บทที่ 335 หลินยูหลัน
บทที่ 335
หลินยูหลัน
มิติพิเศษนั้น หากไม่สามารถทราบพิกัดของช่องว่างมิติที่เป็นเป้าหมายได้ มิติพิเศษนั้นจะนำไปสู่พื้นที่ที่ไม่มีใครเคยรู้จักหรือไม่ก็ตกหายไปในความปั่นป่วนของช่องว่างมิติ
มันจึงเป็นอะไรที่อันตรายมาก
ดังนั้นผู้เปิดใช้ช่องว่างมิติจึงจะต้องทราบพิกัดพื้นที่อันแน่ชัด
สาเหตุที่สำนักเฉียนหลงถูกซ่อนไว้ โดยที่ไม่มีใครสามารถบุกรุกเข้ามาได้เลย ก็เพราะมันเป็นพื้นที่มิติแยกที่ถูกเปิดขึ้นเอง และหากไม่รู้พิกัดของช่องว่างมิติแล้วล่ะก็จะไม่มีทางเข้ามาได้เลย
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกที่หนึ่ง ที่แทบจะไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เลย อย่างอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะ อย่างไรก็ตามอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะไม่ใช่พื้นที่มิติแยก แต่เป็นสถานที่ที่ซ่อนอยู่พื้นที่ลึกลับยากจะเข้าถึง
ช่องมิติพิเศษถูกเปิดออก มันเป็นประตูอันมืดมิดและมีพลังของคลื่นมิติอันมั่นคง จากนั้นเหล่านักเรียนของสำนัก เฉียนหลงได้ก้าวเข้าสู่เส้นประตูมิตินั้น
ทันใดนั้นในพื้นที่ไม่ไกลนักได้มีลำแสงหลากสีพุ่งขึ้นไปบนก้อนเมฆ สาดส่องไปบนท้องฟ้าราวกับว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกให้บรรยากาศที่ดูลึกลับสุด ๆ
นี่ทำให้ลูกศิษย์หลายคนต้องหยุดหันไปมอง
ใบหน้าของฉูจงฉวนเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นมัน “ไม่มีอะไรให้พวกเจ้าดูหรอก รีบกลับไปที่สำนักเฉียนหลงกันเถอะ”
ผู้คนต่างมองไปที่ฉูจงฉวนอย่างสงสัย
ทำไมเจ้าถึงดูรู้สึกกังวลแปลก ๆ?
ลำแสงหลากสีนั้นพุ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ และลั่วอู๋ก็เห็นตัวตนที่แท้จริงของลำแสงนั้น มันกลายเป็นร่างของนกศักดิ์สิทธิ์
สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูง – นกยูงฮัวเที่ยน
มันเป็นสัตว์วิญญาณประเภทนกยูงที่มีจำนวนน้อยและหาได้ยากมาก พวกมันมีบรรพบุรุษร่วมกันคือนางพญานกยูงในตำนาน
นางพญานกยูงเป็นสัตว์วิญญาณที่น่ากลัวอย่างยิ่ง แม้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันจะดูเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่มันก็สามารถต่อสู้กับสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิอย่างนกอมตะและมังกรได้
อย่างไรก็ตามสัตว์วิญญาณจักรพรรดิทุกตัวล้วนมีพลังวิญญาณอันลึกลับ ซึ่งทรงพลังเกินกว่าที่จะนำความแข็งแกร่งของพวกมันมาเปรียบเทียบกันเองได้
สัตว์วิญญาณนกยูงแต่ละชนิดต่างก็มีสายเลือดของนางพญานกยูง และนกยูงฮัวเที่ยนตัวนี้ก็เป็นสัตว์วิญญาณที่สวยงามมาก ขนของมันมีสีสันและประกอบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ทำให้มันมีหนทางใช้พลังทำลายล้างได้หลากหลายรูปแบบ
บนนกยูงฮัวเที่ยนมีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังของมัน หญิงสาวคนนั้นสวมชุดสีขาวและมีรอยยิ้มอันงดงามดั่งดอกไม้ แต่นางกลับมีแส้ยาวที่เอวเป็นอาวุธและมีลมปราณที่ค่อนข้างจะรุนแรง
“ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน?”
“ข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่คิดว่านางจะเป็นคนที่มาจากสำนักเฉียนหลงของพวกเรา”
“ผู้ใช้นกยูงฮัวเที่ยนงั้นเหรอ มันยากที่จะเจอผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีสัตว์วิญญาณหายากแบบนี้ในรุ่นเดียวกับพวกเรา บุคคลเช่นนางน่าจะไม่ได้มาจากสำนักเฉียนหลงของเรา”
“ทำไมนางถึงพุ่งมาทางพวกเราด้วยท่าทางที่ดูโกรธเกรี้ยวล่ะ? ”
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะถกเถียงอภิปรายข้อสงสัยกัน
ฉูจงฉวน ยิ่งอารมณ์เสียกว่าเดิม “รีบไปกันเถอะ อย่าเสียมัวเวลาเลย มันก็แค่ผู้หญิงกับนกยูงมีอะไรน่าสนใจให้ดูรึไง?”
ผู้ที่ยังไม่ก้าวขาเข้าไปในช่องว่างมิติ ต่างก็เมินไม่สนใจเขา
พวกเขาอยู่เพราะอยากรู้อยากเห็น หากเขากำลังรีบก็กลับเข้าไปก่อนได้เลย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย
“ไม่ ไม่ ไม่ต้องไป” ฉูจงฉวนไม่ตอบแต่กัดฟันแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่รีบกลับไป เชื่อข้าไหม ข้าจะอัดเจ้าให้เละ!
ฉูจงฉวนพูดคำแบบนี้ออกมาอย่างชัดเจน ราวกับว่าเขามีเรื่องเร่งด่วน
ทุกคนมองไปที่ฉูจงฉวนด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเท่าไหร่
เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม?
เขาเพียงคนเดียวกำลังยั่วโมโหคนมากมาย
ฉูจงฉวน พูดด้วยเสียงต่ำ “ลั่วอู๋ และ เหวินเสี่ยว เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม นี่มันเร่งด่วนมาก”
“ได้สิ” ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาตอบตกลงไปในทันที
ส่วนเหวินเสี่ยวลังเลก่อนไปพักนึงแล้วจึงตกลงด้วย
ฉูจงฉวน หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าพวกเจ้ายังไม่รีบออกไปจากที่นี่ พวกเราทั้งสามคนจะรุมกระทืบพวกเจ้าไปทีละคน”
ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉูจงฉวนไม่ได้น่ากลัวมากเท่าไหร่สำหรับพวกเขา
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อันดับ 1 9 10 ของรายชื่อเฉียนหลงได้มารวมตัวกัน มันเป็นการรวมตัวที่แข็งแกร่งมาก
ยอมช่างมันไปก่อนดีกว่า พวกเขายังไม่อยากโดนกระทืบเพียงแค่เพราะยืนรอดูอะไรน่าสนุก
“ไปกันเถอะ” หลายคนก้าวเข้าไปในช่องว่างมิติอย่างไม่เต็มใจ
แม้แต่ผู้ที่มีอันดับสูงกว่าในรายชื่อสำนักเฉียนหลงอย่างเหว่ยเฉิงโฉวเองก็ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับ ฉูจงฉวนและเลือกที่จะเดินจากไป
เมื่อมองไปยังฝูงชนที่ค่อยๆเดินออกไป ฉูจงฉวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เกิดอะไรขึ้น ฉูจงฉวน เจ้าต้องให้คำอธิบายกับพวกเราแล้วล่ะ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เอาชนะเจ้างั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
ฉูจงฉวนรู้สึกอายและกำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นกยูงฮัวเที่ยนบนท้องฟ้าที่กำลังส่องแสงอยู่ก็เข้ามาใกล้ในจังหวะนั้นพอดี
“ฉูจงฉวน ถ้าเจ้ายังกล้าวิ่งหนีไปจากข้าอีก ข้าจะหักขาเจ้าทิ้งอีกครั้งแน่” เสียงใสที่เหมือนจะเป็นของเด็กสาวดังเข้ามา
อย่างไรก็ตามเนื้อหาของคำพูดที่ตะโกนออกมานั้นไม่ใช่เด็กแน่ ๆ
ลั่วอู๋ มองด้วยสายตาแปลก ๆ “เจ้าเคยโดนนางหักขาเหรอ?”
“ ผู้หญิงบ้านี่ไม่ยอมไว้หน้าข้าเลย!” จากนั้นเขาก็กัดฟันอย่างรวดเร็วและกระตุ้นให้คนอื่น ๆ เข้าไปในช่องว่างมิติ
หลังจากนั้นฉูจงฉวนก็อดไม่ได้ที่จะผลักลั่วอู๋เข้าไปในช่องว่างมิติ
“ อย่าเพิ่งไปสิ!” หญิงสาวในชุดขาวตะโกน
ฉูจงฉวน ฮัมเพลง “ลาก่อนยัยผู้หญิงบ้า การไม่ต้องเจอเจ้าไปอีกครึ่งปี ข้าแน่ใจว่าข้าจะต้องมีช่วงเวลาที่ดีแน่”
ฉูจงฉวนก้าวเข้าไปในช่องว่างมิติแล้วหายตัวไป
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ฉูจงฉวนพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนั้นกับผู้หญิง
หญิงสาวในชุดสีขาวนั้นดูโกรธมาก นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้ามาที่นี่ แต่นางก็ยังช้าเกินไปนิดหน่อย เพราะเหตุนั้นนางจึงดูโกรธเกรี้ยวมาก
นักเรียนทั้งหมดได้กลับเข้าไปยังสำนักเฉียนหลงแล้ว เหลือเพียงแต่ทูตเฉียนหลงที่สวมหน้ากากมังกรทองเท่านั้นที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ
สาวในชุดกระโปรงสีขาวยังคงต้องการที่จะวิ่งเข้าไปในช่องว่างมิติ แต่นางก็ถูกทูตเฉียนหลงหยุดเอาไว้ แสงสีม่วงตกลงมาและเด้งร่างของหญิงสาวออกไป
“ผู้ที่ไม่ใช่นักเรียนของสำนักเฉียนหลงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในนั้น”
ในช่วงเริ่มต้นของการทดสอบเข้าสำนักเฉียนหลง นางกำลังอยู่ในช่วงต่อสู้เพื่อปราบนกยูงฮัวเที่ยน นางจึงใช้พลังทั้งหมดไปกับการทำให้มันยอมจำนน ส่งผลให้นางพลาดการโอกาสเข้าร่วมการสอบเข้าสำนักเฉียนหลง
“ฉูจงฉวน ถือว่าเป็นโชคดีไปนะ ข้าจะหักขาของเจ้าครึ่งปีหลังจากนี้แทนก็ได้” หญิงสาวในชุดสีขาวคำรามเข้าไปในช่องว่างมิติ
น่าเสียดายที่เสียงไม่สามารถผ่านเข้าไปได้
ทูตเฉียนหลงหน้ากากมังกรทองมองไปที่นกยูงฮัวเที่ยนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าต้องการเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงรึเปล่า?”
“ใช่ !” หญิงสาวตกตะลึง “ยังมีโอกาสอีกงั้นเหรอ?”
“ มีกฎในสำนักเฉียนหลงว่า ถ้าใครจะเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงกลางคันจะต้องผ่านการทดสอบที่ยากยิ่งกว่าการทดสอบเข้าทั่ว ๆ ไปของสำนักเฉียนหลง เพื่อพิสูจน์ความสามารถของผู้นั้น”
มีเพียงไม่กี่คนที่จะสนใจกฎนี้ และมีเพียงไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติผ่านการทดสอบดังกล่าว
หากเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงกลางคันล่ะก็ จะต้องเป็นคนมีความสามารถและคุณสมบัติที่สูงกว่านักเรียนของสำนักทั่ว ๆ ไปมาก
เมื่อเห็นนกยูงฮัวเที่ยนทูตเฉียนหลงก็นึกชื่นชมในความสามารถของนาง ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับกฎนี้ไป
“ข้าจะรับการทดสอบ ข้าจะรับการทดสอบ!” หญิงสาวกล่าวอย่างเร่งรีบ
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร มาจากที่ไหน?”
“ ข้าชื่อหลินยูหลัน” หญิงสาวลูบผมที่ยุ่งเหยิงของนางและเผยให้เห็นรอยยิ้มอันสดใส “มาจากมณฑลหลิงเป่ย, ภูเขาเทียนหวัง,หมู่บ้านตงเทียน, ลูกสาวของหลินกุย”
……
……
นักเรียนทุกคนได้กลับเข้ามายังสำนักเฉียนหลง
หลายคนมองไปที่ ฉูจงฉวน ด้วยสายตาค่อนข้างไม่พอใจ แต่ฉูจงฉวนก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
มันก็ยังดีกว่าต้องขายหน้าต่อหน้ามวลประชา
ทันทีที่ลั่วอู๋มาถึงสำนักเฉียนหลง เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันเฉียบคมที่มองมายังร่างของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกบีบคั้น
“เอ๋าเฉียนจุน!” ใครบางคนร้องอุทานออกมา
ดวงตาของ เอ๋าเฉียนจุน ไม่แยแสและร่างกายของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณธาตุลมและสายฟ้า ลมปราณของเขารุนแรงมาก ในขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าสาธารณชนโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ
ทั่วทั้งบริเวณมีเพียงความเงียบงัน
พลังของเอ๋าเฉียนจุน นั้นทรงพลังเท่ากับทหาร 100000 นาย
เอ๋าเฉียนจุนได้ทุ่มเทให้กับการฝึกฝนบนยอดเขาวิญญาณไม่เว้นแม้แต่วันหยุดหนึ่งเดือน จนกระทั่งวันนี้ในที่สุดเขาก็ลงมาจากภูเขาให้ทุกคนได้เห็นเป็นครั้งที่สอง
คราวนี้ลั่วอู๋เป็นคนเดียวที่อยู่ในสายตาของเขา
ซึ่งลั่วอู๋ก็คงต้องขอบคุณสำหรับความสนใจ