บทที่ 53
การหมิ่นประมาท
ฮู่อู๋เดินมาที่ประตูของโรงประมูล
ตอนนี้โรงประมูล เฉิงเทียนถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้คิดที่จะเข้าไป พวกเขาแค่มุงดูอยู่ตรงหน้าประตู
เพราะพวกเขาทุกคนมาเพื่อดูสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ว่ามันเป็นอย่างไร
“เจ้านี่คือสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์งั้นเหรอ? มันดูภูมิใจในตัวเองมาก”
“ มันดูศักดิ์สิทธิ์มาก ปีกของมันก็เหมือนปีกของภูตศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน”
“มันเป็นการกลายพันธุ์ที่ดีมาก ช่างหายากมาก ถ้าข้ามีมันบ้างก็คงจะดี”
“อย่าคิดมากน่า การกลายพันธุ์ของสัตว์วิญญาณนั้นเกินกว่าจินตนาการของพวกเราอยู่แล้ว แม้แต่ในเมืองหลวงของอาณาจักร การเป็นเจ้าของสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ก็เอาไปอวดใคร ๆ ได้สบาย ๆ”
ฝูงชนกำลังพูดคุยกันแซงแซ่
“ว่าแต่ทำไมเจ้าหนุ่มคนนี้ ถึงมาเปิดประมูลที่หน้าประตู” คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถาม
ซึ่งคนใกล้ ๆ ก็อธิบายว่า “เจ้าไม่รู้งั้นเหรอ เจ้าหนุ่มคนนี้กำลังจะตั้งประมูลผ่านโรงประมูลเฉิงเทียน แต่ผู้ประเมินราคาของโรงประมูล คิดว่าของที่เขานำมานั้นไร้ค่า จากนั้นขับไล่เขาออกไป”
“อะไรนะ สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์เนี่ยนะไร้ค่า” คนที่ได้ยินพูดด้วยความแปลกใจ
“บางที มาตรฐานของโรงประมูลเฉิงเทียนอาจจะสูงกว่าที่พวกเราคิดก็ได้ … “
“แม้แต่สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ยังไม่ได้รับการยอมรับในชั้นวางของโรงประมูลเฉิงเทียน แสดงว่ามาตรฐานคงจะสูงกว่าของคฤหาสน์ชวนเทียนอีกล่ะมั้ง” มีคนพูดประชดประชัน
“ผู้ใช้พลังวิญญาณธรรมดา ๆ อย่างพวกเรา คงไม่ต้องตั้งประมูลอะไรแล้วมั้ง ขืนไปลองตั้งคงถูกขับไล่ออกไปให้ขายหน้ากันพอดี”
“ไปเสนอที่คฤหาสน์ชวนเทียนยังมีลุ้นซะกว่า เรื่องการประมูลพวกเขาอาจจะมีมาตรฐานสูง แต่พวกเขาก็มีทัศนคติที่ดีกว่า พวกเขาไม่เคยไล่แขกออกไปส่ง ๆ แบบนี้”
ใบหน้าของฮู่อู๋เปลี่ยนเป็นซีดเซียว เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้
บ้าจริง มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน
ของที่จะนำมาตั้งประมูลของเจ้าหนุ่มคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นดอกไม้ฟินิกซ์ ไหงมันกลายเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ไปได้ล่ะ
ฮู่อู๋รู้สึกโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เขามองมาที่แผงตั้งประมูลของลั่วอู๋และสายตาก็ถูกดึงดูดโดยแร้งทรายกลายพันธุ์ในทันที
สายตาของเขานั้นเฉียบแหลม ถึงกลายมาเป็นผู้ประเมินราคาอาวุโสของโรงประมูลได้ นอกจากนี้เขายังทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลของหน่วยตรวจสอบสินค้า
เขาสามารถมั่นใจได้เลยว่านกตัวนั้นเป็นแร้งทรายอย่างแน่นอน
“ไม่จริงน่า มันเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์จริง ๆ” หัวใจของฮู่อู๋เย็นเฉียบ
มันจบแล้ว
เจ้านายใหญ่ได้เอาเขาตายแน่ ๆ
ลั่วอู๋ชำเลืองมองไปที่ฮู่อู๋ “อ้าวผู้ตรวจสอบสินค้าฮู่ ทำไมท่านไม่รับรองแขกพิเศษในโรงประมูลของท่านต่อล่ะ วิ่งออกมาที่ประตูเพื่อเดินไปรอบ ๆ ทำไม “
ฮู่อู๋ได้แต่กัดฟันแน่น เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถว่าอะไรอีกฝ่ายได้
“หากท่านจะประมูล สัตว์วิญญาณตัวนี้ทำไมท่านไม่เรียกข้า และทำไมท่านไม่พูดถึงมันเลย?” ตรงนี้มีคนเยอะเต็มไปหมด และเสียงก็ดังมากเกินไปด้วยฮู่อู๋พูดด้วยเสียงต่ำ
ตอนนี้เขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อแก้ไข
ลั่วอู๋พูดเบา ๆ “ไม่ ๆ ข้ากลัวว่ามูลค่าของที่ข้านำมาประมูล จะต่ำเกินไปแล้วข้าจะถูกขับออกไปอีกครั้ง”
ฮู่อู๋รู้สึกละอายใจและโกรธ
เด็กหนุ่มคนนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก โชคร้ายแท้ๆ ที่เขาต้องมาเจอกับอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกันมู่เฉิงก็เดินมา เขาเห็นอักษรบนแผ่นไม้ จากนั้นปากของเขาแสดงให้เห็นว่ากำลังเยาะเย้ย “ราคาตั้งต้นเท่ากับหินสายรุ้ง น่าสนใจดีนี่”
การที่เขานำหินสายรุ้งมาประมูลแล้วอีกฝ่ายใช้หินสายรุ้งเป็นราคาตั้งต้น ไม่ต่างไปจากการหักหน้าของเขา
“แล้วเจ้าสนใจอะไรล่ะ?” ลั่วอู๋ถามอย่างเงียบ ๆ
ดวงตามู่เฉิงแคบลงเล็กน้อยและน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาขึ้น “นี่เจ้ากำลังท้าทายข้าหรือ ดี! ข้าไม่โดนท้าทายแบบนี้มานานแล้ว”
มู่เฉิงของหนานจุนนั้นไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เขาเคยไปที่ค่ายทหารเพื่อฝึกฝนตัวเอง จนเป็นนักรบที่แท้จริงในสนามรบ
โดยเฉพาะสัตว์วิญญาณทั้งสองของเขา
ราชันสุนัขโลหิต ผู้กระหายเลือดและดุร้าย มันเป็นสัตว์วิญญาณระดับเงิน แต่ด้วยที่เขายอมเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล เขาขอให้ผู้ปรับแต่งระดับสูง เสริมพลังให้มันจนกลายเป็นระดับทอง
อินทรีปีกเหล็ก นกที่มีขนาดใหญ่มากและมีขนคมกริบเหมือนดาบเหล็ก มันสามารถหมุนพายุดาบใบใหญ่และฉีกศัตรูด้วยการกระพือปีก เรียกได้ว่าอันตรายมาก
“ข้าไม่ได้ต้องการยั่วยุท่าน ข้าแค่อยากรู้ว่าระหว่างหินสายรุ้งของท่านหรือสัตว์วิญญาณของข้าอะไรจะมีมูลค่ามากกว่ากัน” ลั่วอู๋ไม่ได้เกรงกลัว
เขาไม่ได้ตั้งใจจะยั่วอีกฝ่าย แต่โกรธทัศนคติของโรงประมูลเฉิงเทียนเสียมากกว่า
การที่ลั่วอู๋ไม่ได้อยากจะสร้างปัญหาไม่ได้หมายความว่าเขากลัว
ลั่วอู๋รู้สึกหงุดหงิดมากกับทัศนคติที่หยิ่งและไม่มีความละอายในการลัดคิว
“ไม่มีคนกล้าท้าทายเจ้ามานานงั้นรึ ? อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลย ในเมื่อข้าก็ยังอยู่ตรงนี้” ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นมา
ขนคิ้วของมู่เฉิงกระตุก “ใครกัน?”
“จะเป็นใครได้อีกล่ะ?” ฉูจงฉวนก้าวออกมาจากด้านข้างของฝูงชน
มู่เฉิงขมวดคิ้ว “เจ้านี่เอง ทำไมถึงมาที่นี่กัน?”
“เจ้ายังมาได้ แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้” ฉูจงฉวนโบกพัดในมือเบา ๆ อยู่ห่าง ๆ
มู่เฉิงโกรธมาก
เขาคนนี้เป็นคนกล้าท้าทายเขาในทุก ๆ วัน แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างลอยหน้าลอยตา
เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงนี้ได้
ฉูจงฉวนเป็นคนแปลก ๆ แต่ในแง่ของความสามารถในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณ อีกไม่นานเขาจะไปถึงระดับทอง ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้น เขากลับไม่รีบร้อนที่จะหาสัตว์วิญญาณตัวที่สอง
เขาไม่รู้ว่าทำไมหมอนี่ถึงเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระตลอดทั้งวัน เพื่อติดตามความงามขั้นสูงสุดอะไรของมันก็ไม่รู้
ถึงอย่างนั้นเขาก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ สัตว์วิญญาณตัวแรกของเขาคือสัตว์วิญญาณธาตุไฟลึกลับไม่ทราบคุณสมบัติและทักษะ แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้นั้นแย่มาก
อย่างไรก็ตามด้วยที่มีเพียงฉูจงฉวนที่มีความเข้าใจในพลังวิญญาณระดับสูงเท่านั้นที่สามารถจับคู่กับภูตวิญญาณของเขาได้อย่างร้ายกาจ เขาจึงถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้พิทักษ์คู่ทางใต้ของมณฑลร่วมกับมู่เฉิง
“เจ้าต้องการจะสนับสนุน เจ้าหนุ่มคนนี้เหรอ?” มู่เฉิงกล่าวอย่างเยือกเย็น
ฉูจงฉวนกลอกตา “มีอะไรผิดปกติรึไง คนที่ขายของดี แบบนี้เจ้าจะไม่สนับสนุนรึยังไง อะไรผิดปกติกับสมองของเจ้ารึเปล่า?”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา
ทันใดนั้นมู่เฉิงก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณมีวิธีพิเศษในการเปลี่ยน สัตว์วิญญาณ ชั่วคราว แต่ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่านะ”
ผู้คนงงงวย
มู่เฉิงถึงพูดแบบนี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามมันสะท้อนให้เห็นว่าเขาตั้งใจจะทำบางสิ่งบางอย่าง
ฮู่อู๋รีบพูดคล้อยตาม”ใช่มันมีวิธีแบบนั้น”
เขาตื่นเต้น เพราะมู่เฉิงดูเหมือนจะอยู่ข้างเขา ไม่ว่าต้นกำเนิดของสัตว์วิญญาณของเจ้าหนุ่มจะดีแค่ไหน แค่พูดจากดมันลงไปให้แย่ก็พอ
จากนั้นเขาก็มองดูที่นกหน้าโง่ “ข้าบอกแล้วว่านี่ว่ามันเป็นแร้งทรายธรรมดา เขาคงจะมีวิธีพิเศษในการเปลี่ยนรูปลักษณ์มันเฉย ๆ”
เกิดความโกลาหล
ที่ว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์มันไม่เป็นความจริงงั้นเหรอ
มันเป็นของปลอมรึเปล่า ? ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็ล้อกันเล่นมากเกินไปแล้ว พวกเขาตื่นเต้นมากที่ได้เห็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์
“ข้าขอสาบานในฐานะผู้ประเมินราคาอาวุโสของที่นี่ ว่าแร้งทรายตัวนี้เป็นแร้งทรายธรรมดาไม่ใช่สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์” ฮู่อู๋พูดโดยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย
คำพูดของผู้ประเมินราคาอาวุโสน่าจะยังคงมีน้ำหนักอยู่บ้าง
ผู้คนมากมายเริ่มที่จะเชื่อ
นกหน้าโง่รู้สึกโกรธ
มันกระพือปีกของมันราวกับว่ากำลังประท้วง
มันเชื่อว่ามันเป็นรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ที่สุด และเจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจนี่กำลังใส่ร้ายมัน
น่าเสียดายที่มันไม่สามารถพูดได้
ฉูจงฉวนรู้สึกประหลาดใจ “ว้าวเจ้ากล้าใช้วิธีไร้ยางอายเยี่ยงนี้เลยรึ”
“แล้วเจ้าแน่ใจรึไงว่าเจ้านกนี่ไม่ใช่สัตว์วิญญาณที่เปลี่ยนรูปร่างด้วยวิธีพิเศษเฉย ๆ น่ะ” เขาพูดเบา ๆ
ทำให้ฉูจงฉวนลังเล
มันเป็นเรื่องของความชำนาญเฉพาะทาง
ตามธรรมชาติความสามารถในการประเมินของเขาในแง่นี้น้อยกว่าของผู้ประเมินราคาสินค้า
ฉูจงฉวนมองไปที่ลั่วอู๋อย่างหมดหนทางเหมือนจะพูดว่า ขอโทษที่ข้าช่วยเจ้าไม่ได้
ในทางกลับกันฮู่อู๋มองไปที่ลั่วอู๋ด้วยสีหน้าดูอันตราย
“เจ้าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดังนั้นข้าจึงไล่เจ้าออกไป แถมตอนนี้เจ้ายังใช้สัตว์วิญญาณแบบนี้ เพื่อสร้างความยุ่งยากและความเสียหายต่อชื่อเสียงของโรงประมูลเฉิงเทียน เอาตัวเขาออกไป แล้วริบสัตว์วิญญาณนั้นไปด้วย ข้าต้องการตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง “
ฮู่อู๋นึกเยาะเย้ยอยู่ในใจ เมื่อลั๋วอู๋ถูกจับตัวไป ก็ไม่สามารถบอกความจริงกับเขาได้
ลั่วอู๋ตกตะลึง
เขาไม่คาดคิดว่าฮู่อู๋จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ อีกฝ่ายถึงขนาดที่พูดโกหกได้หน้าด้าน ๆ แบบนี้