บทที่ 290 ไม่มีใครกล้าที่จะยอมรับ
บทที่ 290 ไม่มีใครกล้าที่จะยอมรับ
อากูดะถูกฆ่าตาย
อากูดะผู้อยู่ในอันดับที่ 3 ของรายชื่อเฉียนหลง และบุคคลที่มีความแข็งแกร่งครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน และแข็งแกร่งเป็นอันดับสามแห่งสำนักหม่าเฉิน ได้เสียชีวิตลงแล้ว
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน? ข้าจะฆ่าอากูดะได้ยังไง? ข้าไม่ได้เห็นเขาอีกเลย ตั้งแต่ข้ากลับไปเมื่อวานนี้”
“อย่ามาไขสือ” ไห่เซอโกรธมาก “พวกเจ้าทั้งสองคนได้ทะเลาะกันเมื่อวานนี้ วันนี้อากูดะก็ถูกฆ่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใครอีกล่ะ”
“เจ้าบ้าหรือไง ต่อให้ข้าเป็นคนฆ่าเขาจริง ข้าคงไม่กล้าออกมาพูดตรงนี้หรอก” ลั่วอู๋กล่าว “ข้าจะไม่ให้พวกเจ้ามาแก้แค้นมั่ว ๆ แน่”
มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีการบาดเจ็บจนล้มตายในการทดสอบการต่อสู้จริง
ไห่เซอกล่าวว่า ” ใครจะไปรู้ว่าเจ้ามีแผนอะไรอยู่ ”
ผู้สมรู้ร่วมคิดต้องถูกตัดหัว
ลั่วอู๋พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เสียงดังของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก และเมื่อผู้คนจากสำนักเฉียนหลงรู้ว่าอากูดะถูกฆ่าตาย พวกเขาก็ดีใจอย่างมาก
“เฮ้ย! ลั่วอู๋ ยอมรับไปซะ มันไม่เห็นจะน่าขายหน้าตรงไหน” มีบางคนพูดขึ้นมา
“ใช่แล้ว อากูดะเป็นที่เกลียดชัง ถ้าเจ้าไม่ฆ่ามันแล้วใครจะเป็นคนฆ่า”
ฉูจงฉวนยังแอบยกนิ้วให้ “โหดร้ายมาก ลั่วอู๋ เจ้าฆ่าเขาลงได้อย่างไร”
ลั่วอู๋ไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ชั่วขณะ
“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ”
นักเรียนของสำนักเฉียนหลงเชื่อสนิทใจว่าลั่วอู๋เป็นคนฆ่าเขา มันก็ยังพอฟังดูมีเหตุผล แต่ทำไมฝั่งของสำนักหม่าเฉินถึงพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเช่นนั้นว่าเขาเป็นคนทำ?
“เจ้ายังไม่ยอมรับอีกเหรอ!” ไห่เซอกล่าวว่า “ศพของอากูดะนั้นถูกพบในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง เวลาที่เขาตายนั้นตรงกับเวลาที่เจ้าเข้าไปยังอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง และยังมีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของภูตสงครามอยู่บนร่างเขา เจ้ายังกล้าพูดออกมาว่าเจ้าไม่ได้ทำยังงั้นเหรอ!”
ลั่วอู๋ประหลาดใจ:เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของภูตสงคราม?
แต่ข้าก็ไม่ได้เป็นคนทำจริง ๆ
มู่ฉิงหรือเปล่า?
ไม่ ไม่ใช่ นางเป็นอาจารย์พิเศษ ดังนั้น นางจึงไม่ได้มีส่วนร่วมในการทดสอบการต่อสู้จริงได้
“ข้าต้องการเห็นศพของอากูดะ ” ลั่วอู๋กล่าว
ชายหนุ่มจากสำนักหม่าเฉินที่สวมสร้อยคอฟันหมาป่า สิ้นลมหายใจแล้ว
สร้อยคอฟันหมาป่าที่คอของเขาหัก และร่างกายของเขาก็ถูกเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้ ร่างกายของเขามีบาดแผลจำนวนมาก และส่วนใหญ่นั้นดูโหดร้ายและน่ากลัว แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเหล่านี้เลย
เห็นได้ชัดว่า อากูดะนั้นทนทุกข์ทรมานจากการเผาไหม้ของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ และในที่สุดเขาก็ตายลงด้วยความเจ็บปวด
“ศพปราศจากเลือด เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ได้แผดเผาร่างกาย แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าอีกงั้นเหรอ?” ไห่เซอคำราม “ถ้าเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม ทั้งชีวิตและความตายล้วนเป็นโชคชะตา พวกเราในภูเขาแห้งแล้งไม่มีทางแพ้ได้ แต่เจ้ากลับใช้เล่ห์กลเพื่อทำให้อากูดะเป็นอัมพาตและฆ่าเขาโดยไม่ทันได้ระวังตัว วันนี้เจ้าแอบเข้าไปยังภูเขาแห้งแล้งเพื่อลอบโจมตีเขาใช่ไหม ? ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก! ”
ผู้คนของสำนักเฉียนหลงที่ต่อสู้กันมาตลอดต่างไม่มีใครรู้เลย
ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ มันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมลั่วอู๋ถึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย
มันเป็นการตัดสินที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล ถึงขนาดที่แม้แต่ลั่วอู๋ก็ยังอยากบอกว่าเขาเป็นคนทำ
อย่างไรก็ตามแต่เขานั้นไม่ได้เป็นคนทำจริง ๆ!
ฉูจงฉวนพูดด้วยเสียงเบา ๆ “ลั่วอู๋ เจ้าเป็นคนทำงั้นหรือ? แม้ว่ามันจะนอกรีตไปหน่อย แต่ข้าก็ยังคงสนับสนุนเจ้าอยู่เช่นเดิมนะ ”
เมื่อวันก่อน เขาได้ปฏิเสธไม่ยอมรับการท้าทายของอากูดะ แต่วันนี้เขากลับโจมตีและลอบสังหารอากูดะเสียอย่างนั้น มันช่างสูญเสียเกียรติจริง ๆ
” ไม่ใช่ข้า ” ลั่วอู๋พูดอย่างหมดหนทาง
ไอ้เวรคนไหนมันเป็นคนฆ่ากัน? ข้ากำลังถูกใส่ร้าย
“เขาไม่ได้เป็นคนทำ ” ขณะนั้น หยู่เสี่ยวฉางก็ได้เดินออกมา “เขาอยู่กับข้าไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะออกไปฆ่าอากูดะได้เลย”
สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หยู่เสี่ยวฉาง
“เจ้าทำอะไรอยู่กับเขา? ” ไห่เซอขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่น่าเชื่อเล็กน้อย
หยู่เสี่ยวฉางผู้ที่อาศัยอยู่กับพี่ชายของนาง นางเป็นคนสันโดษ ผู้ซึ่งไม่ชอบการพูดคุยกับผู้คน แต่ว่าวันนี้นางกลับพูดคุยกับลั่วอู๋
หยู่เสี่ยวฉางขยี้ตา “ไร้สาระชะมัด ข้าคือเป้าหมายการท้าทายของเขาในวันนี้ เจ้ากำลังบอกว่า ข้าร่วมมือกับเขางั้นหรือ?”
ไห่เซอสำลัก
“เจ้าต้องอธิบายมาว่าพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่? ” ไห่เซอ กล่าวว่า
“ข้าไม่รู้ ข้าแค่พูดในสิ่งที่ข้ารู้เท่านั้น ”
ด้วยเหตุนี้ หยู่เสี่ยวฉางก็เดินจากไปทันที
นางกระทืบเท้าอย่างอดไม่ได้ แม้ว่าพี่ชายของนางจะไม่ได้มาที่สำนักเฉียนหลงด้วยกัน แต่มันก็ยังไม่สามารถทำให้นางโกรธได้เท่านี้
“มีคนตายแล้วมันทำไมกัน คนในสำนักเฉียนหลงยังไม่มีใครตายสักคนเลยนะ” เหว่ยเฉิงโฉวพูด
ผู้คนในสำนักหม่าเฉินเริ่มไม่พอใจ
“พวกเราเพิ่งเสียยอดฝีมืออันดับที่ 3 ไป ต่างจากพวกเจ้าที่ตกไปอยู่อันดับ 78 – 80 พวกเจ้ามันไม่ได้มีค่าเทียบกับเขาเลยไม่ใช่รึ ?” มีบางคนตะโกนออกมา
ทันใดนั้น ผู้คนในสำนักเฉียนหลงก็หยุดนิ่ง
เจ้ากำลังหมายถึงอะไร?
ผู้คนทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างกะทันหัน โดยไม่มีใครคิดจะหยุด
ทันใดนั้น บรรยากาศก็ได้เงียบสงัดเหมือนกับว่าจะมีสงครามเกิดขึ้น
การเสียชีวิตของคนคนหนึ่ง ดูเหมือนจะทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ได้ แต่ในขณะนี้กลับยังไม่มีอาจารย์พิเศษคนไหนออกมาดูแลในเรื่องนี้เลย
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและพูดทันที ” แม้ว่าข้าจะไม่สนใจว่าอากูดะจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่ข้าก็ไม่ควรถูกใส่ร้ายเช่นนี้ ในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงแบบนี้พวกเราควรไปถามอาจารย์พิเศษต่างหาก ”
ที่เขาพูดคือความจริง
ในภูเขาแห้งแล้งแห่งนี้ มีเหล่าอาจารย์พิเศษคอยตรวจสอบการทดสอบการต่อสู้จริงอยู่ทุกที่ หากต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ควรเข้าไปถามอาจารย์พิเศษที่เข้าเวรอยู่เป็นอย่างแรก
ในไม่ช้า พวกเขาก็เข้ามาพบอาจารย์พิเศษของสำนักงานการทดสอบการต่อสู้จริง และในวันนี้มีอาจารย์พิเศษที่รับผิดชอบเป็นผู้ดูแลในการเข้า ออก ภูเขาแห้งแล้งอยู่ถึง 13 คน
เนื่องจากการทดสอบในคราวนี้มีนักเรียนจำนวนมากที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อเฉียนหลงอยู่ในนั้นด้วย เหล่าอาจารย์จึงไม่สามารถเพิกเฉยได้กับเหตุการณ์นี้
เมื่อรู้ถึงความตั้งใจของนักเรียน อาจารย์พิเศษก็กล่าวอธิบาย “อีกฝ่ายนั้นลงมือได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ถึงแม้ว่าอากูดะนั้นจะถูกลอบโจมตีอย่างลับ ๆ ทีเผลอ แต่อีกฝ่ายก็สามารถยับยั้งกระบวนท่าที่โจมตีสวนมาของเขาเอาไว้ทั้งหมด เขาถูกฆ่าก่อนที่พลังวิญญาณของมนุษย์และสัตว์วิญญาณจะเชื่อมต่อกันด้วยซ้ำ ทำให้เขาไม่สามารถตะโกนออกมาเพื่อขอยอมแพ้”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนโจมตี ” ไห่เซอจ้องมองลั่วอู๋
ลั่วอู๋หมดความอดทนและพูดว่า ” เจ้าช่วยเงียบก่อนและฟังคำของอาจารย์ก่อนได้ไหม? ”
ไห่เซอแค่อยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่เขาก็ได้ยินสิ่งที่อาจารย์พิเศษพูดต่อ ” มันไม่ใช่ฝีมือของลั่วอู๋ ข้าเห็นลั่วอู๋คุยกับหยู่เสี่ยวฉางอยู่ ณ ช่วงเวลานั้น ”
ใบหน้าของไห่เซอเริ่มขุ่นมัว
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้รู้ว่าลั่วอู๋ไม่ได้เป็นคนฆ่าเขา
“แล้วใครเป็นคนฆ่ากัน? ” ไห่เซอถาม
อาจารย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าไม่แน่ใจ ชายคนนั้นได้ซ่อนรูปร่างและหน้าตาเอาไว้ ข้าต้องการติดตามสถานการณ์ทั้งหมด ข้าจึงไม่มีเวลาที่จะดูการปลอมตัวของเขา มีเพียงอย่างเดียวที่รู้คือเขานั้นแข็งแกร่งมากและมีเปลวไฟอันรุนแรง อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ”
ณ จุดนี้เราสามารถมองเห็นศพของอากูดะได้อย่างชัดเจน อาจารย์จึงไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำเรื่องนี้
“เนื่องจากข้าไม่ได้เป็นคนทำ ข้าจึงไม่ต้องมีความละอายใด ๆ มันเป็นปัญหาของอากูดะเองที่ถูกใครบางคนทำร้ายและฆ่าทิ้ง” ลั่วอู๋ถาม
เกิดความอึดอัดในหมู่ผู้คนของสำนักหม่าเฉิน
“แล้วใครกันล่ะเป็นคนทำ?” มีบางคนถาม
ไม่มีใครรู้
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เป็นทักษะที่มีสัตว์วิญญาณเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้ มันไม่จำเป็นต้องเดาเลย ว่าใครมีสัตว์วิญญาณประเภทนั้นอยู่ในครอบครองบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในบรรดานักเรียนของสำนักเฉียนหลง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสัตว์วิญญาณที่สามารถใช้ทักษะนี้ได้
ถ้าไม่ใช่ลั่วอู๋ ก็มีแต่เหวินเสี่ยวเพียงคนเดียว
แต่ภูตปีกแสงของเหวินเสี่ยวนั้นเป็นสัตว์วิญญาณแห่งการรักษา และไม่ได้เชี่ยวชาญทักษะเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนนิ่งเงียบ
ไม่มีใครออกมายอมรับว่านี่ไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้า แต่เป็นเรื่องที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองได้
แต่กลับไม่มีใครยอมรับมัน
มันแปลกมาก
ทุกคนคิดอยู่นาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาพร้อมกับบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลย
“เจ้าไม่คิดว่า เอ๋าเฉียนจุนเป็นคนทำงั้นหรือ?” ทันใดนั้น ก็มีคนคิดสมมติฐานนี้ขึ้นมา
ไม่มีใครรู้ว่า สัตว์วิญญาณตัวที่ 2 และตัวที่ 3 ของ เอ๋าเฉียนจุนนั้นเป็นสัตว์อะไร แต่เขานั้นมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะฆ่าอากูดะได้อย่างง่ายดาย
แต่
“ไม่มีทาง เอ๋าเฉียนจุนไม่ใช่คนแบบนั้น” เอ๋าหยู่ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เขาไม่เคยปิดบังอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเป็นเขาเมื่อเขาก้าวไปข้างหน้า เขาจะสร้างความปั่นป่วนให้กับสำนัก เฉียนหลงแน่นอน อีกอย่างการฆ่าอากูดะแบบนี้มันไม่ใช่วิธีของเขาเลย ”
ผู้คนทำอะไรไม่ถูก
มันเป็นใครกัน?