ตอนที่ 28 ลูกศรสองลูก
เหว่ยเจียงเหยียนและเฉินหวงตงสั่นกลัวเมื่อเห็นมีดพับ คงจะดีหากพวกเขาถูกปล้นเพราะอย่างมากพวกเขาจะต้องทิ้งทรัพย์สินและคงไม่มีใครได้รับอันตราย แต่จากวิธีที่ชายหนุ่มคนนี้แสดงออกพวกเขาบอกได้เลยว่าเขามีความตั้งใจอื่นสำหรับพวกผู้หญิง
พวกผู้หญิงในห้องพักของเสียวเสี่ยวยกเว้นหวังฮวนนั้นไม่ได้หน้าตาไม่ดีเลย ไม่ต้องพูดถึงเสิ่นซีซีซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในฝ่ายประชาสัมพันธ์ เสียวเสี่ยวอยู่ในทีมวอลเลย์บอลของมหา’ลัยจึงมีรูปร่างที่ดูดีอยู่ตลอด ไม่ต้องพูดถึงสวี่จิ้งเลยเธอเป็นสาวโลลิย่อมดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แล้ว
ปกติแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในมหา’ลัย แต่นี่คือป่า แม้ว่าจะมีคนตั้งแคมป์คนอื่นๆอยู่ในพื้นที่แต่ก็อยู่ไกลจากพวกเขามากเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะขอความช่วยเหลือแต่ก็มีโอกาสอยู่เยอะที่จะไม่มีใครมาถึงที่นี่ได้ทันเวลา
พวกผู้หญิงเริ่มรู้สึกเสียใจที่เลือกมาที่นี่ พวกเขาค้นหาดูแล้วและพบว่ามีหมู่บ้านอยู่ใกล้เคียงทำให้พวกเขาเข้าใจว่ามันปลอดภัย ทำไมพวกเขาถึงโชคร้ายขนาดนี้?
เหว่ยเจียงเหยียนเริ่มทีเหงื่อออกที่หน้าผาก แฟนสาวของเขาอยู่ข้างหลังเขา – เขาไม่สามารถหนีได้ แต่การรู้สึกหวั่นใจเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ เมื่อเด็กหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าหาเขา เหว่ยเจียงเหยียนนิ่งงันและลำคอของเขาแห้งผาก
แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา ก็มีบางสิ่งพุ่งออกมาจากความมืด
เด็กหนุ่มหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ข้างหน้าคือลูกศรที่ปลายฝังลึกอยู่ใต้พื้นดินและลูกศรยังคงสั่นไหวอยู่ นั้นเป็นการยิงด้วยความเร็วพิฆาต
จางเฮงยืนอยู่หน้าเต็นท์ด้วยคันธนูโค้งกลับของเขา เขาไม่ได้หยุดหลังจากยิงนัดแรก เขาดึงลูกศรที่สองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ เหว่ยเจียงเหยียนและคนอื่นๆจะส่งเสียงเชียร์เขา ลูกศรที่สองก็ยิงข้ามไปไกลเป็นโยชน์และปักเข้าไปที่ต้นไม้ต้นเล็กๆที่อยู่ไกลออกไป
เพื่อนของจางเฮงรู้สึกท้อใจ พวกเขาคิดกับตัวเองว่ามันคงจบแล้ว พวกเขาหวังว่าการลูกธนูนั้นจะทำให้ผู้บุกรุกหวาดกลัว แต่พวกเขาไม่คาดหวังว่าจางเฮงจะเลิกเล่นเกมรวดเร็วขนาดนี้
เด็กหนุ่มคนนั้นผงะหลังจากเห็นลูกศรแรก ประเทศที่มีการควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวด ดังนั้นในการทำอะไรๆโดยทั่วไปแล้ว ธนูและหน้าไม้ก็ถือเป็นอาวุธระยะยาวที่ทรงพลังที่สุดที่ผู้คนเข้าถึงได้ เขาคิดไว้แล้วว่าจะมีนักธนูในกลุ่มนี้
แต่ช็อตที่สองนั้นพลาดไปไกลเลย อย่างน้อยก็ 2-3 เมตร
หรือครั้งแรกจะเป็นเพราะโชคช่วย?
เด็กหนุ่มหันไปรอบๆอย่างไม่รู้ตัวเพื่อดูว่าลูกศรอันสุดท้ายนั้นไปปักลงที่ไหนและได้รับการเตือนในทันทีเพราะเพื่อนของเขานั้นซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ต้นนั้น
“สองนัดแรกนี้เป็นแค่การเตือน ถ้ายังไม่ไป ลูกที่สามได้เข้าเลือดแกแน่” จางเฮงพูดอย่างสงบ
สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
เด็กหนุ่มอยู่ห่างจากเหว่ยเจียงเหยียนและเฉินหวงตงประมาณ 3 – 4 เมตร เขากำลังคิดคำนวณอยู่ในหัวของเขาหากเขาสามารถคว้าตัวคนใดคนหนึ่งได้ในฐานะตัวประกัน แต่เขาก็มีความคิดที่สองเพราะไม่แน่ใจว่าจางเฮงจะทำจริงหรือเปล่า
ในท้ายที่สุดเขาเลือกที่จะทิ้งมีดออกและยกมือขึ้น “ฉันขอโทษที่ขัดจังหวะ ดูเหมือนว่าเพื่อนๆและฉันจะต้องไปหาเพื่อนที่อื่นแล้วแหละ”
เขาจ้องมองไปที่จางเฮงขณะที่เขาพูดแล้วค่อยถอยห่างออกไปจนหายตัวไปในความมืดระหว่างต้นไม้
…
ถึงเหตุการณ์นั้นจบลงแต่คงไม่มีใครมีอารมณ์กินอาหารต่อ พวกเขาเก็บของอย่างรวดเร็วและต้องการออกจากที่นั้น แต่ไม่มีแท็กซี่ในย่านแถบชานเมืองแบบนี้ เสียวเสี่ยวยังคงกังวลว่าชายแปลกหน้าจะไปก่อกวนแคมป์อื่นๆ หนึ่งในนั้นจึงเรียกตำรวจในขณะที่คนอื่นๆเดินไปรอบๆเพื่อแจ้งนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ
เสิ่นซีซีอ้าปากกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ตัดสินใจไม่พูดมันออกไป
หลังจากอันตรายสิ้นสุดลง ผู้หญิงคนอื่นๆก็มารวมตัวกันรอบๆจางเฮง
สวี่จิ้งเอ่ยปากออกมาและพูดว่า “นั่นเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากเลยนะ เพื่อนจาง ฉันคิดว่านายหนีไปเพราะกลัว ที่ไหนได้กลายเป็นว่าไอรอนแมนกำลังใส่ชุดเกราะของเขาต่างหาก”
เฉินหวงตงเข้าร่วมวงสนทนา “พี่ใหญ่ ฉันต้องบอกเลยว่าฉันประทับใจจริงๆ! ถึงนัดที่สองจะพลาดไป แต่นายยังยืนอยู่ตรงนั้นและขู่เขาอย่างกล้าหาญ นับถือ นับถือ”
“เห็นได้ชัดเลยว่าพวกผู้บุกรุกนั้นกลัวง่ายมากๆ แค่พวกนั้นเห็นนายถือคันธนูออกมาและมันก็วิ่งหนีร้องขอชีวิตแล้ว! แต่ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นจริงๆนะ! ฉันกลัวจนเกือบตายแน่ะ” เสียวเสี่ยวที่รู้สึกโล่งใจมากแล้วกล่าวต่อ
“เพื่อเป็นการขอบคุณฮีโร่ของเรา ฉันตัดสินแล้วที่จะให้นายได้หมั้นกับหญิงสาวที่สวยที่สุดในหอพักให้พวกเรา!” สวี่จิ้งกล่าวสรุปเอาเอง และทันใดนั้นเธอก็โดนตบเข้าที่หัว! แต่หลังจากนั้นเสิ่นซีซีก็ขอบคุณจางเฮง
หลังจากบอกคนอื่นๆที่อยู่อย่างกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณตั้งแคมป์นั้นแล้ว ก็กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นตามระเบียบ
จางเฮงวางธนูลงแล้วเปิดกระเป๋าเป้สะพายหลังขึ้น เขาแจกขนมให้ทุกคนเพราะคงจะไม่ได้ทำอาหารอีกต่อไป
สวี่จิ้งพูดพึมพำในขณะที่กัดกัดคัสตาร์ดของเธอว่า “ช่างเป็นวันที่เต็มไปด้วยเรื่อง! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันตั้งแคมป์และอาจเป็นครั้งสุดท้ายของฉัน!”
ด้วยอาหารที่เต็มท้องพวกเขารู้สึกดีขึ้นมาก และพวกเขาเริ่มพูดคุยถึงสถานการณ์อันตรายที่พวกเขาเพิ่งประสบเมื่อไม่นานมานี้
อยู่ๆเสิ่นซีซีก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวว่า “จางเฮง ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
“อืมมม ”
ทั้งคู่ก้าวออกไปจากสายตาอันสับสนของหมู่เพื่อน
เสิ่นซีซีขอบคุณจางเฮงอีกครั้งสำหรับเรื่องคืนนั้น และกล่าวว่า “นายสังเกตเห็นไหม?”
“สังเกตอะไรเหรอ?”
“ผู้ชายคนนั้นดูไม่เหมือนเขาจากหมู่บ้านแถวนี้เลย เขาน่าจะมาจากเมืองเหมือนพวกเรา”
“เธอกำลังจะบอกว่าคนที่มาที่นี่คืนนี้ นั้นมาเพื่อหาผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ ถ้าเขาเตรียมตัวมา เขาจะไม่แต่งตัวแบบนั้น รองเท้าที่เขาใส่คือ Adidas Coconut 500 อย่างต่ำๆก็ 2,000 หยวนขึ้นไปแล้วสำหรับของแท้! เขาจะไม่น่าจะเต็มใจใส่มาที่นี่และทำให้รองเท้าผ้าใบเสี่ยงเป็นรอยจากการโดนขีดข่วนจากกิ่งไม้หรือก้านไม้ นอกจากนี้ตอนที่เขาพูดเขาก็ยังชอบเกาคออีกต่างหาก เขาต้องโดนยุงกัดมาเยอะมากแน่ๆ! ถ้าเขาเตรียมเรื่องพวกนี้ไว้ล่วงหน้าและเขาไม่ได้ป้องกันมันก็คงจะประมาทเกินไป เพราะฉะนั้นมีโอกาสเป็นไปได้มากเลยว่าเขาตัดสินมาที่นี่ในช่วงนาทีสุดท้าย”
“นั่นเป็นการสังเกตที่ละเอียดมาก!” จางเฮงดูประหลาดใจ “คนส่วนใหญ่คงไม่สังเกตเห็นรายละเอียดมากมายขนาดนี้ในสถานการณ์แบบนั้น!”
“นายไม่เป็นเหมือนกันเหรอ?” เสิ่นซีซีตอบเบาๆ
“ฉันไม่ได้สังเกตอะไรเลย” จางเฮงส่ายหัว “ฉันไม่ได้รู้เรื่องรองเท้ามากนัก ฉันมัวแต่สนใจกับเพื่อนๆของเขาที่อยู่ในป่า ฉันไม่ได้สังเกตการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆของเขา ถ้าเธอไม่ได้พูดถึงมันฉันก็คงจะไม่รู้จริงๆ”
เสิ่นซีซีตกใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นทำไมนายถึงจับตาดูหวังฮวนล่ะ?”
“เพราะตอนที่ชายคนนั้นโผล่มา เธอดูมีปฏิกิริยารุนแรงเกินไป ทุกคนเป็นนิ่งหมดด้วยความตกใจและหวาดกลัว แต่เธอก็ตกใจกลัวมากเกินไป หลังจากชายคนนั้นออกไปทุกคนก็โล่งใจมาก แต่เธอก็ดูน่ากลัวขึ้นแทน”
เสิ่นซีซียิ้มรับอย่างขมขื่น “นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่เห็นด้วยตอนที่พวกเขาเรียกตำรวจ”
“แม้ว่าเธอจะทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตรายแบบคืนนี้อย่างงั้นเหรอ?”
“หวังฮวนบอกว่าเธอมีปัญหา เฉิงเฉิงข่มขู่เธอโดยบอกเธอว่าหากเธอไม่ช่วย เขาต้องการให้เธอคืนเงินค่าลิปสติกให้เขา พ่อแม่ของเธอถูกปลดออกจากงานไปได้พักหนึ่งและเธอมีน้องชายอยู่ที่บ้าน และอย่างที่นายว่าเธอไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปเป็นแบบนี้ เธอแค่ส่งที่อยู่ที่เราตั้งแคมป์ไปให้เฉิงเฉิงเท่านั้น เธอคิดก็แค่ว่าเขาคงอยากมาเที่ยวกับพวกเราเท่านั้นเอง เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีคนโผล่ออกมา เธอหวาดกลัว…กังวลว่าตำรวจจะรู้เรื่องเข้า”
“เธอตัดสินใจก็แล้วกัน” จางเฮงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้ใหญ่กันทุกคน พวกเขาต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป สถานภาพและสถานการณ์ครอบครัวของเธออาจชักจูงให้เธอประพฤติเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีข้อแก้ตัวสิ่งผิดๆที่เธอไปทำลงไป! ให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมา: สังคมอาจไม่ได้เป็นของคุณ แต่คุณก็ไม่สามารถฆ่าคนในโรงเรียนอนุบาลหรือเผาระบบขนส่งสาธารณะด้วยไฟแบบนี้!
แต่อย่างไรก็ตามเสิ่นซีซีก็คือเป้าหมาย ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำอะไรก็ขึ้นอยู่กับเธอ จางเฮงไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
สำหรับเฉิงเฉิง เขาก็พอจะคิดออกว่าผู้ชายแบบนี้จะกำลังเล่นเกมประเภทไหนอยู่ ก็ทำนองนั้น … เนื่องจากความประทับใจของเสิ่นซีซีที่มีในตัวเขาลดลง เขาอาจจะอยากเล่นเป็นฮีโร่และช่วยหญิงสาวให้พ้นจากความทุกข์ ด้วยความยุ่งยากจากการกำกับละครเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพื่อให้เกิดเรื่องราวแบบนั้นขึ้น แต่ปรากฏว่าชายผู้นี้ประเมินสติปัญญาของเสิ่นซีซีต่ำเกินไป
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
เสิ่นซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ฉันไม่ใช่คนประเภทที่เอาแต่ให้อภัย – หวังฮวนสัญญาว่าจะย้ายออกจากห้องตอนที่เรากลับไป และเราคงจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมใดๆกันอีก มันคงจะเป็นไปอย่างนั้นแหละ อีกอย่างนายน่ะ ต้องระวังตัวให้มากๆนะ เฉิงเฉิงคงจะไม่อยากทำอะไรผิดกฎหมาย แต่เขาน่าจะไม่มีปัญหาถ้าจะทำมัน อืม มันคงจะดีถ้านายไม่ต้องออกจากมหา’ลัยไปก่อน เดี๋ยวฉันช่วยนายคิดหาทางออกเอง!”