1988 ย้อนเวลารัก ย้อนเวลาเรา ตอนที่ 6

บทที่ 6
Lilac Novel

ตอนเที่ยงหมี่เจ๋อไห่กลับมาแล้ว คราวนี้ยังพกหนังสือกลับมาด้วยในมือสองเล่ม ดูท่าจะเริ่มเตรียมตัวสอบแล้ว
เฉิงชิงจะไปทำกับข้าว หมี่เจ๋อไห่จะไปช่วยด้วยความเคยชิน ก็ถูกเฉิงชิงดันไปที่โต๊ะภายในห้องแยกให้เขานั่งลง หยิบหนังสือคืนใส่มือแล้วเอ่ย “คุณน่ะ ไม่ต้องยุ่งอะไรทั้งนั้น นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้แหละ หาเวลาว่างช่วยฉันดูเด็กๆ ก็พอแล้ว”
โต๊ะหนังสืออยู่ตรงข้ามเตียงไม้ที่พวกหมี่หยางนอนอยู่พอดี หลังจากหมี่เจ๋อไห่รับคำแล้วก็ถอนหายใจ หยิบหนังสือมาเปิดอ่านด้วยรอยยิ้มขื่น
ระหว่างที่เฉิงชิงทำบะหมี่นวดเองด้วยมือ ทหารยามเสี่ยวเจ้าก็รีบออกไปตักอาหารสามชุดกลับมา เขาไม่ได้ตักแค่ของตัวเองคนเดียว ยังตักมาให้สองสามีภรรยาคู่รองหัวหน้ากองหมี่ด้วย
เฉิงชิงก็ทำบะหมี่นวดเองด้วยมือให้ทหารยามเช่นกัน ตอนแรกเสี่ยวเจ้ายังปฏิเสธ ต่อมาหมี่เจ๋อไห่ออกคำสั่งว่า “ต้องกินให้หมด นี่เป็นภารกิจ!”
เสี่ยวเจ้าถึงได้ตะเบ๊ะ ยิ้มร่าเอ่ย “ครับ รับรองว่าทำภารกิจสำเร็จครับผม!”
พวกผู้ใหญ่กินข้าวกันอยู่ข้างนอก หมี่หยางก็ตื่นจากงีบไปตื่นหนึ่งแล้ว ข้างๆ คือเจ้าก้อนแป้งข้าวเหนียวที่บนตัวมีกลิ่นนมเหมือนกันกับเขา ทั้งสองคนตัวชิดกัน แม้ไป๋ลั่วชวนน้อยกำลังหลับอยู่ แต่ก็ไม่ได้ลืมส้มเขียวหวานของเขา เขากลิ้งส้มสองลูกมาตรงกลางระหว่างตัวเองกับหมี่หยาง มือข้างหนึ่งโอบส้มหนึ่งลูก หัวติดกันกับหมี่หยาง เท้าชิดเท้า อย่างกับกุ้งงอตัว หลับไปด้วยความหอมหวาน
จริงๆ เลย กินก็เก่งนอนก็เก่ง
หมี่หยางวิจารณ์ในใจ ไม่น่าล่ะไป๋ลั่วชวนถึงโตไวกว่าเขา
ไป๋ลั่วชวนน้อยกำลังนอนหลับสบายฟี้ๆ ปากเชิดอ้าออกเล็กน้อย แพขนตาหนายาวปรกลงมาราวกับพัด ทำให้เกิดเงาขนาดเล็ก ผมนิ่มชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่ง เทียบกับร่างปีศาจน้อยตอนตื่นนอนแล้วว่าง่ายกว่ามากโข หมี่หยางมองสักพัก ยื่นมือไปจิ้มหน้าเขา นิ่มมาก จิ้มอีกทีเขายังทำปากแจ๊บๆ หมี่หยางจิ้มแล้วจิ้มอีก แต่ควบคุมแรงได้ไม่ดี จิ้มเข้าไปในปากคนเขาแล้ว ไป๋ลั่วชวนน้อยขมวดหัวคิ้วขณะหลับ ไม่ช้าก็อมปลายนิ้วมือของหมี่หยางไว้และแทะโดยอัตโนมัติ ฟันน้ำนมสองซี่นั้นยังลองกัดอีกด้วย
หมี่หยางเสียแรงไปไม่น้อยกว่าจะดึงปลายนิ้วมือตัวเองออกมาได้ ไม่กล้าไปก่อกวนคนเขาอีกแล้ว
เฉิงชิงเป็นห่วงเด็กๆ ในห้อง กินบะหมี่ไปได้ครึ่งชามเธอก็เข้ามาหา พอเดินเข้ามาแล้วเห็นคนหนึ่งกำลังหลับอุตุฟี้ๆ ใบหน้าตอนหลับคล้ายเทวดาตัวน้อย ส่วนอีกคนหนึ่งเบิกตากว้างกลิ้งกลอกลูกตามองเพดาน แล้วเล่นปลายนิ้วมือตัวเอง พอเห็นเธอเข้ามาก็คลี่ยิ้มทันที ชูมือจะให้เธออุ้มไม่ส่งเสียงร้อง คล้ายเทวดาตัวน้อยที่ลืมตา
เฉิงชิงอุ้มลูกชายตัวเองขึ้นมาจูบหนึ่งที ยิ้มเช่นกัน
เด็กทั้งสองคนถือว่าเงียบสงบ แต่เวลาพักกลางวันนี้ก็ไม่มีทางทำให้หมี่เจ๋อไห่พักผ่อนสักเดี๋ยว เขายังต้องอ่านหนังสืออีก
ตีห้าเขาต้องพาทหารขึ้นไปฝึกซ้อมบนเขา ตอนกลางวันยังต้องอ่านหนังสือ จดบันทึก แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่ในดวงตาขึ้นเส้นเลือดฝอย เฉิงชิงสงสารเขา ไปเทชาเข้มแก้วหนึ่งมาให้ แต่ทำสิ่งอื่นแทนให้ไม่ได้อยู่ดี ได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อน คอยให้กำลังใจสามี
หมี่หยางไม่กังวลสักนิดเดียว เพราะว่าปีนั้นพ่อเขาไม่ใช่แค่สอบได้เท่านั้น แต่อันดับยังสูงด้วย มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งหน่วยบัญชาการ ปีนั้นทหารที่หัวหน้าหน่วยให้ความสำคัญเชิดชูเกียรติในที่ประชุมใหญ่ก็มีชื่อเขาอยู่ในนั้นด้วย เรื่องนี้พ่อเขาโม้ไปทั้งชีวิต ภูมิใจอย่างยิ่ง
แต่แม้จะรู้ หมี่หยางก็ไม่ได้แสดงออกไปทำให้เรื่องเสีย เพียงเล่นปลายนิ้วมือตัวเองเงียบๆ
ผ่านไปสักพัก ไป๋ลั่วชวนน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดหัวคิ้วค่อยๆ ตื่น พอคุณชายน้อยผู้นี้ตื่นก็ไม่ได้ว่าง่ายขนาดนั้นแล้ว เขาหลับตาร้องไห้ก่อนสองที เฉิงชิงรีบอุ้มเขาขึ้นมาปลอบเสียงเบา แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผล เขาตั้งท่าจะร้องแต่ไม่มีน้ำตาอย่างกับต้องการระบายอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น จะร้องไห้ให้ได้ท่าเดียว
เสียงแตรของทหารนอกหน้าต่างดังขึ้นแล้ว หมี่เจ๋อไห่ปิดหนังสือ นวดหน้าแรงๆ คลายความเหนื่อยล้า คลี่ปากยิ้ม “เอ๋ ดูท่าเด็กนี่ก็มีแววจะเป็นทหาร ตื่นตรงเวลาเชียว พอดีกับช่วงบ่ายที่ต้องออกไปฝึกซ้อมที่สนามพอดี”
เฉิงชิงก็หัวเราะ แล้วเอ่ย “อีกเดี๋ยวคุณก็ระวังหน่อยนะ ตอนบ่ายอากาศเย็น จำไว้ว่าต้องใส่เสื้อผ้าเพิ่ม อย่ากลับมาตอนฟ้ามืดอีก”
หมี่เจ๋อไห่รับปาก เห็นในห้องมีกันอยู่มีแค่เด็กน้อยสองคนไม่มีใคร ก็ขยับเข้าไปจูบภรรยาหนึ่งที เอ่ยอย่างเบิกบานใจ “วางใจเถอะ ผมรู้น่ะ”
เพียงเท่านี้เฉิงชิงยังแก้มแดง เร่งให้เขารีบไป
ภายในห้อง เฉิงชิงเลี้ยงเด็กตามลำพังสองคน คนหนึ่งหายห่วง ส่วนอีกคนยังไม่หายห่วงสักนิดเดียว
หมี่หยางนอนเล่นเองคนเดียวอยู่ตรงนั้นได้ทั้งวัน ไม่ร้องไห้ไม่อาละวาด มีแค่อยากฉี่หรืออะไรทำนองนั้นค่อยถึงค่อยเบ้หน้างึมงำสองทีคล้ายแมว แสดงความต้องการของตัวเอง เลี้ยงง่ายอย่างยิ่ง แต่คุณชายไป๋น้อยเจ้าอารมณ์กว่ามาก พอเฉิงชิงตบหลังกล่อมเขาเสียงเบา เขาก็จะหลับตาแกล้งหลับพักหนึ่ง แต่พอวางลงปุ๊บก็เริ่มร้องไห้——จงใจเรียกคน จะให้มาดูตัวเองให้ได้ เป็นจอมวุ่นวาย เป็นตัวป่วนที่ห่างจากคนไม่ได้สักขณะเดียว
หมี่หยางรู้สึกโมโหแล้ว ทำไมเจ้านี่ถึงทำนิสัยเสียตั้งแต่เด็กกันนะ! นี่เป็นถึงแม่ของฉัน มีไว้ให้นายเรียกใช้เหรอ!
วันนี้เขาต้องสั่งสอนเจ้าลูกกระต่ายนี่ให้ได้
รอเฉิงชิงวางไป๋ลั่วชวนน้อยลงอีกครั้ง หมี่หยางก็ยกมือเล็กเคลื่อนไหว พยายามพลิกตัวครั้งแรกในชีวิต ขยับเข้าใกล้
ไป๋ลั่วชวนน้อย ไม่รอให้เฉิงชิงร้องด้วยความประหลาดใจ หมี่หยางก็ทำท่าโจมตี พ่นน้ำลายใส่คุณชายไป๋น้อย “ฟู่!”
ไป๋ลั่วชวนน้อยกะพริบตาปริบๆ ยังตามไม่ทัน “แอ้!”
หมี่หยางสบโอกาสพ่นน้ำลายใส่เขาอีก “ฟู่ ฟู่ๆ ——”
เฉิงชิงอุ้มหมี่หยางขึ้นมา แล้วเอ่ย “ทำอะไรน่ะ อยากคุยกับพี่เขาใช่ไหม ทำไมถึงได้พ่นน้ำลายใส่พี่เขาทั้งหน้าเลย”
หมี่หยางยังคงพ่นน้ำลายใส่ไป๋ลั่วชวนอย่างไม่ลดละอยู่ในอ้อมแขนของเฉิงชิง พ่น “ฟู่ๆ” ใส่ไม่หยุดคล้ายฟ็อกกี้อันเล็ก เฉิงชิงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาเช็ดปากเช็ดหน้าให้ไป๋ลั่วชวนอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “นี่ไปหัดมาจากไหนกัน”
ไป๋ลั่วชวนน้อยเอียงคอมองหมี่หยางอยู่ตรงนั้น อารมณ์บนใบหน้างดงามเคร่งขรึม ผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มเลียนแบบ
หมี่หยาง “ฟู่!”
หมี่หยางโจมตีกลับทันควัน “ฟู่!”
ไป๋ลั่วชวนน้อยเพิ่งหัดสิ่งนี้ครั้งแรก มองพลางลองเลียนแบบตามไปด้วย “ฟะฟู่…ฟู่…” อัตราในการทำสำเร็จไม่ถือว่าสูงมาก แต่ค่อยๆ ฝึกเยอะขึ้นก็ทำเป็นแล้ว ไม่นานเขาก็นั่ง “ฟู่” อยู่ตรงนั้นอย่างแม่นยำได้มาตรฐานด้วยความภูมิใจ
เฉิงชิง “…”
ความสามารถในการพ่นน้ำลายใส่คนของคุณชายไป๋น้อยนี้หัดมาจากลูกชายเธอไม่ผิดแน่
จนกระทั่งตอนบ่าย สองสามีภรรยาตระกูลไป๋ก็มารับลูกด้วยกัน ไป๋ลั่วชวนน้อยหัดทักษะพ่นน้ำลายเป็นแล้ว ตอน
ไป๋จิ้งหรงจะใส่เสื้อผ้าให้ เขายังไม่เต็มใจจะไป พอสวมเสื้อผ้าเสร็จถูกอุ้มขึ้นมาก็พ่นน้ำลายใส่พ่อแท้ๆ ด้วยความไม่พอใจในทันที “ฟู่!!”
คุณนายไป๋ขำอยู่ข้างๆ “โอ๊ะ วันนี้หัดท่าใหม่แล้วเหรอ”
เฉิงชิงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “พวกเด็กๆ นอนกลางวันด้วยกัน พอตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เริ่มเล่นกันแบบนี้แล้ว”
คุณนายไป๋โบกมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เด็กนี่นา เป็นปกติ ก็กำลังฝึกพูดเหมือนกัน”
ไป๋จิ้งหรงเป็นคนเคร่งขรึมคร่ำครึ จัดการการโจมตีของลูกชายก็ง่ายๆ ลวกๆ ใส่ผ้าปิดปากให้ลูกชายซะเลย เห็นเขาทำ
ท่าทางมองโกรธๆ ก็ไม่คิดเป็นเรื่องเป็นราว พยักหน้าแสดงความขอบคุณให้เฉิงชิงแล้วก็อุ้มลูกไปกับภรรยา
รอพวกเขาไปแล้ว เฉิงชิงก็สอนลูกชายตรงนั้น หมี่หยางบ่นงึมๆ งำๆ ทำท่าไร้เดียงสาไม่เข้าใจ ไม่ก็หลับตา แกล้งหลับให้รู้แล้วรู้รอด ไม่รับการสั่งสอนสักนิด
เฉิงชิงก็บ่นแค่ไม่กี่ประโยค อย่าว่าแต่เด็กที่โตตัวเท่านี้เลย ต่อให้เป็นเด็กสามสี่ขวบก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน
ในค่ายทหารไม่มีญาติทหารคนอื่น ภรรยาทหารก็ยิ่งมีเพียงเฉิงชิงและคุณนายไป๋สองคน ตอนแรกคุณนายไป๋เป็นคนอุ้มลูกมาหา เวลาผ่านไปช้าๆ เฉิงชิงก็อุ้มลูกชายไปเล่นที่บ้านตระกูลไป๋
ไป๋จิ้งหรงไม่ต้องการค่าตอบแทนพิเศษ ที่พักก็เรียบง่าย แต่คุณนายไป๋จัดการเก็บกวาดได้ดี ชุดน้ำชาที่วางไว้ก็ถูกเช็ดจนสะท้อนแสง ของที่เธอเอาติดตัวมาด้วยจำนวนไม่น้อยล้วนเป็นข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นิยมที่สุดในตัวเมือง ไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่กระติกรักษาอุณหภูมิเล็กๆ ใบนั้นก็ทำให้เฉิงชิงอดมองหลายทีไม่ได้
ตัวขวดเนื้อแข็งสีแดงเรียวยาว พอหมุนฝาเกลียวแล้วเป็นแก้วน้ำกินน้ำขนาดเล็กพอดี ข้างๆ ยังมีด้ามจับแบบพับเก็บหนึ่งอัน พกพาสะดวกมาก เฉิงชิงกะว่าความจุของมันคงปริมาณเท่ากับชงนมสามขวดได้พอดี ให้ลูกดื่มทั้งคืนกำลังดีเลย!
เธอมาที่นี่เพื่อเยี่ยมคนในครอบครัว รอฉลองปีใหม่เสร็จก็ต้องกลับไปแล้ว แค่นั่งรถไฟสีเขียว[1]ก็ต้องใช้เวลาสามวัน
สองคืน อากาศเย็นมากขนาดนั้นน้ำร้อนบนรถไฟมักจะโดนแย่งไปหมดเกลี้ยงตั้งแต่ตอนแรกเสมอ ตัวเธอเองอดทนเอาหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ลูกจะทนไหวได้ยังไงกัน
เฉิงชิงแอบจำหน้าตากระติกรักษาอุณหภูมิแบบพกพาใบนั้นไว้ ครุ่นคิดว่าอีกสักพักก่อนออกเดินทางจะต้องไปซื้อสักใบ
หมี่หยางกะพริบตามองกระติกน้ำรักษาอุณหภูมิใบนั้นอยู่เช่นกัน บังเอิญจริงๆ ที่บ้านเขาก็มีกระติกใบที่เหมือนกันอย่างกับแกะจริงๆ แม่เขามักจะพูดว่ากระติกน้ำนี้อายุมากพอๆ กับเขา ที่บ้านยังคงใช้มันอยู่จนกระทั่งเขาขึ้นมัธยม
แต่เขาก็ไม่ได้มองมันนาน ไม่ช้าก็ถูกคุณนายไป๋อุ้มเข้าไป “เล่นกับพี่ชาย” ด้วยรอยยิ้ม คงเพราะข้าวของคุ้นเคยที่นี่ค่อนข้างเยอะ ไป๋ลั่วชวนน้อยจึงผ่อนคลายกว่าอยู่ที่บ้านหมี่หยางมาก ไม่ทรมานคนขนาดนั้นแล้ว เขานั่งอยู่ท่ามกลางกองของเล่นยัดนุ่นอย่างกับราชาตัวน้อยๆ เห็นหมี่หยางเข้ามาก็ไม่ผลักไสไล่ส่งสักนิด
คุณชายน้อยเล่นตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวนั้นของตัวเอง แล้วก็หันมาเล่นหมี่หยาง พอใจอย่างยิ่ง!
หมี่หยาง “…”
หมี่หยางรู้สึกว่าที่คุณชายไป๋น้อยไม่ไล่เขา เป็นเพราะเห็นเขาเป็นของเล่นไปโดยสมบูรณ์แล้ว!

________________________________________
[1] รถไฟช่วงก่อนยุค 90 ซึ่งสีเขียวบนรถไฟเป็นสีที่มักใช้กันในประเทศที่มีระบบสังคมนิยม เช่น จีน สหภาพโซเวียต

1988 ย้อนเวลารัก ย้อนเวลาเรา

1988 ย้อนเวลารัก ย้อนเวลาเรา

1988 ย้อนเวลารัก ย้อนเวลาเรา
Status: Ongoing
อ่าน 1988 ย้อนเวลารัก ย้อนเวลาเรา เรื่องย่อ เมื่อไป๋ลั่วชวนเพื่อนที่สนิทที่สุดในวัยเด็กกำลังจะหมั้น หมี่หยางจึงไปร่วมแสดงความยินดีทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหินห่างกันไปนานแล้ว ในงาน ไป๋ลั่วชวนเชื้อเชิญหมี่หยางให้ดื่มเหล้า ทำให้เขาเมาหลับไปพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างหนัก แต่ก่อนที่สติจะหลุดลอยไปนั้น เขาได้ยินไป๋ลั่วชวนพูดว่าอยากจะย้อนเวลากลับไป เพื่อเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้ง และเมื่อตื่นขึ้นมาหมี่หยางก็ได้พบว่า ตนเองได้ย้อนเวลากลับมาเป็นทารกในช่วงปี 1988 และได้เริ่มทำความรู้จักกับไป๋ลั่วชวน เพื่อนสมัยเด็กที่อยู่บ้านพักในกรมทหารด้วยกันอีกครั้ง แต่ไป๋ลั่วชวนเวอร์ชั่นทารกคนนี้ไม่ได้มีความทรงจำเหมือนอย่างเขาเลยสักนิด หมี่หยางค่อยๆ เติบโตในค่ายทหารไปพร้อมกับความทรงจำที่มีติดตัวมา แล้วเขาก็ได้รู้ว่า เรื่องราวของการเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้ คือโชคชะตาที่ผูกพันตัวเขากับไป๋ลั่วชวนเอาไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset