บทที่ 64
แท่นศิลา
ลั่วอู๋ออกจากห้องพัก
องค์หญิงเจียโรวผู้นี้แน่นอนว่าเป็นบุคคลสำคัญมาก
หากองค์หญิงเจียโรวตายไป ภูตดอกไม้จะขายในราคาดีไม่ได้แน่
แต่ว่าตอนนี้ องค์หญิงเจียโรวยังมีชีวิตอยู่ และจะมีผู้มีอิทธิพลจำนวนมากเข้ามาร่วมประมูล เพื่อประมูลภูตดอกไม้เพื่อทำให้องค์หญิงพอใจ มันคือความจริง
“ไร้หน้า เจ้าอยู่ที่นี่ อย่าให้ใครเข้ามา ถ้าเจ้าพบสิ่งผิดปกติ รีบแจ้งมาที่ข้า” ลั่วอู๋พูด
“ขอรับนายท่าน” เขาพูดตอบ
“ทำไมถึงไม่ให้ข้าดูแลองค์หญิงอยู่ที่นี่เจ้าคะ” หลี่หยิน ถาม “หรือว่าองค์หญิงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อมีสาวใช้อยู่ข้าง ๆ เจ้าคะ”
“ไม่ใช่หรอก” ลั่วอู๋ส่ายหน้าให้ “แค่ให้เจ้าช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะไม่มีใครน่าไว้ใจต่างหาก”
“แต่มันก็เพื่อคอยดูแลนางนะเจ้าคะ”
“เจ้าเป็นสาวใช้ของข้า มีแต่ข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ให้เจ้าดูแล ไม่ใช่นางสักหน่อย เข้าใจไหม”
หลี่หยินรู้สึกมีความสุข นางพยักหน้า “รับทราบเจ้าค่ะ”
ลั่วอู๋เกาคางของเขา และคิดสักพักหนึ่ง
มันไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าองค์หญิงยังอยู่ที่นี่ ข้าต้องพานางกลับไปส่งกับผู้คุ้มกันของนาง มิฉะนั้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาอาจจะมีปัญหา
แต่ผู้คุ้มกันขององค์หญิงยังมาไม่ถึงเมืองหมิงหนาน
ถ้าเข้าไปถามท่านหวังฉี เขาจะต้องรู้แน่ ว่าผู้คุ้มกันขององค์หญิงจะมาถึงเมื่อไหร่
ลั่วอู๋กลับไปที่ห้อง และเข้าสู่โลกแห่งไห
โลกแห่งไหยังคงมีภูเขาอันเขียวชอุ่ม มีภูตอยู่เป็นจำนวนมากและส่องแสงระยิบระยับ มีสัตว์ตัวเล็ก ๆ กำลังเดินผ่านภูเขาเข้าไปในป่า มันดูมีชีวิตชีวา
“ภาพลวงตาเหรอ ทำไมถึงรู้สึกอย่างไรว่าโลกแห่งไหกำลังกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ “
ลั่วอู๋กำลังสับสนว่าทำไมถึงมีสัตว์วิญญาณมากขึ้นเรื่อย ๆ
“บางที เราคงมีโอกาสจับสัตว์วิญญาณเข้ามายังโลกแห่งไหได้มากขึ้น” ลั่วอู๋คิดในใจ
มองไปยังบ้านหลังเล็กในโลกแห่งไห
ลั่วอู๋ ตะโกนออกไปด้วยความลังเล: ยกระดับ
ค่าใช้จ่าย 3,000 แต้มเซียน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีแต้มเซียนจำนวนมากไม่ได้ถูกใช้งาน
เพราะว่า เขาซื้อหญ้าวิญญาณมาจำนวนมาก แค่บ้านหลังเล็กหลังเดียวมีพื้นที่ไม่เพียงพอ เลยต้องทำการยกระดับมันขึ้น
“คลื่น คลื่น!”
ทันใดนั้น ได้มีอาคารพิเศษหลายหลังปรากฏขึ้นมา ครอบคลุมบ้านหลังเล็กในทันที
บ้านหลังเล็กที่มีเพียงแค่สองชั้น ยกระดับกลายเป็นศาลาถึงเจ็ดชั้น มันครอบคลุมพื้นที่มากกว่าสิบเท่า และมีหอคอยสูงสีขาวอยู่ด้านหลัง
แสงสีขาวสว่างวาบออกมาอย่างลึกลับ พลังงานกระจัดกระจายอย่างล้นหลาม
ลั่วอู๋ตกตะลึง
ก็แค่ยกระดับบ้านและขยายห้องเก็บของเท่านั้น มันจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากสักแค่ไหน และทันใดนั้น ก็มีหอคอยสีขาวปรากฏขึ้นมา
ดูเหมือนจะไม่ได้เสีย 3000 แต้มเซียนไปโดนเปล่าประโยชน์ซะแล้วสินะ
ลั่วอู๋นำหญ้าวิญญาณที่เขาซื้อมาเก็บเข้าไปในห้องเก็บของ จากนั้นเขาก็เดินไปรอบ ๆ บ้าน
ห้องพักแต่ละห้องขยายใหญ่ขึ้น ดูเหมือนกระบวนการทำงานของมันจะดีขึ้นมาก เตาหลอมในห้องเล่นแร่แปรธาตุพัฒนาขึ้น พลังวิญญาณของพื้นที่ปรับแต่งนั้นแข็งแกร่งกว่าที่อื่นหลายเท่า นอกจากนี้ ยังมีห้องฝึกพิเศษ และพลังวิญญาณนั้นสูงกว่าโลกภายนอกถึง 10 เท่า
ลั่วอู๋เข้าไปในห้อง
มีชั้นวางอาวุธตั้งอยู่
“แต่ข้าไม่มีอาวุธที่จะนำไปวางไว้เลย” ลั่วอู๋เห็นแท่นศิลาลึกลับวางอยู่กลางห้อง
แท่นศิลามีความแปลกประหลาด เต็มไปด้วยความลึกลับ
เดิมทีแท่นศิลานี้ไม่สามารถใช้งานได้แต่หลังจากยกระดับบ้าน มันก็ปรากฏขึ้นมา
ลั่วอู๋ลูบแท่นศิลาเบา ๆ และทันใดนั้น ได้มีข้อความบางอย่างเข้ามาในหัวเขา
ปรากฏว่าแท่นศิลานี้ เป็นแท่นศิลาที่ใช้ในการประทับตรา ซึ่งสามารถประทับพลังวิญญาณลงบนอาวุธได้ แต่จำเป็นต้องสกัดพลังดั้งเดิมของสัตว์วิญญาณเสียก่อน
ยิ่งพลังวิญญาณที่ถูกสกัดออกมามากเท่าไหร่ พลังวิญญาณก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
“เยี่ยมเลย”
ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบมีดสั้นออกมา มันเป็นเพียงอาวุธที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
จากนั้น เขาจับแมงป่องทรายขึ้นมาตัวหนึ่ง
ประทับตรา!
ค่าใช้จ่าย 200 แต้มเซียน
แท่นศิลาได้สูบพลังวิญญาณของลั่วอู๋ไป 200 แต้มทันที
ตอนนี้ลั่วอู๋อยู่ในระดับทองแดง มิติที่ 6 ซึ่งมีพลังวิญญาณทั้งสิ้น 1500 แต้ม กล่าวคือ ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา เขาสามารถสกัดตราประทับได้ถึง 7 ครั้ง
ในเวลาเดียวกัน แท่นศิลาได้สกัดพลังดั้งเดิมของแมงป่องทรายอย่างช้า ๆ
พลังวิญญาณสีเหลืองของโลกเริ่มรวมกันบนแท่นศิลา กลายเป็นตราพิเศษและสลักลงบนมีดสั้น
มีดสั้นเกิดแสงสว่างวาบ
ไม่ช้าแสงก็หยุดลง
มีดสั้นธรรมดา วางอยู่บนแท่นไม้
“นี่เหรอ ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
ลั่วอู๋หยิบมีดสั้นขึ้นมาแล้วพลิกดูจนทั่ว เขามองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยกเว้นตราสีเหลืองขนาดเล็กบนด้ามมีด
“ลองสักหน่อยก็แล้วกัน”
ลั่วอู๋ใช้มีดสั้นจิ้มไปที่นิ้วมือของเขา
ทันใดนั้น มีดสั้นเปล่งแสงสีเหลืองออกมา ลั่วอู๋รู้สึกเจ็บนิ้ว แต่ที่น่าแปลกคือเลือดและเนื้อรอบ บาดแผล แข็งเหมือนหิน
โอ๊ย!
เจ็บชะมัด
ทั้งเลือดและเนื้อได้กลายเป็นหินไปแล้ว แต่มันกลับทำให้ลั่วอู๋รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
ลั่วอู๋รีบใช้ทักษะรวมพลังวิญญาณไว้ที่ปลายนิ้ว คอยระงับบาดแผลอย่างช้า ๆ ให้พลังเบาบางที่แปลกประหลาดถูกขับออกจากร่างกาย
“มันแปลกมาก”
ลั่วอู๋รู้สึกขนลุก
ตราสีเหลืองบนมีดสั้นนั้นค่อย ๆ จางลง เห็นได้ชัดว่า มันเป็นการโจมตีแบบจำกัดจำนวนครั้ง สามารถใช้มันในการต่อสู้ได้เพียง 10 ครั้ง
กลืนกินวิญญาณ และเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับอาวุธ
ลั่วอู๋รู้สึกว่าเขาโชคดีมาที่ได้ใช้งานแท่นศิลา
อาวุธแต่ละชิ้น สามารถทำการประทับตราได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้น ลั่วอู๋จึงออกจากโลกแห่งไห เพื่อออกไปซื้อมีดสั้น และเขาใช้เงินกว่า 5000 หินวิญญาณ เพื่อซื้อเม่นไฟ
นี่เป็นสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายหมูป่า แต่ปกคลุมไปด้วยหนามไฟ
สัตว์วิญญาณระดับเงิน มีต้นกำเนิดที่ทรงพลังอย่างมาก
ลั่วอู๋สั่งใช้งานแท่นศิลาอีกครั้ง
เกิดแสงสีแดงส่องสว่าง ปรากฏเป็นตราเปลวไฟขนาดเล็กบนมีดสั้น พร้อมกับไอร้อน
ลั่วอู๋ไม่กล้าทำการทดลองกับตัวเองครั้งนี้ เขาใช้มีดสั้นกรีดบนชั้นวางอาวุธข้าง ๆ ตัวเขา
“ตูมม!”
เกิดเปลวไฟปะทุขึ้น
เมื่อมีดสั้นสัมผัสกับชั้นวางอาวุธ มันเกิดเป็นเปลวไฟระเบิดออกมา ทำให้ชั้นวางอาวุธทั้งหมดถูกไฟไหม้จนเสียหาย
“พลังน่ากลัวชะมัด”
ลั่วอู๋อุทานออกมา
หากเขาใช้มันในการต่อสู้ เกรงว่าสัตว์วิญญาณระดับเงิน จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ฮิฮิ ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ต่อกรกับสัตว์วิญญาณระดับสูงได้
ลั่วอู๋เก็บมีดสั้นที่ลงตราธาตุไฟเอาไว้อย่างมีความสุข
การโจมตีหลักของเหลวไฟ สร้างเสียหายจากแรงระเบิดที่ไม่ธรรมดา ถัดไปเป็น ฟ้าผ่าและสายฟ้า จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณสมบัติอื่นกัน
ลั่วอู๋ไปซื้อสัตว์วิญญาณระดับเงินมาพร้อมกับคุณสมบัติอื่น ๆ อีก แน่นอนว่า เขาต้องการซื้ออาวุธเพิ่ม แต่ลั่วอู๋ไม่สามารถใช้อาวุธได้หลายประเภท เขาจึงซื้อแค่มีดสั้นเท่านั้น
มีดสั้นสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
เหตุผลที่ไม่ซื้อสัตว์วิญญาณระดับสูงเพื่อนำมาประทับตรา เพราะว่าระดับทองคำนั้นมีราคาแพงเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น หากใช้สัตว์วิญญาณระดับทองคำมาประทับตรา เขาจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณทั้งหมด 3000 แต้ม ซึ่งมันไม่เพียงพอสำหรับสถานะปัจจุบันของลั่วอู๋