บทที่ 336 ข้อตกลงในการใช้กระบวนท่าเพียงสามครั้ง
บทที่ 336
ข้อตกลงในการใช้กระบวนท่าเพียงสามครั้ง
เอ๋าเฉียนจุน ไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ออกมาจากตัวเขา
นี่อาจจะเป็นพลังที่แท้จริงของชายผู้ควรจะอยู่ในอันดับหนึ่งของสำนักเฉียนหลง
แม้ว่าลั่วอู๋จะได้ครองอันดับหนึ่งของรายชื่อสำนัก เฉียนหลง แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเอ๋าเฉียนจุนนั้นคือชายที่แข็งแกร่งที่สุด ในด้านความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ลั่วอู๋รู้สึกได้แล้วว่าเอ๋าเฉียนจุนกำลังมองมาที่ตัวเอง
“มีปัญหาอะไร?” ลั่วอู๋ตื่นตัวขึ้นมา
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพื้นฐานความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณสูงในระดับที่คนรุ่นเดียวกันไม่สามารถเทียบเคียงได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเอ๋าเฉียนจุน เขาก็ยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันได้อยู่ดี
เอ๋าเฉียนจุนขมวดคิ้วราวกับว่าเขาถูกรบกวน
“การที่อันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลงถูกเจ้าชิงไปนั้นทำให้ตระกูลเอ๋าไม่พอใจมากและ โดยเฉพาะท่านบรรพบุรุษที่โกรธมากเป็นพิเศษ” เสียงของเอ๋าเฉียนจุนยังคงดูไม่แยแสและไม่มีความรู้สึกใด ๆ
เขาไม่ได้บอกว่าตัวเขาเองรู้สึกอย่างไร เพียงแต่บอกว่าทางตระกูลเอ๋านั้นไม่พอใจมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสนใจในอันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลงเลย
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนบ้าที่คลั่งไคล้ในการฝึกฝนของตัวเอง ลั่วอู๋ไม่ได้คิดที่จะดูถูกอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เขาก็เข้าสู่สภาวะพร้อมต่อสู้ในทันที
เอ๋าเฉียนจุนนั้นไม่ได้สนใจความคิดเห็นตระกูลเอ๋าอยู่แล้ว ดังนั้นเขาก็คงไม่สนใจกฎของสำนักเฉียนหลงด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะฆ่าคนอย่างทันทีทันใดตรงนี้ก็ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก
พลังวิญญาณของลั่วอู๋พวยพุ่งออกมาพร้อมกับลมปราณของเขาที่ควบแน่น จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันทุ้ม “เจ้าต้องการอะไร?”
“ท่านปู่ ขอให้ข้าช่วยฆ่าเจ้า” เอ๋าเฉียนจุนกล่าวอย่างใจเย็น
จิตใจของผู้คนต่างพลุ่งพล่าน
ทูตเฉียนหลงหน้ากากมังกรทองเปลี่ยนสีหน้า เขาปรากฏตัวต่อหน้าเอ๋าเฉียนจุนพร้อมตะโกน “นอกจากในสังเวียนแห่งชีวิตและความตาย เจ้าไม่สามารถฆ่าคนได้ในพื้นที่ของสำนัก เฉียนหลง”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดไปในทางเดียวกันว่าเอ๋าเฉียนจุนนั้นพร้อมที่จะโจมตีลั่วอู๋ที่นี่
ความจริงแล้ว เอ๋าเฉียนจุน เป็นตัวตนที่สร้างความปวดหัวให้กับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของสำนักเฉียนหลง เขาเป็นอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดที่ทำตามใจของตัวเองอย่างสมบูรณ์ เขาทำทุกอย่างไปตามทางของตัวเองจริงๆ จึงเป็นนักเรียนที่ควบคุมได้ยากมาก
เอ๋าเฉียนจุนไม่ได้มองไปทางทูตเฉียนหลงเลย แม้ว่าทูตเฉียนหลงนั้นจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงที่แข็งแกร่ง
เขามองไปที่ลั่วอู๋ด้วยสายตาของเขาซึ่งฉายแววแปลก ๆ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ดีมากจริง ๆ ตราบใดที่เจ้าสามารถผ่านการโจมตีสามกระบวนท่าของข้าไปได้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”
“แล้วเจ้าจะทำยังไงกับคำสั่งของปู่เจ้าล่ะ ?” ลั่วอู๋เย้ยหยันเอ๋าเฉียนจุน
“ไม่ต้องไปสนก็ได้” เอ๋าเฉียนจุน กล่าวด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง “คู่ต่อสู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสู้กับข้า ไม่ควรต้องมาตายตั้งแต่ตอนนี้”
ใช่แล้ว เขายอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้
เพราะมันยากสำหรับเขาที่จะได้พบกับหินสำหรับเจียระไนความสามารถของเขาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเช่นนี้
เขายังต้องใช้หินเจียระไนก้อนนี้เพื่อส่งเขาไปถึงจุดสูงสุด ซึ่งนั่นถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฆ่าหินเจียรก้อนนี้
อย่างไรก็ตามหากอีกฝ่ายไม่สามารถรอดจากกระบวนท่าทั้งสามได้ อีกฝ่ายก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นหินเจียรของเขาและสมควรแล้วที่จะต้องตาย
ลั่วอู๋เข้าใจถึงความบ้าคลั่งและความดื้อรั้นที่อยู่ในสายตาของเอ๋าเฉียนจุน
ชายคนนี้ไม่มีความคิดอื่นใด นอกจากการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
เขาสมกับเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ
ดวงตาของลั่วอู๋ลุกโชนไปด้วยความรู้สึกของสงคราม เขารู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะถอยหนีได้
ถ้าเอ๋าเฉียนจุนต้องการฆ่าเขาจริง ๆ เขาก็คงสามารถปฏิเสธได้อย่างสบายใจ เพราะระดับมิติวิญญาณของเขาเองก็ยังห่างจากมิติวิญญาณของอีกฝ่ายอยู่มาก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้
แต่ตอนนี้ด้วยเงื่อนไขที่ว่าอีกฝ่ายจะใช้เพียงแค่สามกระบวนท่าเท่านั้น หากเขาถอยกลับเขาจะต้องสูญเสียความมั่นใจและความกล้าหาญในการต่อกรกับเอ๋าเฉียนจุนไปตลอดกาล และมันก็จะกลายเป็นลิ่มในหัวใจของเขาตลอดไป
ลั่วอู๋จะยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้
“ตกลง!” ลั่วอู๋ยอมรับคำท้าแต่โดยดี
ฝูงชนต่างตกอยู่ในความโกลาหล ที่ได้รู้ว่าลั่วอู๋นั้นยอมรับคำท้า
ว่ากันว่าในตอนที่เอ๋าเฉียนจุน ไล่สยบเหล่าอัจฉริยะในเมืองหลวงของจักรวรรดิทั้งหมด เขาไม่เคยใช้กระบวนท่าไปมากกว่าสามครั้ง ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครได้เห็นระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องไร้เทียมทานอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผู้คนคิดเกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว
แม้จะใช้กระบวนท่าเพียงแค่สามครั้งเขาก็ยังไร้เทียมทาน
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ทูตเฉียนหลงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยุติการประลองนี้
สำหรับคนอื่น ๆ แล้ว ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงสำนักเฉียนหลง พวกเขาต่างไม่คาดคิดว่าจะมีการประลองครั้งใหญ่เกิดขึ้น นี่จึงทำให้หลายคนตื่นเต้นมาก เพราะการต่อสู้เช่นนี้เป็นอะไรที่หาดูได้ยากมาก
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เดินทางไปที่สนามประลอง
“เฮ้ ลั่วอู๋เจ้ามั่นใจมากแค่ไหน” ฉูจงฉวน ถามด้วยความกังวลเล็กน้อย
ลั่วอู๋ หายใจเข้าลึก ๆ “อย่างน้อยข้าก็น่าจะไม่ตาย”
ฉูจงฉวน รู้สึกโล่งใจ
อย่างน้อยก็ไม่ตาย เขาพูดออกมาอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ
ลั่วอู๋จ้องมองไปที่เอ๋าเฉียนจุนอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ ในที่สุดเขาก็จะได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดในตำนานอย่าง เอ๋าเฉียนจุน
เหวินเสี่ยวที่อยู่ด้านข้างของสนามประลองจ้องมองไปที่ลั่วอู๋บนเวทีการแข่งขัน หากมีปัญหาเกิดขึ้นเขาคิดจะทำการแทรกแซงในทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าลั่วอู๋จะไม่ตาย
ขณะเดียวกันรองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวนก็เดินเข้ามาในเวทีศิลปะการต่อสู้ พร้อมกับร่องรอยของความผิดหวังบนใบหน้าของเขา
บนเวทีการประลองนี้ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งในการประลองได้ นี่เป็นกฎของสำนักเฉียนหลงที่แม้แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้
“หวังว่าจะไม่มีใครตายนะ” หลี่หวู่หยวนอธิษฐานในใจ เขามองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของลั่วอู๋ แต่รู้อยู่แก่ใจดีถึงความแข็งแกร่ง เอ๋าเฉียนจุน ว่ามันสูงกว่าของลั่วอู๋แค่ไหน
ไร้เทียมทานในรุ่นเดียวกันนั้นไม่ใช่ฉายาที่จะได้มากันง่าย ๆ
แม้แต่ในระดับทองขั้นสูงเองก็ยังยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเอ๋าเฉียนจุน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับมือกับเขาได้ ทั้ง ๆ ที่ เอ๋าเฉียนจุน นั้นเป็นเพียงผู้มใช้พลังวิญญาณระดับทอง มิติ 6
ในที่สุดการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
“ขอเริ่มก่อนเลยก็แล้วกัน”
ลั่วอู๋เป็นคนแรกที่เริ่มโจมตี เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณของภูตสงครามออกมา
ในสายตาของคนภายนอกแล้วสัตว์วิญญาณตัวที่สามของเขาคือภูตสงคราม หากไม่จำเป็นจะต้องใช้พลังอื่น ๆ เขาก็ควรเริ่มที่พลังของมัน
ดวงตาของ เอ๋าเฉียนจุน ฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย แม้ว่าภูตสงครามจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกกดดันหรือตื่นเต้น
หากปราศจากความกดดันแล้วการต่อสู้ในครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร?
กลิ่นอายแห่งอันตรายที่เขารู้สึกได้จากลั่วอู๋ก่อนหน้านี้มาจากไหนกัน?
“ งั้นข้าจะทำให้เจ้าเอาจริงเอง”
แววตาของเอ๋าเฉียนจุนเย็นชาไปเป็นช่วงเวลาหนึ่งจากนั้นสายลมและสายฟ้าก็หลั่งไหลออกมา
ลมอันรุนแรงราวกับใบมีดหมุนวนระหว่างหมัดของเขา จากนั้นสายลมโค้งสีม่วงอันหนาแน่นก็พุ่งเข้าใส่ลั่วอู๋อย่างรุนแรง
สายลมและสายฟ้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า พลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของเอ๋าเฉียนจุนกำลังพลุ่งพล่านไปทั่ว
เมื่อมองไปที่เอ๋าเฉียนจุน ดูเหมือนว่าลั่วอู๋นั้นกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่อาบไปด้วยสายลมและสายฟ้า ลมปราณของเขาเองก็ดุดันมาก
“เปรี้ยง!”
เอ๋าเฉียนจุนกลายเป็นสายฟ้าและพุ่งเข้าโจมตี
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าสัตว์วิญญาณตัวแรกของ เอ๋าเฉียนจุน นั้นคือสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติของธาตุสายฟ้าและวายุ ตั้กแตนวายุสายฟ้า ซึ่งวิวัฒนาการมาจากตั้กแตนวายุ
เขาใช้พลังของลมและสายฟ้ามาโดยตลอด
ลั่วอู๋ไม่กล้าที่จะออมมืออีกต่อไป ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาใช้ทักษะระดับ SS [มิติเวทมนตร์]ในทันที
“หืม ภาพลวงตา?” ร่างกายของเอ๋าเฉียนจุนไม่ได้หยุดนิ่งแต่อย่างใดและยังคงพุ่งตรงไปที่ลั่วอู๋
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจมาก
เอ๋าเฉียนจุนมีเจตจำนงอันแน่วแน่ จนเขาไม่ถูกรบกวนด้วยภาพลวงตา แม้เขาจะพอเดาได้ว่ามันน่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่
แต่การที่มันไม่ได้ผลเลยแม้แต่นิดเดียวแบบนี้ นี่มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
“หมัดวายุสายฟ้าคำรน”
เอ๋าเฉียนจุน โจมตีลงมาโดยไม่มีการลังเลใด ๆ
เสียงของฟ้าฝ่าดังไปทั่วเวทีประลอง
มันเป็นเพียงแค่ทักษะระดับ A [หมัดวายุสายฟ้าคำรน] แต่เมื่อถูกใช้โดย เอ๋าเฉียนจุน พลังอันน่ากลัวของมันกลับไม่ได้น้อยไปกว่า ลมหายใจมังกรของลั่วอู๋เลย
นี่ทำให้ลั่วอู๋ไม่กล้าที่จะดูถูกดูแคลนการโจมตีของอีกฝ่ายเลย เขาใช้การโจมตีด้วยทักษะต่าง ๆ สวนกลับไปอย่างบ้าคลั่ง
“ดาบแห่งการลงทัณฑ์!”
“ ดาบแห่งการทำลายล้าง!”
“ ความมืดมิดกลืนกิน!”
“ ฉีกกระชากสายฟ้า!”
“ลมหายใจแห่งเปลวเพลิง!”
เขาใช้ทักษะห้าอย่างต่อเนื่องกัน จนในที่สุดก็สามารถหักล้างพลังทำลายอันน่ากลัวของหมัดวายุสายฟ้าคำรนได้
หัวใจของลั่วอู๋จมดิ่งลง
นั่นเป็นเพียงแค่กระบวนท่าแรกเท่านั้น
แต่หนึ่งในสามของพลังวิญญาณทั้งหมดของเขากลับถูกใช้ออกไปแล้ว
ดวงตาของ เอ๋าเฉียนจุน แสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจะเห็น เขาต้องการบังคับให้ลั่วอู๋ยอมใช้ไพ่ตายของเขาออกมา นี่เป็นสิ่งที่เขาสนใจ
“ถ้าไม่คิดจะเอาจริง ก็ตายเสียเถอะ”
เอ๋าเฉียนจุน หายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวเขาเข้ามาให้มันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาเริ่มกลายเป็นสายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างมหาศาล
ร่างจำแลงสายฟ้า
ในสภาพนี้ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และการระเบิดพลังวิญญาณของเขาทั้งหมดจะทะยานไปอีกระดับหนึ่ง
จากนั้นเขาก็เข้าโจมตีอีกครั้ง
เขายังคงใช้ หมัดวายุสายฟ้าคำรน เช่นเคย
ทันใดนั้นสายลมและหมู่เมฆก็เปลี่ยนไป ท้องฟ้ามืดครึ้มลงราวกับกำลังถล่มลงมา จากนั้นพายุเฮอริเคนอันน่ากลัวพัดเข้ามาราวกับจะฉีกทุกสิ่ง