48 Hours a Day ตอนที่ 46 โตเกียวดริฟท์ XVI
ตอนที่ 46 โตเกียวดริฟท์ XVI
อามิโกะเจอผ้าห่มขาดรุ่งริ่งอยู่ที่ด้านหลังรถตู้ เธอหยิบผ้าห่มนั้นไปคลุมไว้บนตัวพ่อของเธอที่กําลังนอนหลับไหลอยู่ เธอขอบคุณจางเฮงและกระโดดลงจากรถ
“นายกําลังจะบอกว่านั่นเป็นเรื่องโกหกเหรอ?”
“เปล่าหรอก ฉันแค่คิดว่ามีบางส่วนจากเรื่องทั้งหมดที่เขาเล่ามาที่เราต้องคิดทบทวนดูให้ดี” จางเฮงล็อคประตูรถยนต์แล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต “เรื่องที่ฉันสงสัยมากที่สุดก็คือทัศนคติของโอนิฮิโตมิที่มีต่อเขา ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ และอาซาโนะนาโอโตะก็ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล และบอกลุงตัวเองเกี่ยวกับการแข่งขัน มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยที่โอนิฮิโตมิจะไม่ไปตามหาเขา ความต้องการแก้แค้นน่ะจะรุนแรงที่สุดก็ตอนที่เพิ่งจะมีคนในครอบครัวตายไปไม่นาน”
“อืมม บางทีพวกนั้นอาจจะแค่ตามหาไม่เจอ? พ่อใช้ชีวิต แบบปกปิดตัวตนหลังจากอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าอย่างงั้นเธอจะอธิบายก้อนหินที่ถูกโยนเข้าไปในหน้าต่างของเขา ในอีก 6 ปีต่อมาว่ายังไง?” จางเฮงกล่าวว่า “โดยเฉพาะคําเตือนที่เขียนด้วยเลือด – ขอโทษนะที่ต้องพูดตรงๆ แต่สํานวนการเขียนแบบนั้นไม่ได้ดูเหมือนภาษาที่องค์กรเข้มงวดอย่างโกคุโดจะใช้เลย”
อามิโกะครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพื่อนเธอพูด “ฟังดูเหมือนนายจะพูดถูก แต่ฉันมั่นใจนะว่าคนที่เผาร้านและลักพาตัวฉันคือโอนิฮิโตมิ”
จางเฮงส่ายหัว “เหมือนกัน เวลาที่พวกนั้นโผล่มาแปลกเกินไป ตั้งกว่า 20 ปีแล้วจากอุบัติเหตุบนทางหลวงครั้งนั้น ทําไมพวกเขาถึงเลือกที่จะมาแก้แค้นกันตอนนี้? แล้วใครคือคนปริศนาที่เรียกเขามา? บางคนของโอนิฮิโตมิ? ทําไมถึงช่วยพ่อของเธอ? พ่อของเธอไม่ได้โง่ เขาคงจะสังเกตเห็นปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว แต่สมองของเขาไม่ได้คิดเลย! นั่นเป็นสาเหตุที่เราต้องมาสืบเรื่องนี้”
“แต่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนั้นจากเรื่องคราวนั้นเลยนะ” อามิโกะพูดอย่างร้อนรน
“ไม่หรอก ตอนนี้เราใกล้จะประสบความสําเร็จแล้ว ถ้าอาซาโนะ นาโอโตะตื่นจากอาการโคม่า พยาบาลและหมอที่ดูแลเขาจะต้องรู้ว่าใครมาเยี่ยมเขาบ้าง เราแค่ต้องตามหากลุ่มแพทย์ที่รักษาเขา เพื่อตามหาว่าเขาได้คุยกับใครในช่วงเวลานั้น” จางเฮงเข็นรถเข็นช้อปปิ้งไปยังชั้นวางเทป “แต่ก่อนอื่นเลย เราต้องทําให้พ่อของเธอเงียบซะก่อน”
พวกเขาซื้อเทปสีดํา 10 ม้วนและเชือกปีนเขา 2 มัด และเอามันกลับไปที่รถมินิแวน แล้วจึงมัดทาเคดะเท็ตสึยะเอาไว้ จางเฮงขับรถ L300 ไปยังอพาร์ตเมนต์ตามคําบอกทางของอามิโกะ
“นี่คือบ้านของลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธอเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินระหว่างประเทศ เธอไม่ค่อยกลับบ้าน และเธอเอากุญแจมาให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ช่วยรดน้ําต้นไม้ที่ระเบียงเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันว่าง คงไม่มีใครหาที่นี่เจอ” อามิโกะกล่าวขณะที่เธอกําลังเปิดประตู
เป็นอพาร์ทเมนท์ขนาดเล็ก แต่มีอุปกรณ์ครบครันที่ตกแต่งเรียบร้อยและได้รับการดูแลอย่างดี
จางเฮงลากทาเคดะเท็ตสึยะ คนที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มไปวางไว้บนเตียง ความมึนจากการถูกตีหัวด้วยถ้วยซุปเริ่มจางหายลงไปแล้ว ตอนนี้ชายคนนั้นเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในอพาร์ทเมนต์ เขาเปิดตากว้างและปากที่ถูกปิดด้วยเทปพยายามที่จะพูด
“ถึงลุงจะอยากออกไปแสวงหาความตายจริงๆ แต่ลุงต้องให้เวลาพวกเราหน่อย อย่างน้อยก็อย่าเพิ่งตายอย่างน่าสงสัยแบบนี้ ไม่ยังงั้นการเสียสละของโคบายาชิก็จะไม่มีค่าอะไรเลย”
จางเฮงไม่สนใจว่าเจ้าของร้านอาหารทะเลจะสนใจคําแนะนําของเขาหรือไม่ ตราบใดที่เขายังคงถูกห่อตัวเอาไว้เหมือนกับเกี๊ยว เขาก็ทําอะไรไม่ได้แม้แต่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม
อามิโกะขอโทษพ่อของเธอ และด้วยความช่วยเหลือของจางเฮง พวกเขาจึงใช้เชือกที่เหลือมัดทาเคดะเท็ตสึยะไว้กับบนเตียงเพื่อไม่ให้เขากลิ้งออกไป เมื่อพวกเขาจัดการเสร็จสิ้น พวกเขาขับรถไปที่โตเกียวโทริทสึโทโชกังซึ่งเป็นห้องสมุดสาธารณะที่ตั้งอยู่ที่มินามิ-อาซาบุเมืองมินาโตะสร้างขึ้นในปี 1973 โดยมีปริมาณที่มีอยู่รวมประมาณ 1.8 ล้านเล่ม และเปิดให้ประชาชนได้ใช้โดยไม่ต้องเสียเงินเลย
จางเฮงและอามิโกะมาตามหาบทความในหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุการแข่งรถบนทางหลวงที่ทําให้ชายหนุ่ม 2 คนเสียชีวิต ช่างเป็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม
หนังสือพิมพ์รายใหญ่เกือบทุกเล่มกล่าวถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเพียงค้นหาบทความที่เกี่ยวข้องในวันที่เดียวกัน
อามิโกะเปิดเพียงกระดาษแผ่นที่ 2 เธอก็เจอคุโระเบะ ซาบุโร่ แพทย์ผู้ดูแลอาซาโนะ นาโอโตะ อาซาฮี ชิมบุน”
มีบทสัมภาษณ์ของเขา
จางเฮงค้นชื่อเขาบนอินเทอร์เน็ต และพบว่าดร.คุโรเบะซาบุโร่ได้ลาออกจากตําแหน่งในโรงพยาบาลของรัฐ และกลายมาเป็นรองประธานของโรงพยาบาลเอกชน – นี่เหมือนจะเป็นปัญหานิดหน่อย คนในระดับนี้ยุ่งมากและรอบคอบมาก ไม่มีทางเข้าถึงตัวได้เลย
อามิโกะดูหนังสือพิมพ์อีกเป็นสิบๆฉบับที่ลงวันเดียวกันและยังเจอบทความที่สแกนอยู่ในระบบของห้องสมุด ในที่สุดเธอก็พบบางอย่างใหม่จากแท็บลอยด์ท้องถิ่นที่ถูกยกเลิกไปแล้ว “จางชัง นายคิดว่าสิ่งนี้มีประโยชน์ไหม?”
เธอเขยิบออกไปข้างๆเพื่อให้เพื่อนได้มองที่หน้าจอ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจางเฮงไม่เพียงแต่ฝึกฝนสกิลการขับขี่เท่านั้น แต่เขายังเรียนรู้ด้านภาษาด้วย นอกเหนือจากการตั้งใจเข้าคลาสเรียนเขายังใช้เวลาทุกนาทีเพื่อจดจําคลังคําศัพท์ของเขา ในที่สุดความพยายามอย่างหนักของเขาก็เห็นผล ตอนนี้เขาสามารถสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นได้และตราบใดที่คําศัพท์ที่ใช้ในหนังสือพิมพ์ไม่ได้เป็นศัพท์เทคนิคมากเกินไป เขาก็เข้าใจได้เกือบทั้งหมด
“ฮายามิ ริงโกะ เธอเป็นพยาบาลเหรอ?” จางเฮงถูกดึงดูดไปหาหญิงชราที่ท่าทางดูเข้มงวด
“ใช่ เธอทํางานที่โรงพยาบาลมา 32 ปีแล้ว มันเขียนว่าอาซาโนะ นาโอโตะอยู่ในขั้นวิกฤติตอนที่เขาถูกแอดมินมา และเพราะว่าเธอเป็นพยาบาลที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโรงพยาบาล เธอจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลเคสของเขา อดหลับอดนอนไป 2 วัน 2 คืน น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดพวกเขา ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แต่ถ้าเราดูจากอายุของเธอ ตอนนี้เธอน่าจะเกษียณแล้ว”
“ไปหาดร.คุโระเบะ ซาบุโร่กันก่อน ถ้าไม่เจอ เราจะต้องไปหาฮายามิริงโกะ” จางเฮงตัดสินใจแล้ว
อย่างที่คาดการณ์เอาไว้ว่าคงไม่ง่ายเลยที่จะได้เจอกับคุโระเบะ ซาบุโร่ ในฐานะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโตเกียวเบอร์ 1 ที่แตกต่างกันของเขาถูกเผยแพร่ออนไลน์ แต่คนที่รับสายนั้นคือเลขาสาวของเขา
แม้ว่าคนที่อยู่ปลายสายอีกด้านหนึ่งนั้นจะพูดจาอย่างสุภาพ แต่เธอก็ยังคงยืนยันและไม่ยืดหยุ่นในการจะนัดหมายให้กับพวกเขาไม่ได้ ตารางเวลาของท่านประธานคุโรเบะซาบุโระถูกจองเต็มจนถึงสิ้นเดือน จางเฮงและอามิโกะตัดสินใจที่จะรอหมอคนนี้อยู่ที่หน้าตึกโรงพยาบาลที่เขาทํางานอยู่ หลังจากรอมา 2 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็เจอตัวหมอจนได้
เจอกันเพียงไม่กี่นาที คุโระเบะ ซาบุโร่อ้างว่าเขาจําไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในปีนั้น หลังจากถามคําถามไป 1-2 คําถาม เขาก็ดูเหมือนหงุดหงิดแล้ว เขาเปิดประตูรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดําออก เขาตะโกนว่า “ถ้ายังมีอะไรอีก คุณโทรหาเลขาของผมเอาแล้วกัน ผมมีนัดกับเพื่อนจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม”
จางเฮงไม่ได้กดดันชายคนนี้เพื่อข้อมูลอะไรเพิ่มเติม คุโระเบะซาบุโร่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างทาเคดะเท็ตสึยะ ถ้าเขาหายไปหรือถูกบังคับให้สารภาพ นั่นคงจะดึงดูดความสนใจมาอย่างมากเลยทีเดียว แถมชายคนนี้ยังอาจจะจําเหตุการณ์ไม่ได้อีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญอย่างเขาบางครั้งอาจต้องทํางานมากกว่า 10 เคสในหนึ่งวัน หลังจากออกจากโต๊ะผ่าตัด เขาอาจจะเหนื่อยมากจนลืมชื่อตัวเองไปก็ได้
อามิโกะได้แต่มองรถ เมอร์เซเดสเคลื่อนตัวจากไปง แล้วเธอจึงหันไปหาจางเฮง “แล้ว ตอนนี้เอาไงต่อ?”
“มาลองไปหาฮายามิ ริงโกะกันเถอะ เธอทํางานให้โรงพยาบาลมานานหลายทศวรรษ ต้องมีคนรู้แน่ๆว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหนหลังจากเกษียณแล้ว”
ห้าง
อาซาฮี ชิมบุน – หนังสือพิมพ์ประจําชาติของญี่ปุ่น