ไหปีศาจ – ตอนที่ 312 เชิญ

บทที่ 312 เชิญ
บทที่ 312
เชิญ

อาฟูเริ่มบ่นกับลั่วอู๋
แม้ว่าเขาจะเติบโตกลายเป็นเจ้าของร้านของสำนักโล่พิทักษ์ แต่เขาก็ยังคงทุกข์ทรมานด้วยแรงกดดันจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ

ตอนแรกเขาไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมา เพราะเกรงว่าจะทำให้ศักดิ์ศรีของสำนักโล่พิทักษ์แปดเปื้อน

แต่เมื่อลั่วอู๋ ปรากฏตัวขึ้นในที่สุดเขาก็สามารถมั่นใจและปล่อยวางได้

ประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมานี้บอกเขาว่าตราบใดที่นายน้อยยังอยู่ ปัญหาใด ๆ ก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย

“เรื่องมันเป็นแบบนี้เองสินะ” ลั่วอู๋ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก ที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเป็นเพราะว่าข้อมูลของทางสำนักโล่พิทักษ์ของเราไม่เพียงพอต่างหาก”

“นายน้อย พวกเราจะกลับไปกันเลยไหมขอรับ?” อาฟูเช็ดน้ำตาและเกาหัว

“ ไม่แน่นอน” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“หา…”
“นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ข้าคิดว่าข้าสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการตั้งรกรากในเมืองหลวงได้” ลั่วอู๋ แสยะยิ้ม “เรื่องสมบัติของวันนี้ ข้าจะจัดการเอง”

……
……
นอกจาก คฤหาสน์ชวนเทียน และ ศาลาไป่หยู่แล้ว ร้านค้าส่วนมากไม่มีสิทธิ์เสนอของขวัญให้กับ องค์จักรพรรดิได้ เว้นแต่จะมีอิทธิพลอำนาจที่ยิ่งใหญ่พอหนุนหลังช่วย
ดังนั้นร้านค้าต่าง ๆ จะเสนอสินค้าของตัวเองเป็นของขวัญผ่านทาง คฤหาสน์ชวนเทียน ซึ่งก็ทำให้ได้ประโยชน์ไม่ต่างจากเสนอด้วยตัวเอง

แม้ว่าลายเซ็นจะเป็นเรื่องสำคัญ และถูกเขียนไว้ว่าเป็นสินค้าของร้านค้าไหน แต่เนื่องจากมันถูกเสนอผ่านทางคฤหาสน์ชวนเทียน ทางคฤหาสน์ชวนเทียนจึงได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหากคฤหาสน์ชวนเทียน เลือกของขวัญของร้านค้าใด ตัวแทนของร้านค้านั้นจะมีสิทธิ์เข้าสู่พระราชวังไปพร้อมกับตัวแทนของคฤหาสน์ชวนเทียน

หากได้สิทธิ์ในการเข้าวังในวันพระราชสมภพ แล้วได้ทำการถวายของขวัญ มันก็น่าเพียงพอแล้วสำหรับการพิสูจน์ตัวตนและสถานะของร้านค้า นอกจากนี้ยังอาจจะได้ทำความรู้จักเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกมากมาย

นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร้านค้าต่างคลั่งไคล้ในเทศกาลนี้
และแล้วพิธีมอบของขวัญในวันนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
สถานที่จัดงานเป็นลานสี่เหลี่ยมกว้าง
ตัวแทนของร้านค้ารายใหญ่ต่างกรูเข้ามา ลั่วอู๋ ประเมินได้คร่าวๆว่ามีตัวแทนของร้านค้ากว่าหลายร้อยคนอยู่ที่นี่

ผู้รับผิดชอบการประชุมเสนอของขวัญครั้งนี้คือเลขาระดับอาวุโสที่มีนามสกุลหลี่

อาฟูกระซิบที่ข้างหูของ ลั่วอู๋ “เลขาหลี่คนนี้มีสถานะสูงมาก ว่ากันว่าเขาเป็นคนสนิทของ เซาฉาง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารทั้งเก้าคนของคฤหาสน์ชวนเทียน”

เซาฉาง เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงเก้าคนของคฤหาสน์ชวนเทียนมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ

“โอ้? เซาฉาง … ” ลั่วอู๋ จำได้ว่า เซาฉางคือคนที่มักจะแวะเข้ามาในห้องโถงหวันฝาของสำนักเฉียนหลง ลั่วอู๋เคยขายสัตว์วิญญาณให้เขาไปสองตัว

เมื่อเลขาหลี่เข้ามาในลานจัตุรัส เขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยตัวแทนของร้านค้าต่าง ๆ

“ ท่านเลขาหลี่ ร้านฟ้าครามของเราเพิ่งได้รับหยกอุ่นคุณภาพเยี่ยมมาชิ้นหนึ่ง การสวมหยกอุ่นสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการฝึกฝนพลังวิญญาณได้”

“นี่คือยาอายุวัฒนะระดับแปด ข้ามาจากร้านหัวหยู่”
“ส่วนข้ามี ปะการังสีแดง มันเป็นสัตว์วิญญาณอันล้ำค่า พวกมันอาจเกิดการวิวัฒนาการกลายเป็นปลาปะการัง สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูง นี่คือของขวัญจากทางหอการค้า หยุนเซียวของพวกเรา … ”

เลขาหลี่ขมวดคิ้วและผลักฝูงชนออกไป “ทำไม พวกร้านค้าเล็ก ๆ อย่างพวกเจ้าถึงไม่เข้าใจกฎว่านี่คือการประชุมเสนอของขวัญ ไม่ใช่ตลาดผัก! หากยังมีเสียงดังอีกรอบ ก็ไสหัวออกไปเถอะ”

หลังจากนั้นทุกคนก็เงียบไปและไม่กล้าส่งเสียงอะไรอีก
แม้ว่าเลขาหลี่จะเห็นว่าทุกคนเงียบลงแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีสีหน้าอันมืดมนและอารมณ์ที่ดูเย็นชาเนื่องจากเขาถูกตัวแทนของร้านค้ามากมายเข้ามาเยินยอ

แต่สุดท้ายพวกนั้นก็ต้องถอยกลับไปเพราะคำพูดของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกพอใจกับการตัดสินใจของเขามาก

พวกร้านค้าเล็ก ๆ ที่มีความคิดว่าจะมีโอกาสโชคดีได้เข้าร่วมพิธีมอบของขวัญ

พวกเขาคงหวังว่าตัวเองจะโชคดี ได้มอบของขวัญให้กับคฤหาสน์ชวนเทียน แล้วใช้โอกาสนี้เข้าไปในพระราชวัง

ในแง่ของการพัฒนาธุรกิจค้าของพวกเขา เกียรติในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำกำไรได้แล้ว มันยังเป็นโอกาสที่ไม่อันตรายอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังสามารถทำความรู้จักกับบุคคลผู้มีอำนาจในวังได้มากมาย

เลขาหลี่เดินเข้ามาและพูดด้วยเสียงทุ้ม “ขอประกาศเริ่มต้นการเสนอของขวัญ”
เหล่าตัวแทนร้านค้าต่างพร้อมใจเดินกันเข้ามา
เลขาหลี่เหลือบมองไปที่ลั่วอู๋และเห็นอาฟูซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา “หา ทำไมเจ้ายังกล้ามาที่นี่อีก? ไม่รู้รึไงว่าของจากสำนักโล่พิทักษ์ของเจ้านั้นแย่มาก?”

อาฟูดูลำบากใจ
ในตอนที่เข้าสู่คฤหาสน์ชวนเทียน เขานั้นสับสนและได้เข้าร่วมในพิธีเสนอของขวัญ ซึ่งในบรรดาสินค้าที่เขามีอยู่ สินค้าที่มีค่าที่สุดของเขาในตอนนั้นมีเพียงยาเทียนหยวน หนิงลิน ยาระดับ 7

เป็นผลให้ร้านค้าของเขาถูกเยาะเย้ย
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าเลขาเฉินมัวทำอะไรอยู่ มันไม่มีร้านค้าไหนกล้าพอที่จะนำของชั้นต่ำระดับนั้นเข้าร่วมมอบของขวัญแน่ อีกอย่างข้าได้ทำการตรวจสอบสำนักโล่พิทักษ์แล้ว มันเป็นเพียงแค่ร้านค้าเล็ก ๆ ที่อยู่ทางใต้เท่านั้น จะไปมีของหายากได้ยังไง?” เลขาหลี่ขมวดคิ้ว

ในสายตาของคฤหาสน์ชวนเทียน สำนักโล่พิทักษ์ในปัจจุบันนั้นเป็นเพียงแค่ร้านค้าเล็ก ๆ
ผู้แทนร้านค้าต่างเบนความสนใจไปทางนั้น
หลายคนได้เข้าร่วมในการเสนอของขวัญครั้งนั้นและนำเสนอสมบัติต่างๆมากมาย พวกเขาหลายคนจำอาฟูได้

“ นั่นคือตัวแทนร้านค้าที่หยิบยาระดับเจ็ดออกมาในครั้งที่แล้วใช่ไหม?”

“ใช่ ใช่ ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านค้าที่มีชื่อว่าสำนักโล่พิทักษ์”

“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อนเลย มันคงจะเป็นเพียงร้านค้าเล็ก ๆ ดังนั้นเขาเลยคิดว่ายาระดับเจ็ดเป็นของดีระดับสมบัติ”

“น่าสังเวช”
“ทำไมยังกล้ากลับมาอีก ?”
“ข้าเคยได้ยินมาว่าร้านค้าเล็ก ๆ หลายเจ้าชอบส่งของแปลก ๆ มาเผื่อจะได้รับโอกาส แต่ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบในครั้งนั้นมาก่อนเลย คราวนี้เขาจะเสนออะไรอีกล่ะ สัตว์วิญญาณระดับทอง? หรือยาระดับเจ็ดอีกรอบ?” ใครบางคนกระซิบอย่างเยาะเย้ย

อาฟูยิ่งเขินหนักกว่าเดิม ถ้าเขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนั้น สำนักโล่พิทักษ์ก็คงจะไม่ต้องมาถูกเยาะเย้ยแบบนี้

มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยที่ต้องมาถูกเยาะเย้ยโดยเหล่าผู้อาวุโสมากมายของวงการธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ลั่วอู๋ พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ครั้งที่แล้วมันเป็นความผิดที่ทางสำนักโล่พิทักษ์ของเราไม่รู้เกี่ยวกับการเสนอของขวัญ และเลือกเอาของธรรมดาอย่างยาเทียนหยวนหนิงลินไปเสนอเป็นของขวัญ อย่างไรก็ตามข้าต้องการจะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความผิดของเลขาเฉินที่ให้เราเข้าไป แต่สำนักโล่พิทักษ์นั้นได้รับเชิญให้มาที่คฤหาสน์ชวนเทียน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการนำสินค้าเข้าสู่เมืองหลวงของจักรวรรดิ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงอุบัติเหตุ”

ฝูงชนตกตะลึงและหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ถูกเชิญมาที่คฤหาสน์ชวนเทียน?
กล้าพูดออกมาได้ยังไง
เลขาหลี่หัวเราะเบา ๆ “ร้านค้าเล็ก ๆ อย่างเจ้าเนี่ยนะได้รับเชิญให้มาที่สำนักงานใหญ่ของคฤหาสน์ชวนเทียน เพื่อหารือเกี่ยวกับการนำสินค้าเข้าสู่เมืองหลวงของจักรวรรดิ ? เห็นแก่ผลกำไร ขาดทุนของเจ้าถึงขั้นกุเรื่องขึ้นมาเลยเหรอ ?”

ฝูงชนต่างระเบิดเสียงหัวเราะ
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ? ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของคฤหาสน์ชวนเทียนนะ?”

“ข้าเกรงว่าบางทีพวกเขาอาจจะถูกหลอกมาโดยมิจฉาชีพให้เข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาได้รับเชิญจาก คฤหาสน์ ชวนเทียนล่ะมั้ง ?”

“ไม่มีผู้มีอำนาจคนไหนจะมาสนใจร้านค้าเล็ก ๆ เช่นเจ้าหรอก”

“เลขาหลี่นั้นมีแววตาที่ยอดเยี่ยม ในเมื่อเขาสามารถเปิดเผยคำโกหกของพวกเขาได้สำเร็จเช่นนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าเราจะขับไล่พวกเขาออกไป” มีคนยกยอเลขาหลี่
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร การเชิญสำนักโล่พิทักษ์มานั้นเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของท่านหวังฉี เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปเที่ยวป่าวประกาศบอกให้ใครรู้ เลขาเฉินเองก็รู้ถึงความสำคัญนั้นและไม่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะ

“บอกข้ามาสิว่าใครเป็นคนเชิญเจ้ามา” เลขาหลี่จ้องมองไปที่ลั่วอู๋

ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “ท่านผู้บริหารหวังฉี”
ฝูงชนต่างตกตะลึง
ท่านผู้บริหารอันดับเจ็ด?
หวังฉีนั้นเป็นหนึ่งในเก้าผู้บริหารของคฤหาสน์ชวนเทียน ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเก่งที่สุดในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากสินค้า? เขาเป็นผู้ชายผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงธุรกิจ

เลขาหลี่หัวเราะเยาะ “ท่านหวังฉีที่เจ้ากำลังพูดถึงหมายถึงใครกัน ? ท่านหวังฉีเนี่ยนะจะเชิญเจ้ามาที่คฤหาสน์ชวนเทียน ?”
ในความคิดของผู้คนในคฤหาสน์ชวนเทียน หวังฉีนั้นมีความหมายเทียบเท่ากับความเฉลียวฉลาด

เขานั้นไม่เคยทำให้ธุรกิจขาดทุน
“ ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามเลขาเฉินดูสิ” ลั่วอู๋ กล่าวอย่างไม่แยแส

ไหปีศาจ

ไหปีศาจ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ไหปีศาจลั่วอู๋ โดนไหหล่นใส่หัวจนข้ามมิติไปอยู่ในร่างของ นายน้อยลั่ว ผู้ถูกเนรเทศ เพราะไม่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรได้ แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าไหที่เป็นปัญหาได้เชื่อมต่อกับเขา ความสามารถของเจ้าไหปีศาจนี้ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก เพียงแค่ ลั่วอู๋ใส่ ดอกหญ้าลงไปมั่วๆ มันสังเคราะห์สัตว์วิญญาณระดับเงินให้กับเขา ยิ่งเขาลองใส่ของลงไปมั่วซั่วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสังเคราะห์ สิ่งต่างๆออกมา ทั้ง ยาวิญญาณ อาวุธวิญญาณ สัตว์อสูร ภูต

Comment

Options

not work with dark mode
Reset