บทที่ 72
การประมูลอันบ้าคลั่ง
“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม” ฉูจงฉวนถามลั่วอู๋ด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
ลั่วอู๋ยกมือขึ้นเกาศีรษะเบาๆ “ทำไมเจ้าถึงเสนอราคาสู้ในทันทีแบบนี้ ข้าคิดว่าเจ้าจะยอมแพ้การประมูลภูตดอกไม้ไปแล้วเสียอีก”
“หา ไม่มีทาง ยังไงซะ ข้าก็ต้องตะโกนเสนอราคาสู้สิ ไม่งั้นตาแก่ที่บ้านเอาข้าตายแน่นอน นอกจากนี้นี่มันแค่ 4 ล้านหินวิญญาณกว่า ๆ เอง ยังห่างไกลจากคำว่ายอมแพ้อีกเยอะน่า” ฉูจงฉวนพูดออกมาอย่างสบาย ๆ
ลั่วอู๋กลืนน้ำลาย
ทำไมเจ้าหมอนี่มันถึงรวยได้ขนาดนี้
“งบประมาณในการประมูลของตระกูลฉูมีเท่าไหร่กันเนี่ย” ลั่วอู๋ถามอย่างระมัดระวัง
“งบประมาณอะไร “
“ข้าหมายถึงเงินที่เจ้าเตรียมไว้ซื้อภูตดอกไม้น่ะกี่หินวิญญาณ”
“ก็ไม่มากนะ แค่ 8 ล้านหินวิญญาณ” ฉูจงฉวนกล่าว “ถ้าไม่ติดว่าช่วงนี้ปัญหาในการหมุนเวียนเงินในร้านค้า ข้าก็คงจะมีมากกว่านี้อีก”
ใจของลั่วอู๋สั่นเทิ้มและได้แต่พยายามหายใจเข้าลึก ๆ
ข้าขอโทษ…
ขออนุญาตนะ ไม่นึกเลยว่าความร่ำรวยของเจ้าจะเกินข้อจำกัดทางจินตนาการของข้าไปมาก
ลั่วอู๋คิดว่าฉูจงฉวนคงยอมแพ้การประมูลไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาไม่อยากเพิ่มราคา เพราะเขาคิดว่าราคาตอนนี้มันยังน้อยเกินไปที่จะปิดฉาก
ลั่วอู๋รั้งตัวเองไว้ครู่หนึ่งและในที่สุดก็ยอมหลุดปากถามไปว่า “ฉูจงฉวนเจ้ารวยขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็ไม่มากนะ” ฉูจงฉวนลูบคางไปมาและคิดว่า “พวกข้าก็แค่ถือเอกสิทธิ์ควบคุมร้านอาหารทั้งหมดในเขตหมิงหนานเท่านั้นเอง”
ลั่วอู๋ฟังแล้วแทบน้ำตาไหล
ควบคุมร้านอาหารทั้งหมดในเขต…
นี่คือตระกูลที่พรั่งพร้อมเหมาะสมและฉูจงฉวนเองก็เป็นบุตรชายคนโตที่ถูกวางให้เป็นผู้สืบทอดในอนาคตแบบไร้คู่แข่ง
เขาเป็นเศรษฐีผู้โอหังและไร้มารยาท
เขาคือเผด็จการของท้องถิ่นอย่างแน่นอน
ลั่วอู๋คงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะไม่ไปยั่วโมโหเผด็จการของท้องถิ่นคนนี้
“5.2 ล้าน”
หลี่ชวนเฉิงยิ้มเยาะและเสนอราคาออกมาอีกครั้ง
นี่เป็นข้อจำกัดที่หลี่ชวนเฉิงจะสามารถนำเงินออกใช้ได้ หากมากกว่านี้เขาคงต้องพึ่งพาทรัพยากรทางการเงินของมู่เฉิง
“5.5 ล้าน!”
ฉูจงฉวนตะโกนขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะแอบพูดพึมพำว่า “ไม่นึกเลยว่าแค่ต้องยอมเสีย 5.2 ล้านในสัตว์วิญญาณตัวเล็ก ๆ อีกฝ่ายก็แทบจะขบฟันแล้ว”
หลี่ชวนเฉิงถอนหายใจ
มู่เฉิงก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่หลี่โปรดวางใจ คราวนี้ตระกูลมู่ของพวกเราได้เตรียมเงินไว้ 7 ล้านหินวิญญาณ เพื่อสนับสนุนท่าน”
ทรัพยากรทางการเงินของมู่เฉิงเองก็ไม่สามารถประมาทได้ เพราะหากไม่ใช่พวกเขาก็คงไม่มีใครอีกที่จะสามารถตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลฉูได้ในถิ่นนี้
หลี่ชวนเฉิงพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
เงินไม่ได้ถูกลงไปอย่างสูญเปล่า แต่มันเป็นการลงทุนที่ดี
ถ้าได้มันมาโดยไม่ต้องพึ่งมู่เฉิงละก็นะ
โชคไม่ดีที่สถานการณ์แย่กว่าที่คิด
“6 ล้านหินวิญญาณ” หลี่ชวนเฉิงเสนอต่อไป
ในเวลานี้ในชั้นที่นั่งปฐพี ก็มีหญิงชราคนหนึ่งผู้มีงูทองคำอยู่ในมือของเธอ ลุกขึ้นและเรียกราคา7 ล้านหินวิญญาณ
เกิดความโกลาหลขึ้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะคนจากที่นั่งปฐพีจะเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้
“นั่นมันยัยแก่งูทอง!” มีคนจำหญิงชราคนนั้นได้
“นางเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง”
“พวกเขาไม่ได้เป็นกลุ่มอิทธิพลและอยู่กระจัดกระจายกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในชั้นสูง ๆ”
“ภูตดอกไม้นั้นเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าต้องการที่จะหาหนทางสู่ดินแดนแห่งเซียน มันเลยคุ้มค่าที่จะจ่าย”
ในเวลานี้แม้แต่ในที่นั่งชวนชือ ก็ยังมีคนตะโกนเสนอราคา
“7.2 ล้านหินวิญญาณ”
คราวนี้เป็นเด็กผู้หญิงผู้น่ารักมาก ซึ่งมาพร้อมกับพ่อแม่ของนางเพื่อที่จะประมูลภูตดอกไม้
“7.5 ล้าน!”
เจ้าของกองกำลังขนาดใหญ่ บางคนก็เริ่มเสนอราคาของพวกเขา
ทันใดนั้นสถานการณ์ก็เกิดความโกลาหล
อย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้ผู้คนมากมายต่างก็ต้องการภูตดอกไม้
“8 ล้าน!”
หลี่ชวนเฉิงเสนอราคาออกมาทันที
ในเวลานี้หากราคายังคงเพิ่มทีล่ะ 500,000 เห็นได้ชัดว่าหลี่ชวนเฉิงน่าจะเป็นผู้ชนะในการประมูลภูตดอกไม้ เสียงการเสนอราคาของเขาก็เบาลงเล็กน้อย
” 8.5 ล้าน”
จากที่นั่งชั้นชวนเทียนเช่นกัน, ฉูจงฉวน ได้ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วก็เสนอขึ้นราคาอีกครั้ง
โรงประมูลเงียบกว่าเดิมมาก
ผู้คนจำนวนมากยอมแพ้ไปแล้ว
ราคาในตอนนี้ค่อนข้างน่ากลัวจริงๆ
ลั่วอู๋ถามว่า “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าตระกูลฉูเตรียมงบไว้ 8 ล้านเท่านั้นไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก เพราะเจ้าเนี่ยแหละ” ฉูจงฉวนกลอกตาของเขาแล้วพูดต่อว่า “เจ้าเลิกพูดจาโหดร้ายได้แล้ว ข้าต้องช่วยเจ้า ไม่งั้นข้าคงจะถูกเยาะเย้ยจากไอ้ลูกหมาคนนั้นแน่ ข้ายอมใช้เงินเก็บทั้งหมดที่สะสมมาหลายปีเลยก็ได้”
“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปขอเบิกจากตาแก่มาได้ไหมด้วยซ้ำ” ฉูจงฉวนพูดอย่างเจ็บปวดพลางบ่น
ลั่วอู๋อดหัวเราะไม่ได้
ฉูจงฉวนเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
เพื่อให้ตัวเองไม่เสียหน้า เขาก็พร้อมจะทุ่มเงินของเขาเองอย่างเต็มที่
“9 ล้าน!”
ราคาของภูตเพิ่มขึ้นอีกครั้งและเป็น 500,000 เช่นเคย
“พี่มู่ ท่านแน่ใจเหรอว่าตระกูลฉู เตรียมงบไว้เพียง 8 ล้านเท่านั้น” หลี่ชวนเฉิงถามขึ้น
มู่เฉิงพยักหน้า “หลังจากที่ข้าวิเคราะห์การกระทำของผู้อาวุโสตระกูลฉู ข้าคิดว่าตระกูลฉูน่าจะเตรียมไว้เพียง 8 ล้านหินวิญญาณคือสุดตัวแล้ว ไม่มีทางไปเกินกว่า 8.8 ล้านหินวิญญาณแน่”
หลี่ชวนเฉิงรู้สึกผ่อนคลายและพยักหน้า
ตอนนี้มันมีค่ากว่า 9 ล้านหินวิญญาณ อีกฝ่ายควรจะพอได้แล้ว
แต่เขาก็อดไม่ได้ ที่จะคิดถึงคำพูดของลั่วอู๋ที่มีนัยลึกลับ มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
” 9 ล้านหินวิญญาณ มีใครจะเสนอ อีกไหม” ดวงตาของหลงเลินชานกวาดสายตาไปทางผู้ชม
ไม่มีคำตอบ
คงเป็นราคาสูงสุดแล้ว คงไม่มีคนทั่วไป คนไหนที่จะเสนอออกไปได้สูงกว่านี้ เพราะผลกำไรนั้นเริ่มไม่คุ้มกับการสูญเสีย
“9 ล้านหินวิญญาณ ครั้งที่ 1”
“9 ล้านหินวิญญาณ ครั้งที่ 2”
“ครั้งที่ 3”
ค้อนของ หลงเลินชาน ค่อย ๆ เลื่อนลงไปอย่างช้า ๆ
หลี่ชวนเฉิงยิ้มที่มุมปากของเขา อีกฝ่ายมันก็แค่ผู้ใช้พลังวิญญาณชั้นต่ำ นอกจากพูดอวดดีแล้วเขาจะทำอะไรได้อีก ภูตดอกไม้มันไม่ใช่ของเจ้า
“ เดี๋ยวก่อน ถ้าแค่ 9 ล้าน ข้าขอเสนอ 10 ล้าน” เสียงของลั่วอู๋ดังออกมาช้า ๆ
รอยยิ้มของหลี่ชวนเฉิงหายไปในทันที
“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันตระกูลฉู ไม่ควรจะมีงบพอถึง 10 ล้านหินวิญญาณไม่ใช่เหรอ” หลี่ชวนเฉิงงงงวย
ใบหน้าของหลี่ชวนเฉิงสลดลงและเขาเริ่มอยากจะร้องไห้ “ไอ้เด็กหนุ่มผมสีขาวคนนั้น มันเป็นใครกันแน่ ต้นตระกูลของมันคือใคร ถ้าเจ้านั่นไม่ได้มีตระกูลใหญ่มาเกี่ยวข้องแล้วทำไมมันถึงได้มีเงินมากนัก”
ปัญหานี้ยังหลอกหลอนทุกคน
หลี่ชวนเฉิงพูดออกมาเอง ว่าผู้คนที่ได้นั่งชั้นชวนเทียน ได้รับสิทธิ์จากความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่านั้น
พวกเขามีเงินมากแค่ไหนกันแน่
“11 ล้าน” เสียงของหลี่ชวนเฉิงแทบจะเป็นเสียงลอดไรฟันออกมา “ถ้าเจ้ายังกล้าเพิ่มราคาอีกก็เสนอมาสิ”
ตอนนี้เขาไม่ได้สนแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงร่ำรวยได้ขนาดนี้
เพราะที่แน่ ๆ คือเขาต้องได้ภูตดอกไม้
“อย่างที่ข้าเคยพูด เจ้าไม่มีวันจะได้ภูตดอกไม้ไปแน่ แค่ 11 ล้านหินวิญญาณมันยังน้อยไป ข้าเสนอ 13 ล้านหินวิญญาณ” ลั่วอู๋พูดเบา ๆ
เพิ่มขึ้นมามากกว่า 2 ล้านต่อครั้ง
มันมากเกินไป
ฉูจงฉวนรู้สึกเวียนหัว เขามองมาที่ลั่วอู๋ “เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้” ลั่วอู๋กล่าว
ทางด้านสองพี่น้องตระกูลมู่ พวกเขาได้แต่มองหน้ากัน ทำอะไรไม่ถูก ราคาตอนนี้คือ 13 ล้านหินวิญญาณ ซึ่งมากกว่าจำนวนหินวิญญาณทั้งหมดที่พวกเขาและหลี่ชวนเฉิงเตรียมมารวมกัน
หลี่ชวนเฉิงตะโกนอย่างโกรธ “ข้าคิดว่าเจ้าไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายได้แน่ ข้าขอยื่นคำร้องตรวจสอบเงิน!”
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนเสนอราคาสุ่มสี่สุ่มห้า
บ้านประมูลทุกแห่งมีจึงกฎนี้
การตรวจสอบเงิน
ซึ่งหลงเลินชาน ก็กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “ไม่จำเป็น ข้าสามารถยืนยันได้ว่าท่านลั่วมีงบเพียงพอสำหรับการเสียหินวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้”
ประธานคฤหาสน์ชวนเทียน เขตหนานจุนพูดด้วยตัวเองด้วยความมั่นใจ
หลี่ชวนเฉิงตกตะลึง
ล้อเล่นน่า
ฉูจงฉวนเองก็ยังคงตกตะลึงและสูดลมหายใจลึก ๆ ให้ตัวเองใจเย็นลง
เจ้าลั่วอู๋นี่มันเป็นใครกันแน่