกมาแล้วนะ” ดวงตาของฉูจงฉวนเปล่งประกายด้วยความสุข
แน่นอนว่าทั้งคู่รู้ดีว่าการจะได้อันดับหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้ด้วยความปั่นป่วนของผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง มันยากเกินไปที่จะคว้าอันดับหนึ่ง