บทที่ 294 ไพ่ตายก้นหีบ
บทที่ 294 ไพ่ตายก้นหีบ
แม้ว่าจะไม่มีการต่อสู้จริง ๆ เกิดขึ้น แต่ลั่วอู๋และจินฉันก็ใช้พลังวิญญาณไปมาก เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าพวกเขากำลังต่อสู้กัน
หากการเคลื่อนไหวและการโจมตีต่าง ๆ ไม่สมจริงพอ พวกเขาจะทำให้บุคคลลึกลับเชื่อว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นจริง ๆ ได้อย่างไร
เกรงว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่น่าจะมีพลังวิญญาณเหลืออยู่เพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง
นี่เป็นปัญหาจริง ๆ เสียแล้ว
ลั่วอู๋จ้องมองไปที่ชายลึกลับ “แม้ว่าพวกเราจะมีพลังวิญญาณเหลือไม่มาก แต่มันก็เกินพอที่จะจับเจ้าได้ เจ้าเป็นใครกัน ทำไมเจ้าถึงต้องการฆ่าพวกเขาแล้วโบ้ยความผิดให้กับข้า?
“โบ้ยความผิดให้กับเจ้า ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะประเมินตัวเองสูงเกินไปนะ” ร่างกายที่ปกคลุมด้วยแสงของชายลึกลับ ทันใดนั้นก็มีสัมผัสแห่งความมืดปรากฏขึ้นแทรกขึ้นมา ” แม้ว่ามันจะลำบากสักหน่อย แต่ในเมื่อเจ้าเจอตัวข้าแล้ว ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าเจ้าทิ้ง เพื่อว่าเจ้าอาจจะทำให้ข้าต้องเดือดร้อนในภายหลัง”
“อย่าหยิ่งยโสไปเลยน่า ยอมจำนนซะ!” จินฉันก้าวไปข้างหน้าจากนั้นร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสีทองออกมา ดวงตาที่ดูโกรธเกรี้ยวของเทพพิทักษ์ควบคุมพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่ให้มารวมตัวกัน
ลั่วอู๋เองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขาใช้พลังวิญญาณของภูตสงครามที่ควบแน่นในร่างกายให้ปะทุขึ้นมา แล้วกวัดแกว่งดาบระบำแห่งความตายที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ เข้าจู่โจมไปพร้อมกัน
ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีร่วมกันของทั้งสอง
ชายลึกลับกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ปีกนางฟ้าหกปีกปรากฏขึ้นข้างหลังเขา มันมีสีขาวและดูศักดิ์สิทธิ์ แต่แล้วเวลาต่อมาแสงนั้นก็เปลี่ยนสีไปในทันทีราวกับว่าติดเชื้อจากบางสิ่งบางอย่าง จนมันค่อย ๆ ถูกย้อมเปลี่ยนเป็นสีดำ
พลังที่เป็นตัวแทนของความมืดมิดพวยพุ่งออกมาราวกับเทน้ำออกมาจากบ่อน้ำ ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีดำ
แสงรอบตัวของเขาถูกหรี่หายไป
การเคลื่อนไหวที่มีพลังวิญญาณยิ่งใหญ่เช่นนี้ ควรจะดึงดูดอาจารย์พิเศษที่รับผิดชอบการกำกับดูแลการทดสอบมาที่นี่ อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าพลังแห่งความมืดนี้ได้ปิดกั้นการรับรู้ทุกอย่างของเหล่าอาจารย์พิเศษที่อยู่ภายนอก
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
ปีกสีดำ
หรือว่าจะเป็น ?
ภูตแห่งความมืดปีกหักได้ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของชายลึกลับ มันดูเหี่ยวแห้งเยือกเย็นและมีไอแห่งความตาย ทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกสิ้นหวัง
เทพตกสวรรค์ หนึ่งในสัตว์วิญญาณ ประเภทภูตที่แข็งแกร่งที่สุด
ด้วยการทรยศต่อหัวใจที่รักในคุณธรรมของตัวเองโดยสิ้นเชิง และเลิกศรัทธาในสรรพสิ่ง เข้าโอบกอดความมืดมิด สัตว์วิญญาณประเภทภูตตัวนั้นก็จะสามารถกลายเป็นเทพตกสวรรค์ได้
ยิ่งเชื่อมั่นในแสงสว่างและความดีงามมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหลังจากหมดศรัทธา
ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันกรณีสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์อย่างเทพตกสวรรค์นั้นหาได้ยากมาก
เพราะภูตนั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์และความดีงาม
มันจึงเป็นเรื่องยากที่พวกมันจะกลายเป็นเทพตกสวรรค์ได้ นอกจากนี้เทพตกสวรรค์ยังเป็นสัตว์วิญญาณประเภทภูตเพียงตัวเดียวที่ไม่สามารถถูกอัญเชิญด้วยทักษะ รวมพลเทวดาได้
“ตาย” ชายลึกลับพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ทักษะระดับ SS [ราตรีนิรันดร์] ถูกใช้งาน
ความมืดอันน่ากลัวหลั่งไหลเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ จากนั้นทุกอย่างดูเหมือนจะถูกดึงลงไปในเหวลึก
“ต้องหยุดมัน.” ลั่วอู๋ จินฉันมองหน้ากัน
พวกเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของกันและกัน
พลังของเทพตกสวรรค์นั้นน่ากลัวมาก ถึงแม้ว่ามิติวิญญาณของเทพตกสวรรค์น่าจะอยู่ที่ระดับทอง แต่ลั่วอู๋คิดว่าศักยภาพของมันคงเทียบได้กับระดับเพชร
ลั่วอู๋อ้าปากเตรียมปล่อยพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้างออกมา ลมปราณถูกควบแน่นอย่างรวดเร็วเปลี่ยนเป็นพลังของมังกรอันยิ่งใหญ่
ทักษะ [ลมหายใจมังกร] ถูกใช้งาน
ลั่วอู๋ไม่ได้ใช้การทักษะรวมพลเทวดา เนื่องจากความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอที่จะเรียกภูตที่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับเทพตกสวรรค์ออกมาได้
จินฉันเองก็ได้ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาเช่นกัน คทากายสิทธิ์ในมือของเขาเปล่งแสงไปพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง เสียงของเขาดังเหมือนฟ้าร้องและเต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย
มันคือทักษะระดับ SS ไม่ผิดแน่
ทันใดนั้นแสงสีทองก็เบ่งบาน
พื้นที่ทั้งหมดดูเหมือนจะอยู่ในความเงียบงันเมื่อพลังวิญญาณที่ไหลเวียนพุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามชายลึกลับนั้นก็ยังคงยืนอยู่ในสภาพปลอดภัยดี
มีเพียงแค่ลั่วอู๋และจินฉันที่ถูกครอบงำโดยพลังแห่งความมืดอันน่ากลัว คอยกัดกร่อนร่างกายและพลังวิญญาณของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
จินฉันขยับร่างกายอย่างยากลำบากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “มันคงไม่คุ้มเท่าไหร่ ที่พวกเราจะมามัวเสียพลังวิญญาณอยู่ที่นี่ ข้าว่าพวกเราควรจะวิ่งหนีกันได้แล้ว”
“ใช่” ลั่วอู๋รู้ดีว่าสถานการณ์ของพวกเขานั้นไม่ค่อยดีนัก
ชายลึกลับกล่าวอย่างเงียบ ๆ ว่า “มันจบแล้วล่ะ”
พลังความมืดถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ราวกับว่ามีมือจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในความมืดรวมกันเป็นดอกไม้แห่งความมืดอันน่ากลัวกำลังผลิบานสะพรั่ง
“จบแล้วอย่างนั้นเหรอ ? อย่าด่วนสรุปไปน่า” ลั่วอู๋ระเบิดเสียงหัวเราะ
ชายลึกลับขมวดคิ้ว “พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ก็เลยเริ่มพล่ามอะไรไร้สาระออกมาสินะ”
“โอ้ ไม่หรอก” ลั่วอู๋กระซิบ “ จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่า ข้ามีไพ่ตายที่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้มากเท่านั้นเอง ขอข้าลองดูหน่อยได้ไหมล่ะ?”
เสียงของชายลึกลับเต็มไปด้วยอารมณ์เยาะเย้ย “พลังวิญญาณของเจ้ากำลังจะหมดลงแล้วแท้ อย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้ คิดจะใช้ทักษะที่ทรงพลังโดยไม่มีพลังวิญญาณจ่ายรึยังไง ?”
“ช่างบังเอิญจริง ๆ แต่พอดีว่าข้าไม่ต้องการพลังวิญญาณสำหรับไพ่ตายใบนี้”
ลั่วอู๋เปิดใช้ไหปีศาจแล้วปล่อยหมอกสีขาวออกมา
หมอกสีขาวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรูปร่างของนายพลในชุดเกราะสีขาวหลังแอ่นตรง ผู้ถือหอกปราบมังกรอยู่ในมือ บรรยากาศของเขาดูดุดันราวกับหอกที่พร้อมจะทิ่มแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาคือแม่ทัพกองทัพวิญญาณในมิติไห ไป่ฉี
เพื่อแลกกับอิสรภาพและสวัสดิการกองทัพ ไป่ฉีเคยสัญญากับลั่วอู๋ ว่าถ้าหากลั่วอู๋ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ไป่ฉีก็ยินดีที่จะออกมาช่วยเขาเอาไว้
และนี่คือเวลานั้น
เนื่องจากเขาไม่ใช่สัตว์วิญญาณที่ทำพันธสัญญาไว้กับลั่วอู๋ ดังนั้นพลังวิญญาณที่ไป่ฉีจะไม่ได้ดึงเอามาจากตัวลั่วอู๋ แม่ทัพวิญญาณไป่ฉีในตอนนี้จึงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมต่อสู้
ชายลึกลับตกใจ นี่มันคืออะไรกัน? วิญญาณงั้นเหรอ?
“ฝากด้วยไป่ฉี ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ลั่วอู๋กล่าว
ไป่ฉีพยักหน้า ทันใดนั้นลมปราณอันเยือกเย็นและรุนแรงก็พวยพุ่งออกมา ความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณระดับทอง มิติ 9 ถูกเปิดเผยออกมา หอกปราบมังกรเองก็ตอบสนองและแผ่ไอเย็นออกมาเล็กน้อย
“ตาย!”
ไป่ฉีไม่เสียเวลาพูดพร่ำไร้สาระ เขาวิ่งตรงไปที่ชายลึกลับพร้อมหอกปราบมังกรในมือ
“แหลกสลายไปซะ!” พลังของหอกปราบมังกรนั้นทรงพลังมากจนแทงทะลุดอกไม้สีดำที่เกิดจากมือมนุษย์ได้ในพริบตา ปลายหอกนั้นเล็งไปที่หัวใจของชายลึกลับ
ไป่ฉีนั้นเป็นแม่ทัพที่เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์โลก ทันทีที่เขาพุ่งโจมตี ร่างของเขาก็เปรียบเสมือนกับกองทหารหนึ่งพันคนที่อยู่ใต้อาณัติของเขา
ชายลึกลับใช้ทักษะ [ราตรีนิรันดร์] อีกครั้ง
ความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุดได้กลืนทุกอย่างจนหายไป ทว่าใบหน้าของไป่ฉีที่ต้องเผชิญกับทักษะนี้กลับมีเพียงแค่ความรังเกียจเท่านั้น “จิตใจอันร้อนแรงของข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กับอีแค่ความมืดกระจอก ๆ ข้าจะทำลายมันให้สิ้นในกระบวนท่าเดียวให้ดู”
หลังจากนั้นไป่ฉีก็ปลดปล่อยพลังของหอกปราบมังกร
เมื่อพลังของมันหลั่งไหลออกมาคลื่นพลังวิญญาณนั้นก็ได้ควบแน่นเป็นรูปร่างของมังกรเก้าตัวเหินเข้าฉีกกระชากความมืดออกเป็นเสี่ยง ๆ อำนาจทำลายล้างของหอกปราบมังกรทำลายความมืดไปทีละชั้นเหมือนกับกระดาษอันเปราะบาง ทำให้มันสลายไปเหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา
“ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!” จินฉันอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว แล้วมองไปที่ลั่วอู๋ เขาไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีไพ่ตายก้นหีบที่ทรงพลังเช่นนี้
ที่มาของวิญญาณผีตนนี้คืออะไรกันแน่ แล้วทำไมเขาถึงออกมาช่วยเหลือลั่วอู๋?
ชายลึกลับกระอักเลือดออกมา
ทักษะของเขาถูกทำลายลงไปแล้ว!
“แค่ระดับทอง มิติ 9 งั้นเหรอ หึ!” ชายลึกลับส่งเสียงอย่างเย็นชาจากนั้นหันศีรษะหนีไป
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ แต่สถานการณ์นั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่เขาจึงได้ถอยไปก่อน ความมืดโดยรอบค่อย ๆ สลายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการจากไปของเขา
ไป่ฉีโกรธมาก เขาได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายที่เหมือนจะพูดในเชิงดูถูก
“อย่าคิดว่าจะหนีพ้นไปได้เลยน่า เจ้าหนูสกปรก!” ไป่ฉีที่โกรธเกรี้ยวขว้างหอกปราบมังกรของเขาออกไป หอกนั้นเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นแสง ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถแทงทะลวงผ่านมิติแทงเข้าไปปักที่ด้านหลังของชายลึกลับได้
ร่างของชายลึกลับกระเด็นออกไป ร่างของเขาเหมือนถูกตอกตะปูปักไว้บนหน้าผาสูงชันด้วยหอกปราบมังกร เลือดหยดไหลรินลงมา เขาดูไร้เรี่ยวแรงจนแขนแกว่งไปตามสายลม
เรียกได้ว่าถูกปราบปรามจนหมดสภาพ
“ฮึ่ม” ไป่ฉีสบถด้วยเสียงอันเย็นชา จากนั้นก็หันไปมองลั่วอู๋ “ข้าขอตัวกลับไปก่อนล่ะ แล้วก็อย่าลืมสัญญาของเจ้าเชียว”
ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
คำสัญญาที่ว่าก็คือ ไม่ว่าระดับความแข็งแกร่งของลั่วอู๋จะเพิ่มขึ้นถึงระดับไหน เขาก็จะไม่ใช้พลังของไหปีศาจควบคุมไป่ฉี และปล่อยให้ไป่ฉีได้มีอิสรภาพอย่างแท้จริง
ลั่วอู๋ก้าวไปข้างหน้าแล้วมองไปที่ร่างซึ่งกำลังถูกตอกติดอยู่กับหน้าผา “ ขอข้าดูหน่อยสิว่าเจ้าเป็นใคร ?”
ความมืดสลายไป จากนั้นเมฆสีขาวก็พวยพุ่งออกไปในกลุ่มเมฆแล้วสลายหายไป
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ ใบหน้าของเขาหม่นหมองในทันที “ร่างปลอม ? หรือว่านี่จะเป็นทักษะ ร่างกายอมตะศักดิ์สิทธิ์จำลอง?”
มันเป็นทักษะที่มีผลคล้ายกับคืนชีพจากความตายจำลอง แต่เป็นในรูปแบบของพลังวิญญาณธาตุแสง เป็นทักษะของสัตว์วิญญาณที่สามารถปฏิเสธความตายได้หนึ่งครั้งเช่นกัน แต่อยู่ในอีกรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีทักษะนี้อยู่ด้วย
เมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดไป ลั่วอู๋จึงรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดถึงมันเลยว่าอีกฝ่ายอาจจะมีทักษะแบบนี้ เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะหลบหนีด้วยวิธีนี้