บทที่ 319 เหล่าผู้ที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 319
เหล่าผู้ที่เกี่ยวข้อง
องค์หญิงเจียโรว บุตรสาวคนโปรดขององค์จักรพรรดิกำลังตามหาองค์ชายเล็ก หลี่ซวนซง ลูกชายคนโปรดขององค์ชายเฉิน
เพื่ออะไร?
“เขามีปัญหากับข้า!” องค์หญิงเจียโรวกล่าวอย่างหนักแน่น
“เขาแค่มีโรคเกี่ยวกับดวงตา” ลั่วอู๋กล่าว
“ใครบอกเจ้าว่าข้าสนเรื่องตาของเขาเล่า ?” องค์หญิง เจียโรวพูดอย่างโกรธ ๆ “ข้ากำลังสื่อว่า เขามีปัญหา เพราะเขาไม่ใช่คนดี”
ลั่วอู๋ลองย้อนกลับไปคิดดู
นอกเหนือจากความเข้าใจผิดในตอนแรกแล้ว การวางตัวขององค์ชายเล็กนั้นเป็นเรื่องปกติมาก เขาพูดอย่างเหมาะสมและสุภาพ อย่างน้อยลั่วอู๋ก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเขา
“เขาทำอะไรแปลก ๆ กับเจ้างั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
องค์หญิงเจียโรวลองย้อนคิดดูเช่นกันแล้วกะพริบตา “ก็ไม่นะ”
“แล้วเจ้าบอกว่าเขามีปัญหาเนี่ยนะ?”
“ข้ารู้สึกไม่ดีกับเขา”
“ด้วยเหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ?”
“ใช่แล้ว” องค์หญิงเจียโรวกล่าวอย่างกล้าหาญ “โดยทั่วไปแล้วคนที่ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ มักจะเป็นคนที่มีความคิดเป็นอันตราย”
ลั่วอู๋ดูสับสน
นี่มันเป็นการสันนิษฐานแบบไหนกัน? สัญชาตญาณของผู้หญิง?
“ถ้าเจ้าคิดว่ามีอะไรผิดปกติกับเขา ทำไมไม่ขอให้ องค์จักรพรรดิตรวจสอบเขาดูล่ะ ถ้าไม่ได้ก็ลองขอให้คนอื่นตรวจสอบดูก็ได้ ทำไมเจ้าต้องมาตรวจสอบด้วยตนเอง?” ลั่วอู๋ กล่าว
ทันใดนั้นใบหน้าขององค์หญิงเจียโรวก็แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดและดูเหมือนว่านางจะเริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
นางพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด “คิดว่าข้าไม่ได้ทำเหรอ ? ข้าเคยบอกท่านพ่อไปนานแล้ว แต่เขาไม่เชื่อแถมยังก็โกรธข้ากลับมาด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ท่านพ่อโหดร้ายกับข้า เขาถอดถอนองครักษ์ทั้งหมดของข้าออก แม้แต่หงเฉาและฉิงเหมยก็ยังถูกย้ายออกไป ตอนนี้ข้าไม่มีใครที่จะสามารถสั่งการได้เลย มีเพียงแค่กลุ่มสาวใช้ธรรมดา ๆ เท่านั้น ที่ทำได้แค่งานบริการกับทำให้ข้าสงบลงได้ ”
“แต่ข้าไม่มีทางยอมแพ้หรอก ข้าแอบหนีออกมาจากพระราชวัง เพื่อสอบสวนพวกเขาด้วยตัวเอง ข้าจะต้องทำให้ท่านพ่อเห็นให้ได้ว่าข้าพูดถูก” องค์หญิงเจียโรวกล่าวเสียงแข็ง
ลั่วอู๋ตะลึง
นี่มันไม่สามารถเป็นจริงได้
องค์หญิงเจียโรว เป็นองค์หญิงคนโปรดขององค์จักรพรรดิ เขาไม่มีทางโกรธเพียงเพราะนางมีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับหลี่ซวนซงแน่
ต่อให้เขาเชื่อว่าองค์ชายเล็กไม่มีภัยร้ายอะไร เขาก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องโหดร้ายกับลูกสาวของเขาเช่นนี้เลย
“เจ้ารู้อะไรมาบ้าง ?” ลั่วอู๋ถาม
องค์หญิงเจียโรว หดหู่”มีปรมาจารย์มากมายอยู่รอบตัวเขา จนข้าไม่มีโอกาสจะได้เข้าใกล้เลยด้วยซ้ำเขา ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถหาข้อมูลอะไรได้เลยในขณะนี้”
“ให้ข้าช่วยเจ้าไหมล่ะ?” ลั่วอู๋ กล่าว
องค์หญิงเจียโรว ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีทาง เจ้ามันเป็นแค่เจ้าของร้านค้าเล็ก ๆ ถ้าเจ้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อย่างบุ่มบ่าม ข้าเกรงว่าเจ้าจะเอาตัวไม่รอด”
ลั่วอู๋มองไปที่องค์หญิงเจียโรวอย่างแปลก ๆ
“เจ้าไม่ได้ติดตามข่าวมานานแล้วเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
ถึงเขาจะไม่ได้โม้แต่เขาก็มีสถานะค่อนข้างสูง
ครองอันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลง
ผู้สืบทอดของบรรพบุรุษตระกูลลั่ว
ตอนนี้ลั่วอู๋ในสายตาของคนใหญ่คนโตบางคน ก็น่าจะได้รับความนิยมอยู่บ้าง
“ไร้สาระน่า ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าองครักษ์ของข้าถูกถอดถอน แม้แต่เพื่อนบางคนของข้าก็ยังไม่สามารถเข้ามาในวังเพื่อมาหาข้าได้ ข้าจะไปรู้ข่าวของโลกภายนอกได้ยังไง?” องค์หญิงเจียโรวพูดด้วยเสียงหงุดหงิด
ในสายตาของนางลั่วอู๋ยังคงเป็นเพียงเจ้าของร้านเล็ก ๆ
อย่างไรก็ตามการพัฒนาการของร้านค้าขนาดเล็กนั้นก็ใช่ย่อย ถึงขั้นที่พวกเขาพร้อมจะตั้งถิ่นฐานในเมืองหลวงของจักรวรรดิ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หลี่ซวนซงและเซาฉางผู้บริหารของคฤหาสน์ชวนเทียนถ่อมาหาเขาถึงที่นี่
แน่นอนว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ
มันไม่ใช่ความลับอะไรที่องค์ชายเล็กหลี่ซวนซงนั้นมีอิทธิพลมากในแวดวงธุรกิจ
หากร้านค้าเล็ก ๆ ต้องการจะสืบเกี่ยวกับองค์ชายเล็ก จะต้องพบกับทางตันแน่นอน
“เจ้าเป็นมิตรคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของข้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตาย” องค์หญิงเจียโรว กล่าวด้วยเสียงจริงจัง
ลั่วอู๋หัวเราะ “นั่นก็จริง … ”
“ข้าจะไม่บอกเจ้าเกี่ยวกับเขาแน่ ๆ” ใบหน้าขององค์หญิงเจียโรวมีร่องรอยของความสับสนลังเล “อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าต้องขอตัวไปก่อน ไม่งั้นเหล่าสาวใช้ที่น่ารำคาญจะรู้ว่าข้าแอบหนีออกไป”
“ได้เลย” แทนที่จะพูดอะไรเพิ่มเติมลั่วอู๋กลับถามนางกลับไปแทน “ภูตดอกไม้เป็นยังไงบ้าง มันสบายดีรึเปล่า? ”
ยังไงซะมันก็เป็นภูตดอกไม้ที่เขาสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยตัวเอง รูปลักษณ์อันบอบบางของมันสามารถกระตุ้นความรู้สึกสงสารของผู้อื่นได้
“แน่นอนสิ” เมื่อพูดถึงภูตดอกไม้ใบหน้าขององค์หญิง เจียโรวก็เผยให้เห็นรอยยิ้มอันสดใส “ภูตดอกไม้อยู่ในสวนลอยฟ้าของข้า ทุกวันนี้มันมีความสุขมาก เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในสรวงสวรรค์”
“งั้นก็ดีแล้ว”
การถูกองค์หญิงเจียโรวเอาไปคงถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับภูตดอกไม้
“ข้าจะพาเจ้าไปหานาง ตอนที่ข้าว่างและจะพาเจ้าไปดูสวนลอยฟ้าระหว่างทางด้วย” องค์หญิงเจียโรวหัวเราะคิกคักจากนั้นก็กลายเป็นสายลมหายไป
ลั่วอู๋สัมผัสได้ว่าองค์หญิงเจียโรวนั้นได้ระดับมิติวิญญาณของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความเร็วในการฝึกฝนของนางนั้นยังคงอยู่เหนือกว่าคนทั่ว ๆ ไป
……
……
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ข่าวที่เขาได้ยินก็ยังไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวทั่ว ๆ ไป แรงผลักดันจากงานเทศกาลนั้นได้นำสินค้ามากมายหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวงของจักรวรรดิ และทางราชวงศ์ก็ได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อสินค้าวัตถุพลังวิญญาณต่าง ๆ
เทศกาลเสริมอายุยืนยาวในครั้งนี้อลังการยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยมีมาและบรรยากาศแห่งเทศกาลสังสรรค์ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่รู้เลยว่ามีคลื่นใต้น้ำแบบไหนกำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายใต้งานรื่นเริงของผู้คน
วันจริงของเทศกาลเสริมอายุยืนยาวกำลังจะมาถึงในไม่ช้าและขบวนรถของคฤหาสน์ชวนเทียนก็ได้มารับเขาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม
ลั่วอู๋พาหลี่หยินและอาฟูขึ้นไปบนรถม้าไปยังคฤหาสน์ชวนเทียนด้วยกัน
ตอนนี้คฤหาสน์ชวนเทียนนั้นเต็มไปด้วยผู้คน เรียกได้ว่าตัวแทนจากร้านค้ารายใหญ่ต่าง ๆ มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
ทุกคนในแวดวงธุรกิจของจักรวรรดิได้มา ณ อยู่ที่นี้แล้ว
ว่ากันว่าแม้แต่เหล่าปรมาจารย์ลึกลับเองก็น่าจะเดินทางมาที่นี่ด้วย
ในระหว่างการเดินทางไปสู้พระราชวังครั้งนี้ ทางคฤหาสน์ชวนเทียนจะนำเสนอสินค้าหายากจำนวนมากเพื่อแสดงถึงอิทธิพลและความสง่างามของพวกเขา
ผู้แทนร้านค้าหลายคนต่างอยู่ในความตื่นเต้น พวกเขาได้ผ่านการตรวจสอบในการประชุมการเสนอของขวัญ และจะได้ร่วมส่งของขวัญเหล่านั้นไปยังพระราชวังผ่านทางคฤหาสน์ชวนเทียน
นี่ทำให้พวกเขาได้รับโอกาสในการเข้าสู่พระราชวัง ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“น้องชายลั่ว!”หวังฉีและเซาฉางได้เข้ามาพบเขาในเวลาเดียวกัน
ลั่วอู๋ ยิ้มและกล่าวทักทายทั้งสองคน “สวัสดี ท่านหวังฉี ท่านเซาฉางi”
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ผู้บริหารทั้งสองคนของคฤหาสน์ชวนเทียน ต่างรีบเข้ามาทักทายเขาในเวลาเดียวกัน เกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาในวงการธุรกิจ
หลายคนเริ่มสอบถามเกี่ยวกับลั่วอู๋
“เจ้าเคยได้ยินชื่อสำนักโล่พิทักษ์ไหม ?”
“ ไม่รู้สิ”
“ดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาจะเป็นร้านค้าที่ถูกไล่ออกไปจากการประชุมเสนอของขวัญ”
“แล้วพวกเขามาที่นี่ด้วยได้อย่างไรกัน ?”
“เจ้าของร้านมีนามสกุลว่าลั่วไม่ใช่เหรอ ? หรือว่าพวกเขาจะเข้ามาด้วยนามของตระกูลลั่ว?”
“ อย่างี่เง่าไปเลยน่า เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของศาลาไป่หยู่รึไง พวกเขาจะมาในนามของตระกูลลั่วได้ยังไง ? ทางตระกูลลั่วนั้นได้รับเชิญให้เข้าไปในพระราชวัง โดยไม่จำเป็นต้องมาที่คฤหาสน์ซวนเทียนด้วยซ้ำ พวกเขาจะมาที่นี่ทำไม?”
หลายคนไปถามคนงานของคฤหาสน์ชวนเทียนเกี่ยวกับสำนักโล่พิทักษ์ในทันที
คนงานของทางคฤหาสน์ชวนเทียน ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับสำนักโล่พิทักษ์ พวกเขาส่วนใหญ่รู้เพียงแค่ว่าผู้บริหารหวังฉีและผู้บริหารเซาฉางต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีกับลั่วอู๋
“ไม่มีชื่อของสำนักโล่พิทักษ์ในรายชื่อร้านค้านี่นา” “ พวกเขาไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพระราชวัง ด้วยนามของสำนักโล่พิทักษ์”
ถ้าเขาถือเป็นแขกของทางคฤหาสน์ชวนเทียน ก็คงจะไม่มีใครมีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตาม ลั่วอู๋และพรรคพวกได้เข้ามาในพระราชวังด้วยนามของสำนักโล่พิทักษ์พร้อมกับร้านค้าต่าง ๆ มันจึงเป็นการทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ตัวแทนร้านค้าจำนวนมาก
การใช้อภิสิทธิ์เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ
ร้านค้ารายใหญ่ทั้งหมดต่างก็ได้มอบสินค้าชั้นดีของตนเอง เพื่อได้รับโอกาสนี้ แล้วพวกเขาจ่ายอะไรบ้างถึงได้รับโอกาสแบบเดียวกัน?
เดิมทีอาฟูต้องการใช้โอกาสนี้ในการติดต่อธุรกิจกับตัวแทนของร้านค้ารายใหญ่ต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพราะมันคงจะเป็นการดีหากสามารถสร้างมิตรภาพทางการค้า ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาในอนาคตของสำนักโล่พิทักษ์ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะต้องพบกับอุปสรรคเช่นนี้
หลังจากได้ยินชื่อของสำนักโล่พิทักษ์ ตัวแทนของร้านค้ารายใหญ่ต่างแสดงสีหน้าอันตรงไปตรงมาว่าไม่ต้องการจะมีสัมพันธไมตรีทางธุรกิจด้วย
“ สำนักโล่พิทักษ์ยังต้องการทำธุรกิจกับพวกเราอีกเหรอ?”
“เจรจาทางธุรกิจงั้นเหรอ ? ฝันไปเถอะ พวกข้าตามพวกเจ้าไม่ทันหรอก”
“ไม่สนใจหรอก ร้านค้าของเราไม่ต้องการทำธุรกิจกับทางสำนักโล่พิทักษ์”
เพียงชั่วครู่สำนักโล่พิทักษ์ ก็ได้กลายเป็นเป้าหมายในการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชน