บทที่ 19 การซื้อขายครั้งใหญ่
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงแล้ว
ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างช่วงกลางวันและกลางคืนในพื้นที่หวงชานั้นสูงมาก ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยการแต่งกายสวมเสื้อหนาวช่วงกลางคืนและการสวมชุดผ้าโปร่งในตอนเที่ยง
ถนนในเวลากลางคืนช่างว่างเปล่า อากาศก็นั้นหนาวจนไม่มีใครเต็มใจออกมาเดินข้างนอก
แต่วันนี้มันแปลกเล็กน้อย
ที่ด้านหน้าของศาลาไป่เปา เจ้าของร้านเฉินจิง จ้องมองผู้คนมากมายบนถนน เขางงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“นี่มันแปลกไปแล้ว ทั้งที่เป็นตอนกลางคืนแต่กลับมีคนมากมายออกมาเดินบนถนน ราวกับว่าพวกเขามุ่งไปที่ที่เดียวกัน” เฉินจิงสงสัย
“ เจ้าของร้านจากทิศทางที่พวกเขากำลังเดินไปนั้นดูเหมือนจะเป็น ศาลาไป่หยู่ขอรับ” คนรับใช้เตือน
“ศาลาไป่หยู่ ไร้สาระพวกเขาจะไปทำอะไรที่ศาลาไป่หยู่ ไปดูเรื่องตลกรึไง” เฉินจิงดุกลับไป
คนใช้จึงนิ่งเงียบไปและไม่กล้าพูดต่อ
ทว่าเมื่อมองดูฝูงชนบนถนนที่ยาวเป็นหางว่าว เฉินจิงจึงหยุดไตร่ตรองเป็นเวลานาน
“ทิศทางคือศาลาไป่หยู่งั้นรึช่างแปลกเสียจริง ๆ ข่าวของศาลาไป่หยู่ วันนี้คืออะไร”
“ท่านบอกว่า ไม่จำเป็นต้องสนใจศาลาไป่หยู่ ดังนั้นท่านเลยสั่งให้คนสอดแนมกลับมาแล้วขอรับ” คนรับใช้พูดด้วยความสงสัย
เฉินจิงพูด “ส่งคนไปดูหน่อยสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“รับทราบขอรับ”
คนรับใช้รีบส่งคนไปสอดแนมที่ศาลาไป่หยูอย่างรวดเร็ว
เพียงครึ่งชั่วโมงต่อมาข่าวก็มาถึง สีหน้าของเฉินจิงเปลี่ยนเป็นตกตะลึง “อะไรนะพวกเขาไปที่ศาลาไป่หยู่ แมงป่องทรายพวกนั้นถูกขายไปในราคา 1000 หินวิญญาณงั้นเหรอ”
“มันเป็นเรื่องจริงขอรับนายท่าน ตอนนี้มีคนจำนวนมากกำลังสั่งซื้อแมงป่องทราย บางคนซื้อแมงป่องทรายแล้วเอาไปขายประมูลตรงนั้นได้ราคาเกือบ 2,000 หินวิญญาณ “
“เป็นไปได้ยังไงกัน” ใบหน้าของเฉินจิงสับสน
นอกจากนี้เขายังเคยปฏิญาณว่าแมงป่องทรายพวกนั้นไม่มีทางขายออกไปได้แน่ ทว่ามันดันถูกขายจนหมด แบบนี้เขาคงต้องกลืนชิ้นหมากรุกเสียแล้ว
ใครจะไปนึกกันว่า พวกเขาจะถูกตอกหน้า โดยที่ยังผ่านไปได้ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ
เขาจำได้ราง ๆ ว่า ในตอนที่ลั่วอู๋ซื้อแมงป่องทราย คำพูดอันมั่นใจของเขา เขาคิดว่าเขาสามารถทำกำไรได้มหาศาล
นี่มันไม่จริงน่า
หัวใจของเฉินจิงเริ่มมืดหม่น
คนรับใช้พูดขึ้นว่า
“พวกเขาบอกว่าแมงป่องทรายของศาลาไป่หยู่ มีทักษะอำพรางและก้าวพริบตาขอรับ”
สำหรับทักษะการอำพรางนั้นยังพอเป็นไปได้ บางทีแมงป่องทรายเหล่านี้อาจมีสายเลือดแมงป่องหินที่มีทักษะนี้
แต่ทักษะก้าวพริบตานั้นไม่สามารถหาได้ในสัตว์วิญญาณระดับต่ำกว่าทอง นอกจากกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ แมงป่องพวกนี้มันเรียนรู้ทักษะนี้ได้อย่างไรกัน แมงป่องผสมกับกระต่ายได้หรือยังไง
มันเป็นไปได้ที่จะมีสายเลือดผสมในการผสมพันธุ์ของสัตว์วิญญาณ โดยพวกมันจะได้ทักษะของตัวพ่อและตัวแม่มา
อย่างไรก็ตามมันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมาและหากจะผสมพันธุ์ก็ต้องใช้สัตว์วิญญาณที่มีสายพันธุ์คล้ายกัน
นั่นคือความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
คนรับใช้ไม่รู้จะอธิบายยังไง เขาจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่น
“นั่นคือสิ่งที่ทุกคนบอก ๆ กันมาขอรับ”
“ซื้อมาให้ข้าหนึ่งตัว” เฉินจิงครุ่นคิด
“แต่ว่า..นายท่านราคาแมงป่องทรายมันแพงมากนะขอรับ … “
เฉินจิงโมโห “ข้าจ่ายไหวหรอกน่า! ไปซื้อมาเถอะ”
คนรับใช้รีบวิ่งไปอย่างตกใจ
ในไม่ช้าแมงป่องทราย ซึ่งถูกซื้อต่อมาในราคา 3000 หินวิญญาณ ก็มาวางอยู่เบื้องหน้าของเฉินจิง ซึ่งตรงนั้นเองก็มีแผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณของแมงป่องทราย
มันสัตว์วิญญาณที่เชื่องแล้ว แผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณ สามารถใช้ในการยับยั้งควบคุมมันที่เป็นสัตว์วิญญาณได้
“ก้าวพริบตา ลองใช้ก้าวพริบตาให้ข้าดูหน่อยสิ” เฉินจิง ออกคำสั่งผ่านแผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณ
จากนั้นแมงป่องทรายก็เกร็งตัว
เริ่มต้นใช้ [ก้าวพริบตา]
พริบตาต่อมามันก็อยู่บนโต๊ะอีกตัวหนึ่งแทน
“ฟืด”
เฉินจิงสูดอากาศเย็น ๆ เข้าไปเต็มปอด
นั่นคือก้าวพริบตาไม่ผิดแน่!
ในฐานะเจ้าของร้าน ศาลาไป่เปา ต่อให้ใครจะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยประสบการณ์เขาก็ต้องดูออกอยู่แล้ว
มันก็น่าจะเป็นไปได้ที่จะให้สัตว์วิญญาณ เรียนรู้ทักษะที่ไม่มีอยู่ในเผ่าพันธุ์ของมัน อย่างไรก็ตามคงมีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสูงหรือแม้แต่ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถทำได้และมีข้อจำกัด มากมายกับอัตราความสำเร็จที่ต่ำมาก
เจ้าของร้านคนใหม่ของ ศาลาไป่หยู่ เขามาจากไหนกันแน่
ถ้าเขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงจริงๆ ทำไมถึงถูกไล่ออกมาจากตระกูลลั่วกันล่ะ
เมื่อนึกถึงตอนนี้เฉินจิงเริ่มตื่นตัวอีกครั้ง
เขาเคยคิดว่าศาลาไป่หยู่ ไม่มีทางทำอะไรเขาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว
……
……
ณ ศาลาไป่หยู่
ในที่สุดผู้คนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันกลับไป
ลั่วอู๋ยังสามารถนั่งจิบชาและพักผ่อนได้ตามปกติ แม้ความนิยมของแมงป่องทรายจะเหนือความคาดหมายของเขาก็ตาม
บางคนเกือบจะต่อสู้กันเพื่อแย่งซื้อแมงป่องทราย จนประตูของศาลาไป่หยู่เกือบจะพังลง
การซื้อแมงป่องทรายนั้นไม่จำเป็นต้องทำสัญญากับมันก็ได้ ดังนั้นบางคนจึงซื้อมันมาแค่เอามาอวดความหายากของมัน
มันเป็นที่นิยมมากจน บางคนที่ซื้อแมงป่องทรายไม่ทันมาขอสั่งชุดต่อไปแทน
ลั่วอู๋ จึงประกาศในทันทีว่าจะมีเพียง 30 ตัวในชุดถัดไปและศาลาไป่หยู่ จะไม่ขายแมงป่องทรายพิเศษแบบนี้อีก
ทันใดนั้นการต่อสู้แย่งชิงก็รุนแรงยิ่งขึ้น
เพราะเมื่อได้ยินข่าวผู้คนต่างรวมตัวกันและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้จองมัน ศาลาไป่หยู่จึงยุ่งวุ่นวายมาก
คนงานทั้งสามคนเองก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ศาลาไป่หยู่สาขานี้ ก่อตั้งขึ้นมาประมาณห้าปี มันไม่เคยเป็นที่นิยมมากขนาดนี้มาก่อน เป็นที่คาดกันว่ากำไรของวันนี้ได้เท่ากับกำไรของครึ่งปีในเวลาปกติ
เจ้าของร้านใหม่คนนี้ช่างมีเล่ห์กลวิธีการมากมาย
“ เจ้าของร้านทำไมจะขายแค่ 30 ตัวเท่านั้นล่ะ จะไม่ขายมันอีกในอนาคต แบบนี้ไม่เสียโอกาสเหรอขอรับ” มู่เถาถามด้วยความสงสัย
ลั่วอู๋หัวเราะ “ทำให้มันเป็นของหายาก ถ้ามีแมงป่องทรายที่ก้าวพริบตาได้กันทั่วทั้งเมือง เจ้าจะยังคิดว่ามันพิเศษอีกไหมล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นใครมันจะยอมซื้อมันในราคาที่สูงกัน”
ทันใดนั้นมู่เถาก็เข้าใจ เจ้าของร้านช่างเป็นคนที่เจ้าเล่ห์จริง ๆ
ลั่วอู๋พูดต่อ “มู่เถา เจ้าจงเอาเงินบางส่วนไปที่ร้านขายยาใกล้ ๆ แล้วซื้อ สมุนไพร ทั่วไปทั้งหมดกลับมาให้ข้า แต่ถ้ามันแพงเกินไป ข้าจะไม่ใช้เพราะมันฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินไป ที่สำคัญคือดอกไม้กระดูกและหญ้าจันทรา ทั้งสองชนิดนี้จงซื้อมาให้ข้าทั้งหมด “
“ท่านกำลังป่วยเหรอ ทำไมต้องซื้อยารักษาโรคมากมายขนาดนั้น” มู่เถาอยากรู้อยากเห็น
ลั่วอู๋ กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วพูดว่า “ข้ามีเหตุผลน่า ไปได้แล้ว”
“รับทราบขอรับ”
ลั่วอู๋นั้นเข้าถึงได้ง่ายและดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็ค่อย ๆ เข้าใจอารมณ์ของลั่วอู๋มากขึ้นแล้ว มันจึงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ หากพูดเล่นบ้างเป็นครั้งคราว
ในการซื้อ สมุนไพร แน่นอนว่าลั่วอู๋อยากจะทำการทดลองต่อ มีเพียงแต่จะต้องทดลองให้มากเท่านั้น เขาถึงจะได้สูตรใหม่สำหรับการสังเคราะห์ด้วยไหปีศาจ
หญ้าจันทราและดอกไม้กระดูกเป็นวัตถุดิบสำหรับการสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณ
เม็ดยารวบรวมวิญญาณมีประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝนพลังวิญญาณ และแน่นอนว่ามันต้องได้กำไรมากกว่าแน่
ลั่วอู๋พูดต่อ “อ้อ อีกอย่าง วันพรุ่งนี้ เจ้าช่วยติดต่อกับทีมล่าสัตว์ที่เชื่อถือได้ให้ข้าที บางที่ข้าอาจจะต้องการสัตว์วิญญาณเพิ่มบ้าง”
“แมงป่องทรายเพิ่มเหรอขอรับ ” มู่เถา ถาม
“ ไม่ใช่แค่แมงป่องทราย” ลั่วอู๋ตอบ “ข้าต้องการสัตว์วิญญาณชนิดอื่น ๆ ด้วย ยิ่งมากก็ยิ่งดี ไม่สำคัญว่าราคาจะสูงกว่านี้รึเปล่าด้วย”
หากวัตถุดิบพิเศษสามารถหลอมรวมกันได้
ก็มีแนวโน้มที่จะสามารถสังเคราะห์น้ำอมฤตกับยารวบรวมพลังวิญญาณ
และโอกาสของการรวมสัตว์วิญญาณกับสัตว์วิญญาณพิเศษก็อาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เพียงเท่านี้เขาก็จะสามารถสร้างรายได้จำนวนมหาศาลได้
ดังนั้นลั่วอู๋จึงต้องการสัตว์วิญญาณมาเพื่อลองผสมผสานพวกมัน
“บางทีพวกมันอาจจะเยอะเกินไปสำหรับ ศาลาไป่หยู่ ก็ได้นะขอรับ” มู่เถาพูดขึ้น
“ข้ามีวิธีก็แล้วกัน” ลั่วอู๋กล่าวอย่างสุขุม
ไม่ว่าจะมีสัตว์วิญญาณกี่ตัวก็ตามพวกมันก็จะถูกดึงเข้าสู่ไหปีศาจโดยตรง
อย่างไรก็ตามปัญหาในเรื่องความจุของศาลาไป่หยู่ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ด้วยที่ว่าร้านค้านี้นั้นมีขนาดเล็ก หากมีสัตว์วิญญาณจำนวนมากมันจะดูน่าสงสัยเกินไป
ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่เขาต้องขยายขนาดร้านค้าเสียแล้ว
จู่ ๆ มู่เถาก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าของร้านแล้วทีมเขี้ยวหมาป่าล่ะขอรับ พวกเขามีประสบการณ์มากและมีการติดต่อทางธุรกิจมากมายกับ ศาลาไป่หยู่ของเรา”
ทีมเขี้ยวหมาป่าคือทีมที่เสนอขายลูกแมงป่องทราย 27 ตัวให้กับศาลาไป่หยู่ ซึ่งเอามาขายที่ตัวละหินวิญญาณสามร้อยก้อน
“ทีมเขี้ยวหมาป่าเหรอ” ลั่วอู๋ ขมวดคิ้วและตะโกน “นั่นคือทีมที่เอาเปรียบข้า”
มู่เถาตกใจจนแทบบ้า จะให้เจ้าของร้านคนใหม่โกรธไม่ได้ เพราะธุรกิจในอนาคตต่อไปนี้มีแนวโน้มว่าจะไม่ถูกส่งมอบให้กับทีมเขี้ยวหมาป่าอีก
ลั่วอู๋พูดต่อ “ทั้งที่เขาได้ร่วมมือกับศาลาไป่หยู่ของเรามาหลายครั้งในอดีต แต่ในตอนที่รู้ว่าข้ากำลังเสียเปรียบในสัญญา เขาก็ยังเอาเปรียบข้าอย่างสงบ ข้าไม่ชอบทีมล่าสัตว์นี้ พวกมันสนแต่กำไร บางครั้งคนเราก็ต้องสนใจในเรื่องของความรู้สึกกันบ้าง “
ชายทั้งสามรีบพยักหน้า ที่เจ้าของร้านคนใหม่พูดนั้นถูกต้องแล้ว ในการทำธุรกิจ เราต้องใส่ใจกับความรู้สึกของลูกค้า
ลั่วอู๋ไม่ใช่แค่นักธุรกิจ เขามีคุณสมบัติมากกว่านั้น เขาใส่ใจในความรู้สึกมากกว่า
ทีมเขี้ยวหมาป่าไม่ได้ผิดหรอก เพียงแค่ลั่วอู๋ไม่ชอบการกระทำเอาเปรียบจนเกินไปของพวกเขา