“
บทที่ 67 คนชั้นต่ำ ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ มีกลุ่มของคนสี่คน โดยประกอบไปด้วยชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคน พวกเขามีออร่าที่ดูน่านับถือมากเลยทีเดียว ลั่วอู๋เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมู่เฉิง อย่างไรก็ตามไม่ใช่มู่เฉิงที่พูดออกมา แต่เป็นเด็กชายผู้สวมเสื้อคลุม ร่างกายของเขาค่อนข้างเตี้ย ฉูจงฉวนหันหน้าของเขาและมองไปที่มู่เฉิง “มู่เฉิงทำไมตระกูลมู่ของเจ้า ถึงมาที่นี่ในฐานะตัวแทนเหมือนกันด้วยล่ะ” มู่เฉิงไม่พูดอะไร เด็กชายคนที่มากับมู่เฉิงโกรธ “เฮ้ ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ” “ทำไมใครพูดกับข้า” สายตาของฉูจงฉวนเบนไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด เขามองกวาดไปมา “ข้าเอง!” เด็กชายตัวเตี้ยกว่าเขาตะโกนใส่ ฉูจงฉวน ฉูจงฉวนก้มหัวจ้องมองลงไป “เจ้าคือ 1 ใน7 นายน้อยตระกูลมู่ มู่เฉียนนี่เอง ข้าขอโทษด้วย เจ้าตัวเตี้ยเกินไปข้าเลยมองไม่เห็นเจ้า” เด็กชายคนนี้มีนามว่า มู่เฉียน “มู่เฉียน” มู่เฉิงเรียกเด็กชาย มู่เฉียนจ้องมองไปที่ฉูจงฉวนอย่างดุเดือด เขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กันที่นี่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่หุบปาก ดวงตาของมู่เฉิงกวาดไปที่ฉูจงฉวนและหยุดที่ลั่วอู๋ ในที่สุดเขาก็จำเจ้าหนุ่มคนนี้ได้ หนุ่มน้อยผู้ขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์หน้าโรงประมูลเฉิงเทียนและทำให้เขาต้องเสียหน้า “ช่างเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ แค่มีสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ เจ้าก็สามารถเข้ารวมการประมูลสินค้านี้ได้แล้ว” มู่เฉิงพูดอย่างเย้ยหยัน ขณะนั้นมู่เฉียนก็แทรกถามว่า “พี่สาม เจ้านี่คือคนที่ท่านพูดถึง ที่เป็นคนขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์บนถนนและทำให้ท่านขายหินสายรุ้งไม่ได้ในวันนั้นใช่ไหมขอรับ” “ใช่” มู่เฉิงพยักหน้า “เขาเป็นคนโชคดีจริงๆ” ปากของมู่เฉิงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม “อย่างที่รู้ ๆกันสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์มันหายาก การที่จะเจอมันได้นั้นขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น ฉูจงฉวนเป็นคนที่มีเครือข่ายกว้างขวางจริงๆ เขารู้จัก ผู้คนไปทั่ว “ ซึ่งการพูดแบบนี้หมายความว่าเขาพยายามจะสื่อว่าสถานะของลั่วอู๋นั้นต่ำ เขาเพียงแค่เป็นคนที่โชคดี และฉูจงฉวนเองก็เป็นคนชั้นต่ำเพราะเลือกเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ ฉูจงฉวนและมู่เฉิงนั้นไม่ถูกกันเป็นอย่างมาก หากพวกเขาได้พบกันก็เกือบจะเป็นเรื่องแน่นอนว่าจะต้องทะเลาะกันเสมอ ฉูจงฉวนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้สนใจว่าตัวเขาจะเผลอไปชวนใครทะเลาะรึเปล่า เพราะยังไงเขาก็ไม่มีทางทะเลาะกับตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เพื่อนของเขากำลังถูกดูหมิ่น ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจมากมาก “ใช่ เขาโชคดีมาก” ฉูจงฉวนเย้ยหยัน “แต่อย่างน้อย เขาก็พึ่งพาความสามารถของตัวเองในการเข้ามาที่นี่ ไม่เหมือนบางคนที่ถ้าตัดภูมิหลังของตระกูลออกไปก็ไม่มีอะไรน่าชื่นชม” สีหน้าของมู่เฉิงเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้หมายถึงตัวเขา อย่างไรก็ตามมู่เฉิงส่ายหัวของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ปนเย่อหยิ่งว่า “อย่าไปโกรธกับคำพูดของคนแบบนี้เลย พวกเราคือชนชั้นสูงที่มีฐานะ ถ้าเจ้าไปอยู่ใกล้กับหมึกดำเจ้าก็จะเปื้อนสีดำ เราไม่ควรคบหาสมาคมกับคนพวกนี้ อย่างไรก็ตามคนบางคนชอบที่จะทำความรู้จักกับพวกชั้นต่ำ ซึ่งพวกเราก็ไม่สามารถไปห้ามปรามอะไรพวกมันได้ “ ลั่วอู๋เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้น พวกเขาคงจะคิดว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่สำหรับเขาแล้วทั้งสองคนที่มาจากตระกูลมู่ต่างก็เป็นแค่คนชั้นต่ำที่ดีแต่เปิดปากพูดและทำตัวหยิ่งยโส ถ้าเขาไม่ได้สนว่าตัวเองไม่อยากถูกยอมรับในฐานะคนของตระกูลลั่วและไม่ได้ปกปิดไว้ พวกตระกูลมู่พวกนี้ยังจะกล้าหืออีกไหม เป็นเพียงแค่ตระกูลที่มีชื่อเสียงในเขตนี้เลยกล้าที่จะเยาะเย้ยข้าเนี่ยนะ “แล้วเจ้ามีดีอะไรบ้าง ถึงทำเป็นพูด” ฉูจงฉวนตบไหล่ลั่วอู๋ แล้วพูดถากถางว่า “เขากำลังนั่งอยู่ใน ที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียน มู่เฉิงที่นั่งของเจ้ามันมีตราของชวนเทียนรึเปล่าล่ะ ถ้าเจ้าอยู่ในระดับสูงจริงทำไมไม่นั่งในที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียน” “เจ้าคิดผิดแล้ว” ชายคนหนึ่งผู้ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับมู่เฉิงพูดขึ้นว่า “แม้ว่าที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียนนั้นดี แต่มันก็เป็นเหมือน ๆ กับเรื่องทั่ว ๆ ไป” ฉูจงฉวนสบตามองไปที่ชายคนนั้น “เจ้าเป็นใครกัน” มู่เฉียนยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ท่านผู้นี้คือบุตรชายของ องค์ชายรัชทายาทแห่ง พิงหนาน หลี่ชวนเฉิง” บุตรชายขององค์ชายรัชทายาท หัวใจของฉูจงฉวนรู้สึกไม่ค่อยดี มีองค์ชายรัชทายาทและเจ้าชายอีกสามคนในราชวงศ์มังกรเร้นกาย ซึ่งเขาเป็นบุตรของว่าที่องค์จักรพรรดิและหลานชายขององค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน ในแง่ของสายเลือดเขาก็ถือว่าเป็นว่าที่องค์จักรพรรดิ แม้ว่าตัวตนของเขาคนนี้จะไม่ได้สูงส่งเท่าองค์หญิง เจียโรว แต่ก็ถือว่าสูงมาก หลี่ชวนเฉิงกล่าวอย่างขำขัน“ ทั้งสองคนกำลังจะไปกับข้าสู่ที่นั่งมังกร เพื่อรอให้การประมูลเริ่ม” ที่นั่งนั้นถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ ปฐพี ชวนซือ มังกร และชวนเทียน ตามสถานะของผู้จัดประมูล พวกเขาจัดเรียงที่นั่งโดยยิ่งมีสถานะที่สูงมากเท่าไหร่ระดับของที่นั่งก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หรือก็คือเป็นการแบ่งชนชั้นของผู้เข้าร่วม มีเพียงตัวแทนของตระกูลใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ส่วนที่นั่ง ชวนซือได้ ส่วนที่นั่งมังกร คนที่สามารถเข้าไปในที่ตรงนั้นได้ก็คือระดับตระกูลองค์ชาย องค์หญิง ผู้ว่าการและเครือญาติของจักรพรรดิ แต่สำหรับพื้นที่ส่วนที่นั่งชวนเทียนนั้นมันเหนือกว่ามาก มันสำหรับเฉพาะบุคคลที่คฤหาสน์ชวนเทียน ถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดจะถูกจัดให้ไปตรงส่วนที่นั่งชวนเทียน ฉูจงฉวนแอบโกรธในใจของเขา เขาไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำพูดถากถางของเขา พวกเขามีบุตรชายองค์รัชทายาทหนุนหลังอยู่ “ไปกับเถอะทั้งสองคน การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว อย่ามามัวพูดคุยกับคนที่อยู่ต่ำกว่าเราเลย” หลี่ชวนเฉิงกล่าว “นั่นก็จริง ถ้าพวกเราอยู่ตรงนี้ก็สูญเสียสถานะของเราเปล่า ๆ ฉูจงฉวน เจ้าจะไปเที่ยวเล่นกับคนระดับนั้นต่อไปก็ได้นะ” มู่เฉิงและมู่เฉียนพยักหน้ารับอีกครั้งแล้วยกคอยั่วยุ ฉูจงฉวน ลองพูดอะไรออกมาดูสิ หลี่ชวนเฉิงและสองพี่น้องเดินตามกันไปที่ชั้นที่นั่งมังกร ระดับชั้นยิ่งสูงเท่าไหร่สถานะก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น “ข้าโกรธชะมัดเลย” ฉูจงฉวนทุบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด แม้แต่ชาหลิงหยุนที่เขาชื่นชอบของคฤหาสน์ชวนเทียน เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะดื่ม “พวกมันควรจะได้อยู่แค่ในที่นั่งระดับปฐพีแท้ ๆ” “เจ้าโกรธเหรอ” ลั่วอู๋ถาม “แน่นอนสิ พวกมันบอกว่าเจ้าก็ไม่เลวเท่าไหร่ ไม่ได้พูดถึงข้าเลย” ฉูจงฉวนทำท่าโกรธ ดวงตาของลั่วอู๋สับสน “หา” “ล้อเล่นน่า” ฉูจงฉวนยักไหล่ “แต่ข้าโกรธจริง ๆ นะ นี่เป็นครั้งแรกที่เลยที่ข้าโกรธมู่เฉิง ถึงข้าจะเกลียดมันก็เถอะ แต่ข้าไม่เคยโกรธมันเลย” ฉูจงฉวนและมู่เฉิงมีพลังวิญญาณทัดเทียมกันเช่นเดียวกับไฟและน้ำ แต่ความแข็งแกร่งในแง่ของอิทธิพลนั้นแตกต่างกัน และมีอยู่สองสามครั้งที่พวกเขาชนะอีกฝ่ายแบบหมดรูป ดังนั้นข้อพิพาททั้งหมดจึงพัฒนาเป็นการต่อสู้แบบซึ่ง ๆ หน้า โดยคราวนี้ ฉูจงฉวนเป็นฝ่ายเสียหน้า ลั่วอู๋พยักหน้าและดวงตาของเขาเป็นประกาย “ข้าเองก็โกรธมาก เจ้าอยากจะไปจัดการพวกมันกับข้าและให้พวกมันเสียหน้าไหมล่ะ” “ไป ๆ เดินตามหาพวกมันกัน” ฉูจงฉวนเดือด ลั่วอู๋เดินนำฉูจงฉวนไปที่ชั้นที่นั่งด้านบน ความเลือดร้อนของฉูจงฉวนมาถึงจุดเดือดและหมดไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มไม่สบายใจและพูดขึ้นว่า “เฮ้ เจ้าหนุ่มลั่ว นี่เจ้าจริงจังเกินไปรึเปล่า ถ้าเจ้าบุกขึ้นไปชั้นบน ข้าว่าเจ้าจะถูกคนของคฤหาสน์ชวนเทียนเชิญออกไปนะ” เคยมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในคฤหาสน์ชวนเทียน บางคนอาศัยสถานะของพวกเขาเพื่อต้องการไปชั้นที่นั่งระดับสูงกว่า ซึ่งพวกเขาทั้งหมดถูกเชิญออกไปจากคฤหาสน์ชวนเทียน และถูกระบุไว้ในบัญชีดำของคฤหาสน์ชวนเทียน ฉูจงฉวนเป็นกังวลเล็กน้อย แม้ว่าโดยปกติแล้วแม้เขาจะทำสิ่งต่าง ๆ โดยปราศจากศีลธรรมและเป็นอิสระ แต่ถ้าเขาถูกเชิญออกจากคฤหาสน์ชวนเทียน ตระกูลฉูก็จะถูกขึ้นบัญชีดำในคฤหาสน์ชวนเทียน ผู้อาวุโสในตระกูลเอาเขาตายแน่ เขารู้สึกเหมือนได้ยินลั่วอู๋หัวเราะ ฉูจงฉวนโกรธและพูดว่า “ข้าขอแนะนำอะไรเจ้าได้ไหม ถ้าเจ้าไปที่เขตหมิงหนานแล้วถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนไหน ให้เจ้าบอกว่าฉูจงฉวนได้เตือนเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็ยังจะเดินไปอยู่ดี” ลั่วอู๋หัวเราะและเดินหน้าต่อไป ขณะเดียวกันในชั้นที่นั่งระดับมังกร “ขอบคุณมากท่านพี่หลี่” มู่เฉียนคำนับมือของเขา หลี่ชวนเฉิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้ายินดีน่า เจ้าทุกคนเองก็มีเชื้อสายมาจากตระกูลของเรา นอกจากนี้ผลการประมูลครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทรัพยากรทางการเงินของพวกเจ้า” มู่เฉิงพยักหน้า แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรชายขององค์ชายรัชทายาท แต่เขาก็มีเงินไม่เพียงพอที่จะซื้อภูตดอกไม้ แต่หลี่ชวนเฉิงเคยจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อสนับสนุนมู่เฉิง ดังนั้นพวกเขาต้องจัดการเรื่องนี้ “ท่านพี่มู่เฉิง ท่านพี่หลี่ ฉูจงฉวน เจ้าเด็กหนุ่มผมสีขาวกำลังเดินมาหาเรา” มู่เฉียนพูดสิ่งที่เขาเห็นและร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
บทที่ 67
คนชั้นต่ำ
ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ
มีกลุ่มของคนสี่คน โดยประกอบไปด้วยชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคน พวกเขามีออร่าที่ดูน่านับถือมากเลยทีเดียว ลั่วอู๋เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมู่เฉิง
อย่างไรก็ตามไม่ใช่มู่เฉิงที่พูดออกมา แต่เป็นเด็กชายผู้สวมเสื้อคลุม ร่างกายของเขาค่อนข้างเตี้ย
ฉูจงฉวนหันหน้าของเขาและมองไปที่มู่เฉิง “มู่เฉิงทำไมตระกูลมู่ของเจ้า ถึงมาที่นี่ในฐานะตัวแทนเหมือนกันด้วยล่ะ”
มู่เฉิงไม่พูดอะไร
เด็กชายคนที่มากับมู่เฉิงโกรธ “เฮ้ ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ”
“ทำไมใครพูดกับข้า” สายตาของฉูจงฉวนเบนไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด เขามองกวาดไปมา
“ข้าเอง!” เด็กชายตัวเตี้ยกว่าเขาตะโกนใส่ ฉูจงฉวน
ฉูจงฉวนก้มหัวจ้องมองลงไป “เจ้าคือ 1 ใน7 นายน้อยตระกูลมู่ มู่เฉียนนี่เอง ข้าขอโทษด้วย เจ้าตัวเตี้ยเกินไปข้าเลยมองไม่เห็นเจ้า”
เด็กชายคนนี้มีนามว่า มู่เฉียน
“มู่เฉียน” มู่เฉิงเรียกเด็กชาย
มู่เฉียนจ้องมองไปที่ฉูจงฉวนอย่างดุเดือด เขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กันที่นี่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่หุบปาก
ดวงตาของมู่เฉิงกวาดไปที่ฉูจงฉวนและหยุดที่ลั่วอู๋ ในที่สุดเขาก็จำเจ้าหนุ่มคนนี้ได้ หนุ่มน้อยผู้ขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์หน้าโรงประมูลเฉิงเทียนและทำให้เขาต้องเสียหน้า
“ช่างเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ แค่มีสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ เจ้าก็สามารถเข้ารวมการประมูลสินค้านี้ได้แล้ว” มู่เฉิงพูดอย่างเย้ยหยัน
ขณะนั้นมู่เฉียนก็แทรกถามว่า “พี่สาม เจ้านี่คือคนที่ท่านพูดถึง ที่เป็นคนขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์บนถนนและทำให้ท่านขายหินสายรุ้งไม่ได้ในวันนั้นใช่ไหมขอรับ”
“ใช่” มู่เฉิงพยักหน้า
“เขาเป็นคนโชคดีจริงๆ” ปากของมู่เฉิงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม “อย่างที่รู้ ๆกันสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์มันหายาก การที่จะเจอมันได้นั้นขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น ฉูจงฉวนเป็นคนที่มีเครือข่ายกว้างขวางจริงๆ เขารู้จัก ผู้คนไปทั่ว “
ซึ่งการพูดแบบนี้หมายความว่าเขาพยายามจะสื่อว่าสถานะของลั่วอู๋นั้นต่ำ เขาเพียงแค่เป็นคนที่โชคดี และฉูจงฉวนเองก็เป็นคนชั้นต่ำเพราะเลือกเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้
ฉูจงฉวนและมู่เฉิงนั้นไม่ถูกกันเป็นอย่างมาก หากพวกเขาได้พบกันก็เกือบจะเป็นเรื่องแน่นอนว่าจะต้องทะเลาะกันเสมอ
ฉูจงฉวนขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้สนใจว่าตัวเขาจะเผลอไปชวนใครทะเลาะรึเปล่า เพราะยังไงเขาก็ไม่มีทางทะเลาะกับตัวเองได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เพื่อนของเขากำลังถูกดูหมิ่น ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจมากมาก
“ใช่ เขาโชคดีมาก” ฉูจงฉวนเย้ยหยัน “แต่อย่างน้อย เขาก็พึ่งพาความสามารถของตัวเองในการเข้ามาที่นี่ ไม่เหมือนบางคนที่ถ้าตัดภูมิหลังของตระกูลออกไปก็ไม่มีอะไรน่าชื่นชม”
สีหน้าของมู่เฉิงเปลี่ยนไป
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้หมายถึงตัวเขา
อย่างไรก็ตามมู่เฉิงส่ายหัวของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ปนเย่อหยิ่งว่า “อย่าไปโกรธกับคำพูดของคนแบบนี้เลย พวกเราคือชนชั้นสูงที่มีฐานะ ถ้าเจ้าไปอยู่ใกล้กับหมึกดำเจ้าก็จะเปื้อนสีดำ เราไม่ควรคบหาสมาคมกับคนพวกนี้ อย่างไรก็ตามคนบางคนชอบที่จะทำความรู้จักกับพวกชั้นต่ำ ซึ่งพวกเราก็ไม่สามารถไปห้ามปรามอะไรพวกมันได้ “
ลั่วอู๋เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้น
พวกเขาคงจะคิดว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ได้ดี
แต่สำหรับเขาแล้วทั้งสองคนที่มาจากตระกูลมู่ต่างก็เป็นแค่คนชั้นต่ำที่ดีแต่เปิดปากพูดและทำตัวหยิ่งยโส
ถ้าเขาไม่ได้สนว่าตัวเองไม่อยากถูกยอมรับในฐานะคนของตระกูลลั่วและไม่ได้ปกปิดไว้ พวกตระกูลมู่พวกนี้ยังจะกล้าหืออีกไหม เป็นเพียงแค่ตระกูลที่มีชื่อเสียงในเขตนี้เลยกล้าที่จะเยาะเย้ยข้าเนี่ยนะ
“แล้วเจ้ามีดีอะไรบ้าง ถึงทำเป็นพูด” ฉูจงฉวนตบไหล่ลั่วอู๋ แล้วพูดถากถางว่า “เขากำลังนั่งอยู่ใน ที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียน มู่เฉิงที่นั่งของเจ้ามันมีตราของชวนเทียนรึเปล่าล่ะ ถ้าเจ้าอยู่ในระดับสูงจริงทำไมไม่นั่งในที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียน”
“เจ้าคิดผิดแล้ว” ชายคนหนึ่งผู้ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับมู่เฉิงพูดขึ้นว่า “แม้ว่าที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียนนั้นดี แต่มันก็เป็นเหมือน ๆ กับเรื่องทั่ว ๆ ไป”
ฉูจงฉวนสบตามองไปที่ชายคนนั้น “เจ้าเป็นใครกัน”
มู่เฉียนยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ท่านผู้นี้คือบุตรชายของ องค์ชายรัชทายาทแห่ง พิงหนาน หลี่ชวนเฉิง”
บุตรชายขององค์ชายรัชทายาท
หัวใจของฉูจงฉวนรู้สึกไม่ค่อยดี
มีองค์ชายรัชทายาทและเจ้าชายอีกสามคนในราชวงศ์มังกรเร้นกาย ซึ่งเขาเป็นบุตรของว่าที่องค์จักรพรรดิและหลานชายขององค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน ในแง่ของสายเลือดเขาก็ถือว่าเป็นว่าที่องค์จักรพรรดิ
แม้ว่าตัวตนของเขาคนนี้จะไม่ได้สูงส่งเท่าองค์หญิง เจียโรว แต่ก็ถือว่าสูงมาก
หลี่ชวนเฉิงกล่าวอย่างขำขัน“ ทั้งสองคนกำลังจะไปกับข้าสู่ที่นั่งมังกร เพื่อรอให้การประมูลเริ่ม”
ที่นั่งนั้นถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ ปฐพี ชวนซือ มังกร และชวนเทียน
ตามสถานะของผู้จัดประมูล พวกเขาจัดเรียงที่นั่งโดยยิ่งมีสถานะที่สูงมากเท่าไหร่ระดับของที่นั่งก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หรือก็คือเป็นการแบ่งชนชั้นของผู้เข้าร่วม
มีเพียงตัวแทนของตระกูลใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ส่วนที่นั่ง ชวนซือได้
ส่วนที่นั่งมังกร คนที่สามารถเข้าไปในที่ตรงนั้นได้ก็คือระดับตระกูลองค์ชาย องค์หญิง ผู้ว่าการและเครือญาติของจักรพรรดิ
แต่สำหรับพื้นที่ส่วนที่นั่งชวนเทียนนั้นมันเหนือกว่ามาก
มันสำหรับเฉพาะบุคคลที่คฤหาสน์ชวนเทียน ถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดจะถูกจัดให้ไปตรงส่วนที่นั่งชวนเทียน
ฉูจงฉวนแอบโกรธในใจของเขา
เขาไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำพูดถากถางของเขา
พวกเขามีบุตรชายองค์รัชทายาทหนุนหลังอยู่
“ไปกับเถอะทั้งสองคน การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว อย่ามามัวพูดคุยกับคนที่อยู่ต่ำกว่าเราเลย” หลี่ชวนเฉิงกล่าว
“นั่นก็จริง ถ้าพวกเราอยู่ตรงนี้ก็สูญเสียสถานะของเราเปล่า ๆ ฉูจงฉวน เจ้าจะไปเที่ยวเล่นกับคนระดับนั้นต่อไปก็ได้นะ”
มู่เฉิงและมู่เฉียนพยักหน้ารับอีกครั้งแล้วยกคอยั่วยุ ฉูจงฉวน
ลองพูดอะไรออกมาดูสิ
หลี่ชวนเฉิงและสองพี่น้องเดินตามกันไปที่ชั้นที่นั่งมังกร
ระดับชั้นยิ่งสูงเท่าไหร่สถานะก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
“ข้าโกรธชะมัดเลย” ฉูจงฉวนทุบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด แม้แต่ชาหลิงหยุนที่เขาชื่นชอบของคฤหาสน์ชวนเทียน เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะดื่ม “พวกมันควรจะได้อยู่แค่ในที่นั่งระดับปฐพีแท้ ๆ”
“เจ้าโกรธเหรอ” ลั่วอู๋ถาม
“แน่นอนสิ พวกมันบอกว่าเจ้าก็ไม่เลวเท่าไหร่ ไม่ได้พูดถึงข้าเลย” ฉูจงฉวนทำท่าโกรธ
ดวงตาของลั่วอู๋สับสน “หา”
“ล้อเล่นน่า” ฉูจงฉวนยักไหล่ “แต่ข้าโกรธจริง ๆ นะ นี่เป็นครั้งแรกที่เลยที่ข้าโกรธมู่เฉิง ถึงข้าจะเกลียดมันก็เถอะ แต่ข้าไม่เคยโกรธมันเลย”
ฉูจงฉวนและมู่เฉิงมีพลังวิญญาณทัดเทียมกันเช่นเดียวกับไฟและน้ำ แต่ความแข็งแกร่งในแง่ของอิทธิพลนั้นแตกต่างกัน และมีอยู่สองสามครั้งที่พวกเขาชนะอีกฝ่ายแบบหมดรูป
ดังนั้นข้อพิพาททั้งหมดจึงพัฒนาเป็นการต่อสู้แบบซึ่ง ๆ หน้า
โดยคราวนี้ ฉูจงฉวนเป็นฝ่ายเสียหน้า
ลั่วอู๋พยักหน้าและดวงตาของเขาเป็นประกาย “ข้าเองก็โกรธมาก เจ้าอยากจะไปจัดการพวกมันกับข้าและให้พวกมันเสียหน้าไหมล่ะ”
“ไป ๆ เดินตามหาพวกมันกัน” ฉูจงฉวนเดือด
ลั่วอู๋เดินนำฉูจงฉวนไปที่ชั้นที่นั่งด้านบน
ความเลือดร้อนของฉูจงฉวนมาถึงจุดเดือดและหมดไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มไม่สบายใจและพูดขึ้นว่า “เฮ้ เจ้าหนุ่มลั่ว นี่เจ้าจริงจังเกินไปรึเปล่า ถ้าเจ้าบุกขึ้นไปชั้นบน ข้าว่าเจ้าจะถูกคนของคฤหาสน์ชวนเทียนเชิญออกไปนะ”
เคยมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในคฤหาสน์ชวนเทียน
บางคนอาศัยสถานะของพวกเขาเพื่อต้องการไปชั้นที่นั่งระดับสูงกว่า ซึ่งพวกเขาทั้งหมดถูกเชิญออกไปจากคฤหาสน์ชวนเทียน และถูกระบุไว้ในบัญชีดำของคฤหาสน์ชวนเทียน
ฉูจงฉวนเป็นกังวลเล็กน้อย
แม้ว่าโดยปกติแล้วแม้เขาจะทำสิ่งต่าง ๆ โดยปราศจากศีลธรรมและเป็นอิสระ แต่ถ้าเขาถูกเชิญออกจากคฤหาสน์ชวนเทียน ตระกูลฉูก็จะถูกขึ้นบัญชีดำในคฤหาสน์ชวนเทียน
ผู้อาวุโสในตระกูลเอาเขาตายแน่
เขารู้สึกเหมือนได้ยินลั่วอู๋หัวเราะ
ฉูจงฉวนโกรธและพูดว่า “ข้าขอแนะนำอะไรเจ้าได้ไหม ถ้าเจ้าไปที่เขตหมิงหนานแล้วถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนไหน ให้เจ้าบอกว่าฉูจงฉวนได้เตือนเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็ยังจะเดินไปอยู่ดี”
ลั่วอู๋หัวเราะและเดินหน้าต่อไป
ขณะเดียวกันในชั้นที่นั่งระดับมังกร
“ขอบคุณมากท่านพี่หลี่” มู่เฉียนคำนับมือของเขา
หลี่ชวนเฉิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้ายินดีน่า เจ้าทุกคนเองก็มีเชื้อสายมาจากตระกูลของเรา นอกจากนี้ผลการประมูลครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทรัพยากรทางการเงินของพวกเจ้า”
มู่เฉิงพยักหน้า
แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรชายขององค์ชายรัชทายาท แต่เขาก็มีเงินไม่เพียงพอที่จะซื้อภูตดอกไม้ แต่หลี่ชวนเฉิงเคยจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อสนับสนุนมู่เฉิง ดังนั้นพวกเขาต้องจัดการเรื่องนี้
“ท่านพี่มู่เฉิง ท่านพี่หลี่ ฉูจงฉวน เจ้าเด็กหนุ่มผมสีขาวกำลังเดินมาหาเรา” มู่เฉียนพูดสิ่งที่เขาเห็นและร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
”