บทที่ 20 ความใจอ่อน
สโมสรนักล่า นี่คือองค์กรที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สมาชิกทั้งหมดเป็นสมาชิกของทีมล่าสัตว์ พวกเขาต่างแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และคอยแลกเปลี่ยนสิ่งของซึ่งกัน
ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นสถานที่แห่งความบันเทิงและการโอ้อวดสำหรับทีมล่าสัตว์ขนาดใหญ่ นอกเหนือจากการล่าสัตว์ตามปกติ พวกเขาตั้งตารอมายังทำธุรกิจยังสถานที่แห่งนี้ในทุกครั้ง
ผู้ใช้พลังวิญญาณต้องการค้นหาสัตว์วิญญาณที่ตนต้องการเพื่อทำพันธสัญญา นอกเหนือจากการซื้อตามร้านค้า เขายังสามารถจ้างทีมล่าสัตว์เพื่อจับมันด้วยตัวเขาเองได้
มันเป็นเช้าในอีกวันหนึ่ง
“หัวหน้าเพิง ข้าได้ยินมาว่าท่านหาเงินมาได้จำนวนมาก เมื่อไม่กี่วันก่อน” ขายคนหนึ่งร้องถาม
ผู้คนรวมตัวกันเพราะความสนใจ
แม้ว่า ทีมเขี้ยวหมาป่าจะไม่สามารถเทียบได้กับทีมดาบอำมหิต แต่ก็มีชื่อเสียงพอสมควรในเมืองแห่งความพินาศ แม้ว่า จะไม่มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินในเมืองแห่งนี้ แต่สมาชิกภายในก็มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการล่าสัตว์มากพอ
เพิงหงเทียน ไม่สามารถยิ้มออกมาได้ “มันเป็นกำไรเล็กๆ เจ้าของร้านศาลาไป่หยู่นั่นหยิ่งยโสมาก เพราะเขารับซื้อฝูงแมงป่องทรายโดยไม่ต่อรองราคาใดๆ เลยสักนิด”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! มันมากกว่าทำกำไรเล็ก ๆ นะ แมงป่องทรายราคา 150 หินวิญญาณ แต่ถ้าขายไป 300 หินวิญญาณ ก็ได้กำไรเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว เพียงไม่กี่เดือน ทีมเขี้ยวหมาป่าของท่านก็จะไม่ต้องออกไปจากเมืองแห่งนี้แล้ว” ชายผู้นั้นกล่าว
แต่ในกรณีนี้ กำไรจากธุรกิจนี้ เพียงพอสำหรับทีมล่าสัตว์ของเขาในการดำรงชีวิต
“แค่ก! แต่ข้าได้ยินมาว่า ศาลาไป่หยู่ขายแมงป่องทรายในราคา 1,000 หินวิญญาณ เมื่อวานนี้” มีบางคนพูดออกมา
มันน่าสนใจมาก
และมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะนินทาผู้อื่นเสมอ
“ข้าได้ยินมาว่าประตูของศาลาไป่หยู่แทบจะพังเละ เมื่อวานนี้เลย”
“มีคนบางคนกำลังแย่งชิงแมงป่องทรายด้วย”
“แปลกแฮะ! คนพวกนั้นเป็นบ้าอะไรกัน”
“ท่านรู้รึเปล่า ว่าแมงป่องทรายที่ผลิตโดยศาลาไป่หยู่จะใช้ก้าวพริบตาได้ ท่านเชื่อไหม”
“มันเป็นความจริง”
“ข่าวปลอมรึเปล่า”
“ศาลาไป่หยู่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งมาก แม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้พัฒนา ในอนาคตอันใกล้ ร้านแห่งนี้อาจสามารถแยกตัวออกจากหอคอยหวงชาเลยก็ได้”
“ท่านอย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย สัตว์วิญญาณที่จะทำเงินนั้น มีเพียงแค่ ลูกสัตว์วิญญาณ ยารวบรวมพลังวิญญาณต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้พลังวิญญาณ ถึงแม้ท่านจะเป็นคนที่แข็งแกร่งดั่งเทพผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์มังกรเร้นกาย ที่สามารถมีสัตว์วิญญาณมากถึงหกตัว แต่สำหรับยาวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ง หรือการปรับแต่งเพื่อก้าวข้ามการพัฒนา ยังต้องใช้ยาวิญญาณจำนวนมาก และหอคอยหวงชานั้นก็มียาวิญญาณที่มีคุณภาพที่สุด”
เมื่อได้ยินนั้น หลายคนอดที่จะพยักหน้าอย่างคล้อยตามไม่ได้
มีเม็ดยาหลายชนิดในหอคอยหวงชา และประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นป้ายทองคำได้เลย
มีผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่เชี่ยวชาญการปรับแต่งอยู่ในทีมหวงชาอยู่หลายคน
หัวข้อที่พูดถึงกันเหล่านั้น มันผิดมหันต์
ณ เวลานี้ มีคนสามคนเดินเข้ามาหาเหล่านักล่า
เป็นคนงานในร้านทั้งสามคนของศาลาไป่หยู่ มู่เถา, เสี่ยวชา และ อาฟู
“ธุรกิจกำลังจะเริ่ม” มู่เถาร้องตะโกนออกมา
นักล่าจะเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นพวกเขาทั้งหมดได้มารวมตัวกัน เราทุกคนต่างรู้จักศาลาไป่หยู่
มู่เถา พูดว่า “เรากำลังต้องการฝูงสัตว์วิญญาณจำนวนมาก ทั้งลูกแมงป่องทราย 30 ตัว และสัตว์วิญญาณชนิดอื่นอีกหลายชนิด พวกเราไม่ต้องการลูกสัตว์วิญญาณแล้ว แต่ถ้าเป็นสัตว์วิญญาณที่โตเต็มวัยเราจะตอบตกลง และราคาก็ไม่สูงจนเกินไป ตามราคาตลาดปกติ”
นักล่าเดือด
ธุรกิจขนาดใหญ่
ห้ามกดราคา ราคาซื้อขายตามปกติเป็นที่ยอมรับกันของทีมล่าสัตว์ขนาดใหญ่
และสัตว์วิญญาณโตเต็มวัยที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งช่วยลดความยากลำบากในการล่าสัตว์ได้ ร้านค้าส่วนใหญ่รวบรวมเพียงลูกสัตว์เท่านั้น ท้ายที่สุด ความยากลำบากของการเลี้ยงดูลูกสัตว์จะง่ายกว่ามาก ดังนั้น ราคาของลูกสัตว์จะราคาแพงอย่างมาก
แต่ถ้าท่านต้องการจับลูกสัตว์ทั้งฝูง ท่านจะต้องแก้ปัญหาพวกสัตว์วิญญาณตัวเต็มวัยเสียก่อน
เหมือนกับที่ทีมเขี้ยวหมาป่าต้องใช้เวลาร่วมสองเดือนในการบดขยี้ฝูงแมงป่องทรายตัวเต็มวันจนตายสิ้นทุกตัว และจับลูกแมงป่องทั้ง 27 ตัวกลับมา
ถึงแม้ มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะจับสัตว์วิญญาณตัวเต็มวัยที่ยังมีชีวิตอยู่ มันเป็นโอกาสที่ดีในการทำเงินหลังจากนั้น
“ข้ามีทีมดาบ”
“ข้ามีทีมหมาป่า”
“และข้า…”
หลังจากนั้น ทีมล่าสัตว์ได้ตรงเข้ามาทำธุรกิจอีกครั้ง
เพิงหงเทียนพูดด้วยเสียงเบาๆ ต่อหน้าท้องฟ้าว่า “ข้ายังมีทีมเขี้ยวหมาป่าอยู่”
“ข้าขอโทษ ท่านเพิง” มู่เถายิ้มเจื่อน ๆ “คำสั่งซื้อจากเจ้าของร้านคนใหม่ของเรา หลังจากที่ทำธุรกิจแล้ว เราจะไม่ทำธุรกิจกับทีมเขี้ยวหมาป่าของท่านอีก”
ชั่วครู่หนึ่ง บรรยากาศก็เริ่มที่จะอึดอัดขึ้นมา
สีหน้าของเพิงหงเทียนเปลี่ยนไป “ทำไมล่ะ! พวกเราทำงานร่วมกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ท่านมีปัญหาอะไรกับสัตว์วิญญาณที่ข้าให้ไปกันรึไง”
“มันไม่เกี่ยวกับสัตว์วิญญาณเลย ท่านยังบอกด้วยว่าเรานั้นให้ความร่วมมือกันหลายครั้ง และท่านก็สบายใจที่จะใช้ประโยชน์จากศาลาไป่หยู่ของเรา เจ้าของร้านคนใหม่ไม่มีความสุขกับเรื่องนี้” มู่เถา พูดอย่างจริงจัง “เจ้าของร้านคนใหม่เขาไม่ชอบถูกเอาเปรียบ”
ทุกคนหลบสายตาจากเพิงหงเทียน
ในตอนแรก ทุกคนนั้นอิจฉาเพิงหงเทียน แต่ตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขาเปลี่ยนไป เหลือเพียงอารมณ์ของการได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ
ใบหน้าของเพิงหงเทียนเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึนและซีดขาว เขาพูดไม่ออกเอาเลยจริงๆ
เมื่อมู่เถาเดินจากไป เขาจึงพูดขึ้น “หลังจากเขาซื้อร้านแห่งนี้ เราหวังว่าจะได้ร่วมมือกันในระยะยาวกับทีมล่าสัตว์นะ และในอนาคต เราอาจจะให้ราคารับซื้อสูงขึ้นอีก 20% ด้วย”
ทุกคนดูประหลาดใจ และถูมือไปมา
ราคารับซื้อเพิ่มขึ้น 20% งั้นหรือ นี่มันเรื่องใหญ่มาก เจ้าของร้านคนใหม่ของศาลาไป่หยู่ใจกว้างจริง ๆ
ดังนั้น ทีมล่าสัตว์มุ่งมั่นที่จะฉุดรั้งศาลาไป่หยู่เอาไว้กับตน
หลังจากที่ทั้งสามคนเดินออกไป เพิงหงเทียนได้เข้ามา เขารู้สึกลังเลเล็กน้อย เขารู้ว่าเขาเป็นทีมล่าสัตว์ที่ได้รับความร่วมมือบ่อยที่สุดของศาลาไป่หยู่ เขาจะไม่เป็นที่ต้องการได้อย่างไร
มันน่าตื่นเต้นมากที่ราคารับซื้อจะเพิ่มขึ้นอีก 20%
เพิงหงเทียนเกลียดตัวเอง ที่เขามองคนไม่ถึง เขามองไม่เห็นถึงความสามารถของเจ้าของร้านคนใหม่เลย ที่สามารถทำให้แมงป่องทรายเรียนรู้ทักษะก้าวพริบตาได้ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ข้าหวังว่าข้าจะคิดเรื่องลดราคาลง ข้าอาจจะได้รับความไว้ใจจากเจ้าของร้านคนใหม่ ณ ตอนนี้ อาจจะได้ร่วมมือระยะยาวกันทีมเขี้ยวหมาป่าของข้า ทีมล่าสัตว์เดียวเท่านั้น
“พี่ชายทั้งสอง พวกเราคุ้นเคยกันจะคุยกันไม่ได้เลยเหรอ”
เขายังคงโลภมากในการทำธุรกิจ
มู่เถาพูดทำให้เขาดูมีความหมาย “ท่านเพิง ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ข้าสามารถบอกท่านได้ว่า ในความเป็นจริง เจ้าของร้านคนใหม่ เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ดีและใจอ่อนอย่างมาก”
เพิงหงเทียนรู้สึกสับสน
ความรู้สึกใจอ่อนงั้นเหรอ ข้าควรทำอย่างไรดี
……
……
ณ ศาลาไป่หยู่
ลั่วอู๋ชนะเจ้าของร้านคนเก่าอีกครั้ง เขากำลังฝึกอยู่คนเดียวภายในห้อง
กล่าวคือ การปรับแต่งในความเป็นจริง คือการสำรวจโลกแห่งไห
มู่เถาได้ใช้หินวิญญาณเกือบหมื่นชิ้น และซื้อสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก ซึ่งเติบโตได้อย่างรวดเร็วในเนินเขา เขาซื้อมาเกือบทุกชนิดบนโลก
ลั่วอู๋พบว่าเมื่อพลังวิญญาณเขากำลังจะหมดลง เขาก็ได้กลืนเม็ดยาลงและเริ่มฝึกฝน ประสิทธิภาพของการฝึกฝนสูงขึ้นอย่างมาก
ไม่เพียงแค่ต้องการทดลองสูตรยา แต่ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพจากการปรับแต่ง ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ มันอาจอึดอัดเล็กน้อย เพราะมันจะสูบพลังวิญญาณไปจนหมด
“รวมองค์ประกอบ!”
ลั่วอู๋กำลังอยู่ในระหว่างการสังเคราะห์
ลองอีกครั้ง อีกครั้งหนึ่ง
เขานำสมุนไพรจำนวนมากลงไปยังส่วนต่อประสานการสังเคราะห์
“ส่งไป! ส่งไป! ส่งเข้าไป!” ลั่วอู๋พูดต่อไปอย่างไม่หยุด เหมือนกับว่าเป็นการร่ายมนตร์คาถา
แน่นอน ความน่าจะเป็นในการรวมของวิเศษนั้นต่ำมาก การทดลองสูตรใหม่จำเป็นต้องใช้เวลา และเงินจำนวนมาก
ความได้เปรียบเพียงอย่างเดียวก็คือ แต้มเซียน
แต้มเซียนที่มีถึง 600 แต้ม ซึ่งเป็นดั่งเงินจำนวนมหาศาลสำหรับลั่วอู่ ณ ตอนนี้
เป็นเวลาถึงเจ็ดวัน
ในที่สุด ลั่วอู๋ก็ได้สำเร็จบางอย่าง
จากการนำของวิเศษสองชนิดมารวมกัน
รองเท้าบูตหนังและบางมาก ทำมาจาก ดอกไม้ห้ากลีบ และ โสมขาว
หญ้าขน และ หญ้ากระดูกใส มันคือสมุนไพรชนิดใหม่, ดอกไม้ฟินิกซ์เก้ากลีบ ได้ถูกสังเคราะห์ขึ้น
ทั้งสองนั้นไม่ได้อยู่ในสูตร แต่แค่บังเอิญเท่านั้น
ไม่ต้องพูดถึงรองเท้าบูตหนัง แม้ว่าพวกมันจะละเอียดอ่อนมาก มูลค่าของพวกมันไม่มากนัก ดอกไม้ฟินิกซ์เก้ากลีบ เป็นสมุนไพรวิญญาณที่มีมูลค่ามากชนิดหนึ่งซึ่ง มีค่ามากมายสำหรับหินวิญญาณ น่าเสียดายที่มันไม่ใช่สูตรยาหรือจะสร้างโชคลาภ ตอนนี้มันสามารถชดเชยหญ้าที่สูญเสียไปเท่านั้น
สูตรที่ได้รับการพัฒนา
ยีสต์แดง และ กิ่งแสงมายา ได้ผลิตยาสมุนไพรชนิดใหม่ขึ้นมา
[สมุนไพรเลือดปะทุ]
หลังจาก ค้นพบสูตรใหม่ในเวลานั้น ลั่วอู๋ได้กระโดดดีใจสูงถึงสามฟุต แต่เมื่อเขาค้นพบว่าหญ้าเลือดปะทุนั้น มีคุณสมบัติอย่างไร มันทำให้เขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก
สมุนไพรเลือดปะทุ เป็นสมุนไพรที่พบได้บ่อยในดินแดนรกร้างทางตอนใต้
กลีบทั้งเก้านั้นมีสีแดงอ่อน ที่ขอบกลีบมีรอยหยักขนาดเล็ก มันมีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือดและช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด แต่น่าเสียดาย ที่มันเติบโตทางตอนใต้และพบได้ยากในราชวงศ์มังกรเร้นกาย สมุนไพรที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันอยู่จำนวนมาก ดังนั้น สมุนไพรเลือดปะทุ จึงมีราคาถูกอย่างมาก
มูลค่าที่แท้จริงของสมุนไพรเลือดปะทุนั้นต่ำกว่า ยีสต์แดง และ กิ่งแสงมายา เสียอีก