บทที่ 308 ยินดีต้อนรับ
บทที่ 308
ยินดีต้อนรับ
ณ สำนักโล่พิทักษ์
บนหอคอยที่ไหนสักแห่ง
เสี่ยวชากำลังตรวจสอบรายการสินค้าและบัญชีชำระเงินล่าสุดอย่างรอบคอบ เนื่องจากสำนักโล่พิทักษ์เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ความกดดันของเขาเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โชคดีที่เขายังสามารถรับมือกับมันได้
ตอนนี้เขาได้เติบโตขึ้นมากและมีเกียรติศักดิ์ศรีในการกระทำต่างๆ แม้ต่อหน้าร้านค้าขนาดใหญ่เช่นคฤหาสน์ชวนเทียน เขาก็สามารถรับมือได้โดยไม่ต้องถ่อมตัวหรือหยิ่งยโส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เขาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าบอกแล้วไม่ได้รึไง ว่าอย่ารบกวนข้าถ้าไม่มีเหตุด่วนจำเป็น ”
“ เจ้าของร้านคนที่สอง นายน้อยกลับมาแล้วขอรับ” คนงานชายที่อยู่นอกประตูสั่นด้วยความตื่นเต้น
เสี่ยวซาที่ดูเหมือนจะโกรธในตอนแรกเปลี่ยนท่าทีไปเป็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุข เขาวางทุกอย่างในมือของตนลงทันที โยนสมุดบัญชีลงไปบนโต๊ะ แล้วรีบเดินออกไป “ไป รีบไปกันเถอะ!”
……
……
ในตอนนี้คนของทีมคุ้มกันคมมีดมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่มีความแข็งแกร่งระดับทองมิติ 7 ถึง5 คน และพวกเขาต่างก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นผู้คุ้มกันระดับสูง
นั่นก็เพราะสวัสดิการของทีมคุ้มกันคมมีดนั้นดีมาก
หากพวกเขาเต็มใจที่จะฝึกฝนอย่างหนักและทำงานอย่างซื่อสัตย์ สำนักโล่พิทักษ์ก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าในการฝึกฝนพัฒนามิติวิญญาณ
จำนวนผู้คุมทีมคุ้มกันคมมีดนั้นเพิ่มขึ้นมาเกินกว่า 100 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้คนที่มาจากการคัดเลือกอย่างระมัดระวังของหลิวหู
หลิวหูเป็นผู้ใช้งูทมิฬปีกกระดูก โดยลมปราณของเขานั้นได้ไปถึงระดับทองแล้ว เขานั่งอยู่ในสำนักโล่พิทักษ์ ในขณะที่สมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมองครักษ์ตั้งการป้องกันโดยรอบรวมสามชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังจากที่อื่นสามารถเข้ามารุกรานได้
การพัฒนาอย่างรวดเร็วของสำนักโล่พิทักษ์ ทำให้เกิดกองกำลังมากมายทั้งในด้านการสอดแนมและป้องกัน
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาทีมคุ้มกันคมมีดนั้นได้สกัดกั้นการรุกรานจากภายนอกไปไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง
“ทำได้ดีมาก หน้าที่ของพวกนายในวันนี้จบลงแล้ว และรางวัลคือยาเม็ดระดับหกเทียนหยวน หนิงลิน” หลิวหูคำราม
สมาชิกทุกคนในทีมองครักษ์ต่างกูร้องเฮ ด้วยความร่าเริงและดวงตาของพวกเขากะพริบด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาตรวจสอบดูแลสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกสำนักโล่พิทักษ์ อย่างพิถีพิถันมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากพบเป้าหมายที่น่าสงสัยให้พวกเขาก็จะจับกุมตัวไปในทันที และหากตรวจสอบแล้วว่าเป็นบุคคลอันตราย ก็จะได้รับความดีความชอบและได้รับ 10% ของรางวัลนำจับไป
มันเป็นงานที่น่าตื่นเต้น
หลิวหูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ในตอนแรกเขาในฐานะหัวหน้ากลุ่มและพวกพ้องทีมคมมีดต้องต่อสู้โชกเลือดวันต่อวัน ในฐานะทีมล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอด
อย่างไรก็ตามหลังจากมาที่มณฑลหมิงหนานแล้ว แม้ว่าการปรับตัวในช่วงแรกจะยุ่งยาก แต่คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่นั้นดีกว่าเดิมมาก ทุกคนทำงานรักษาความปลอดภัยด้วยความสงบอย่างอิ่มเอมใจ พวกเขามีครอบครัวมีลูกหลาน และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตอีก
“ทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณนายน้อยมาก” “น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้ว่านายน้อยจะกลับมาอีกเมื่อไหร่และสำนักเฉียนหลงที่ว่านั่นอยู่ที่ไหน” หลิวหูกล่าว
มีคนทั่วไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้จักสำนักเฉียนหลง
“หัวหน้า!” เพื่อนร่วมทีมคุ้มกันที่ดูแลพื้นที่ใกล้กับเขาที่สุด รีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “ นายน้อยกลับมาแล้ว นายน้อยกลับมาแล้ว!”
หลิวหูดีใจเป็นอย่างมากจากนั้นก็คำราม “ทุกคนหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่! วันนี้นายน้อยกลับมาแล้ว พวกเจ้าทุกคนจงไปหาเขากับข้า”
เหล่าผู้คุ้มกันหลั่งไหลกันเข้ามา
คนที่เข้ามาใหม่หลายคนที่เข้าร่วมทีมคุ้มกันคมมีดต่างก็เคยได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของลั่วอู๋ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยได้รู้จักเขาจริง ๆ เลยก็ตาม
ในตอนแรกที่สำนักโล่พิทักษ์เพิ่งเปิดทำการ ทางร้านนั้นถูกกดดันจากทุก ๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม ลั่วอู๋ ได้ใช้อิทธิพลที่มี สยบทั้งคฤหาสน์ชวนเทียนและคนเหล่านั้นออกไป ไม่ว่าจะเป็นนายน้อยของตระกูลมู่ วีรบุรุษของหนานจุน สำนักงานผู้ว่าการมณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้ หรือหน่วยสยบมังกร
ความกดดันเหล่านั้นได้หายไปในพริบตา แม้แต่คู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างสาขาย่อยของศาลาไป่หยู่ เองก็ต้องยอมประกาศปิดร้านไปในไม่กี่เดือนต่อมา
นายน้อยในตำนานช่างเป็นชายที่น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ
……
……
ณ อาคารเล่นแร่แปรธาตุ
มู่เถาหัวหน้านักเล่นแร่แปรธาตุได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับมังกร และการกลั่นยาของเขาก็สงบมาก ไม่ได้รุนแรงอย่างที่เคยเป็น
ตอนนี้สำนักโล่พิทักษ์ ได้ฝึกฝนนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยตัวเองขึ้นมาเกือบ 20 คน และยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ได้ทำงานร่วมกันแล้วอีกหลายสิบคน
ในทางธุรกิจพวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสินค้าที่ ลั่วอู๋ ทิ้งไว้เบื้องหลังอีกต่อไปแล้ว
……
นอกจากนี้สำนักโล่พิทักษ์ ยังมีพื้นที่ลึกลับที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักอยู่ พื้นที่นี้ถูกเรียกว่าสำนักรักษาความปลอดภัย แน่นอนว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ ลั่วอู๋ ตั้งขึ้น
นอกจากหลิวหูแล้วคนอื่น ๆ ทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสำนักรักษาความปลอดภัยนี้
มีเพียงไม่เกินสิบคนเท่านั้นในสำนักโล่พิทักษ์ที่สามารถเข้ามาในนี้ได้ และพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ลั่วอู๋เชื่อใจที่สุด
สำนักรักษาความปลอดภัยเป็นอิสระจากสำนักโล่พิทักษ์ และปฏิบัติตามคำสั่งของลั่วอู๋โดยตรงเท่านั้น บุคคลที่รับผิดชอบสำนักงานรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดของลั่วอู๋ ซึ่งก็คือไร้หน้านั่นเอง
ทุกๆเดือนจะมีการส่งทรัพยากรจำนวนมากมายังพื้นที่นี้ และแม้แต่เจ้าของร้านอีกสองคนก็ไม่มีข้อร้องเรียนใด ๆ
เพราะพวกเขารู้ดีว่ามันสำคัญมากสำหรับลั่วอู๋
ในตอนที่สำนักโล่พิทักษ์จะต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรง สำนักรักษาความปลอดภัยจะเป็นหน่วยงานที่น่าเชื่อถือที่สุดของสำนักโล่พิทักษ์
ไร้หน้านั้นสวมหน้ากากที่เปิดไว้ครึ่งหน้าอยู่เสมอ ส่วนโค้งของใบหน้านั้นดูเย็นชาและไม่ธรรมดา
เขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าคนหนุ่มสาวเกือบห้าสิบคน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเด็กอยู่ แต่ใบหน้าของพวกเขาดูแข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยพลัง นี่คือต้นกล้าที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีโดยไร้หน้า
เขาคัดเลือกคนที่มาจากครอบครัวอันยากจน หรือมีวัยเด็กอันน่าสังเวช เพราะเด็ก ๆ เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีความภักดีมากที่สุด
ตอนนี้พวกเขากำลังจะเริ่มการฝึกอย่างหนักที่ต้องทำทุกวัน
พวกเขาจะได้รับการฝึกฝนความแข็งแกร่ง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายของทรัพยากรในการฝึกฝน ถึงระดับที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่ต้องลงทุนจ่ายเงินเลยแม้แต่แดงเดียว
ในหมู่เด็กเหล่านี้ มีเด็กหนุ่มแขนเดียวคนหนึ่ง ซึ่งมีบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของความเย็นชาและเย่อหยิ่งผสมกันอยู่ เขาเป็นคนที่มีลมปราณทรงพลังมากที่สุด
ระดับที่ว่าเขาโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนที่กำลังฝึกฝน
ชื่อของเขาคือ กู่ฉวน อดีตขอทานตัวน้อย
เนื่องจากเขามีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ตั้งแต่ในตอนแรกที่ได้พบกัน เขาจึงถูกรับเข้ามาในกลุ่มนี้
และก็เป็นไปตามที่ไร้หน้าคิดไว้ เด็กชายนั้นมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมากโดยเฉพาะในด้านศิลปะการต่อสู้โบราณ
ขณะนั้นเอง ไร้หน้าก็ได้รับจดหมายลับมาจากทางสำนักโล่พิทักษ์
ปากของเขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
เด็ก ๆ ทุกคนต่างตกใจ
หรือว่าท่านอาจารย์กำลังจะหัวเราะ! นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาส่วนใหญ่ได้เห็นใบหน้าอันยิ้มแย้ม เพราะเขามักจะดูเย็นชาต่อหน้าพวกเขาเสมอ
“กู่ฉวน เจ้าจงอยู่ที่นี่ วันนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการฝึกอบรมของทุกคน” “อย่าขี้เกียจล่ะ” ไร้หน้าพูดอย่างช้าๆ “มิฉะนั้นทั้งกลุ่มจะต้องถูกลงโทษ รวมทั้งเจ้าก็ด้วยนะ กู่ฉวน ”
“ขอรับ!” กู่ฉวนตอบด้วยเสียงที่ดูเคร่งขรึม
ไร้หน้ากลายร่างเป็นหมอกสีดำและหายไปจากตรงนั้นในทันที
ทุกคนต่างมีสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เมื่อไหร่กันที่พวกเขาจะได้มีพลังเทียบเท่ากับท่านอาจารย์
……
……
ลั่วอู๋ และหลี่หยินมีความสุขมากกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้คนของสำนักโล่พิทักษ์
ฝูงชนต่างตะโกนกันว่า “นายน้อยกลับมาแล้ว” เพื่อต้อนรับพวกเขา
คนงานต่าง ๆ เข้ามาล้อมรอบลั่วอู๋และหลี่หยิน และคอยดูแลกลุ่มลูกค้าที่ยังสับสนกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
เมื่อมองเห็นใบหน้าอันคุ้นเคย ลั่วอู๋ ก็รู้สึกพึงพอใจพลางพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่คือบ้านของข้าจริง ๆ”
“นายน้อย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” เสี่ยวชาเดินมาหาลั่วอู๋ ไม่มีแล้วท่าทีของเจ้าของร้านที่ควรจะเป็น ตอนนี้ท่าทีของเขาเป็นเพียงพรรคพวกของ ลั่วอู๋ เหมือนกับตอนที่ได้พบกันครั้งแรก
หลิวหูเองก็นำกลุ่มผู่คุ้มกันตะโกนต้อนรับด้วยความเคารพ “ยินดีต้อนรับนายน้อยกลับบ้านขอรับ!”
ลั่วอู๋ หัวเราะ “ขอบใจมาก พวกเราทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน”
จากนั้นลั่วอู๋ก็ทักทายเหล่าคนงานที่เข้ามาใหม่และผู้คุ้มกันคนใหม่อย่างอบอุ่น ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกปลาบปลื้มว่านายน้อยนั้นเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายมาก