48 Hours a Day – ตอนที่ 53 มอร์สบี

ตอนที่ 53 มอร์สบี

 

เสิ่นซีซีนั่งอยู่คนเดียวของหน้าต่าง อ่านหนังสืออย่างตั้งใจ แสงแดดอันอบอุ่นส่องลงมาตกกระทบที่ใบหน้าของเธอ ทําให้เธอเปล่งประกายจนถึงจุดที่ชายหนุ่มบางคนที่นั่งอยู่ใกล้แถวนั้นไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ

 

จางเฮงตั้งใจก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ด้วยความหวังว่าเสิ่นซีซีจะมองขึ้นมาเห็นเขาโบกมือให้เธอ

 

เมื่อเธอเห็นเขา เสิ่นซีซีก็วางหนังสือในมือของเธอลงและเผยรอยยิ้ม เนื่องจากพวกเขาอยู่ในห้องสมุด พวกเขาจึงต้องอยู่ในความเงียบสงบ เพราะไม่อนุญาตให้ส่งเสียงคุยกันในนี้ พวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อกัน

 

จางเฮงเจอหนังสือเล่มที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงโบกมือลาเธอ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกมาห้องสมุด สายตาของเขาก็พลันไปสบกับหน้าหนังสือที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งของเสิ่นซีซี มองเห็นหัวข้อเรื่องว่า “บุคลิกภาพของอาชญากร”

 

แน่นอนว่า อย่างคนที่เคยอ่าน “Bill of Quantitates for Water Drainage, Heating, and Gas Engineering” เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะตั้งคําถาม เกี่ยวกับความชอบส่วนตัวในการอ่านหนังสือของคนอื่นหรอก

 

แต่จางเฮงต้องยอมรับเลยว่างานอดิเรกของผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการสังเกตุและทักษะในการใช้เหตุผลอย่างไม่น่าเชื่อของเธอ หรือเธอวางแผนไว้ว่าจะทํางานในหน่วยงานสืบสวนอาชญากรอย่างนั้นเหรอ? แต่แล้วก็อย่างเคย เธอน่ะเรียนในสาขาประชาสัมพันธ์

 

เขารู้จักกับเสิ่นซีซีแต่ก็ยังไม่ได้สนิทกัน แล้วก็ไม่ได้จะไปยุ่งกับการเลือกดําเนินชีวิตของคนอื่นด้วย เพราะแบบนั้นจางเฮงจึงเดินไปที่ชั้นอื่นเพื่อเข้าเรียน ถึงเขาเองจะตกใจที่เสิ่นซีซีสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนคดีอาชญากรรม

 

ระหว่างนั้น เขามาถึงที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารเย็น จากนั้นก็อยู่ในห้องสมุดจนกว่ามันจะปิด และเนื่องจากเขาต้องกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง เขาจึงไม่ได้หยิบหนังสือแกรมม่ามาด้วย และวางมันไว้ที่ชั้นวางหนังสือ

 

เมื่ออาบน้ําอาบท่าและแปรงฟันเสร็จแล้ว จางเฮงก็เช็คกล่องข้อความเข้าในอีเมลล์ มีเมลล์จากชมรมถ่ายภาพที่ส่งมาหาเขาว่าผลงานของเขานั้นอยู่ในรายชื่อของการแข่งขันในธีม “ความประทับใจในเมืองใหญ่” ซึ่งจะต้องเข้าสู่ส่วนการตัดสินเลือกรูปภาพ แล้วเขาจะรู้ผลในอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์

 

เมื่อเร็วๆนี้เขายุ่งมากจนเกือบลืมเรื่องทั้งหมดนี้ไป เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อดูว่าเขาค้นพบมากแค่ไหน แค่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกการแข่งขันนั้นก็เท่ากับความคาดหวังของเขาแล้ว สําหรับเรื่องการได้เงินและรางวัล มันก็คงจะเป็นเรื่องดียิ่งขึ้นไปอีกหากเขาได้มันมา แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ เขาก็ไม่เป็นอะไร

 

จางเฮงเลื่อนดูฟอรัมและโพสต์บนโทรศัพท์ของเขาเพื่อฆ่าเวลา เที่ยงคืนผ่านมาอย่างรวดเร็วและความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วเมือง เขาแต่งตัวและกําลังจะไปห้องสมุดในตอนที่เขาสังเกตเห็นว่ามีคนส่งข้อความมาหาเขา

 

มันเป็นข้อความจากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย:

 

“ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ! มาพบฉันในที่ที่เราเจอกันครั้งแรก”

 

นี่เป็นข้อความแรกที่เขาเคยได้รับข้อความในห้วงเวลาหยุดนิ่ง เป็นเวลาหลายคืนจนนับไม่ถ้วน ที่เขาเป็นคนเดียวที่สามารถท่องไปรอบๆเมืองที่หลับใหลได้ ในขณะที่ทุกคนนิ่งชะงักหยุดอยู่ ณ เวลานั้น ทันใดนั้นร่างในชุดถังและหมวกฟีโดราก็โผล่เข้ามาในความคิดของจางเฮง ทุกสิ่งเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับเขาจนถึงตอนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับชายชราแปลกหน้าแน่นอน ถ้ามีใครสักคนที่สามารถเข้ามาในโลกนี้ได้ก็คงจะเป็นผู้ชายคนนั้น จากรูปลักษณ์ของข้อความดูเหมือนว่าเขาก็มีปัญหาเช่นกัน

 

จางเฮงเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาของเขาและออกไปหยิบคันธนูโค้งของเขาจากสนามยิงธนู จากนั้นซื้อมีดขนาดเล็กจากร้านขายเครื่องกีฬากลางแจ้งที่อยู่ติดกันและมัดมันไว้ที่เอวของเขา หลังจากเสร็จสิ้นเขาก็กระโดดขึ้นจักรยานสาธารณะสีเหลืองและปั่นจักรยานไปที่เมดคาเฟ่

 

ประตูทางเข้าของห้างสรรพสินค้านั้นไม่ได้ล็อกอยู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง และมีแสงส่องออกมาจากข้างใน จางเฮงยกคันธนูของเขาขึ้นมาและติดอาวุธด้วยลูกธนู ค่อยๆย่างก้าวอย่างระมัดระวังและเงียบที่สุดเท่าที่จะทําได้

 

“ฉันชอบร้านชานมที่ชั้นสองมากเลยนะ แต่ร้านนั้นแถวยาวตลอดเลย! ไม่ค่อยว่างเหมือนตอนนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ อย่างน้อยก็ต้องมีสักคนมาทําชานมให้ฉันสักแก้ว บางทีชีวิตก็แบบนี้ มันยากที่จะพบสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองโลก” ชายชราในชุดถังถอนหายใจ เขานั่งอยู่บนราวบันไดเลื่อนที่หยุดนิ่ง เขาแต่งตัวแบบเดียวกันกับวันที่ พวกเขาพบกันครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อน อย่างไรก็ตามครั้งนี้เขาสวมหมวกเบสบอลแทนหมวกทางการนั้น นอกเหนือจากนั้นอย่างอื่นๆก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ

 

ชายชราถือถุงเอ็มแอนด์เอ็ม ที่เขาฉีกมันเปิดออกก่อนที่จะเทขนมข้างในครึ่งหนึ่งเข้าปาก

 

จางเฮงลดธนูของเขาลงแล้วกล่าวว่า “ขอโทษที่ผมต้องพูดแบบนี้นะ แต่คุณไม่ได้ดูเหมือนคนกําลังต้องการความช่วยเหลือเลย”

 

“เชื่อฉันเถอะ ฉันใส่ใจความเป็นส่วนตัวของเธอมากกว่านายจ้างทุกคนที่เธอเจอที่นี่ซะอีก ฉันคงไม่มาหาเธอถ้าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรอกนะ” ชายชรากล่าวขณะที่เขาเคี้ยวเอ็มแอนด์เอ็ม

 

“จริงจังใช่ไหมเนี่ย?”

 

“เราจะคุยเรื่องนั้นระหว่างทาง เรามีเวลาไม่มากแล้ว” ชายชราเทขนมเคลือบช็อกโกแลตที่เหลือเข้าปากแล้วลุกขึ้น “ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยนะ: ตอนนี้เธอน่าจะเล่นเกมไปแล้ว 2 รอบ เธอได้รับสกิลประเภทไหนมาบ้างล่ะ?”

 

“สกิลการเอาตัวรอดในป่า สกิลการยิงธนูและสกิลการขับรถ” จางเฮงบอกสกิลเลเวล 2 ทั้งหมดของเขา

 

“นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่เดียว เธอคงจะกําลังได้ใช้มันเร็วๆนี้แหละ เอาล่ะตอนนี้ หาม้าเราก่อน – โอ้ โทษที นิสัยเก่าแก้ยาก – ไปที่รถกัน” ชายชราโยนกุญแจรถให้จางเฮง “รถ Audi A6 สีดํา จอดอยู่ที่จอดรถ B34 ลงไปชั้นหนึ่ง ฉันสัญญาว่าฉันจะบอกทุกอย่างให้เธอฟังในรถ ”

 

จางเฮงลงลิฟต์ไปที่ลานจอดรถและสามารถหารถได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดช่องเก็บของเขาก็เห็นใบอนุญาตขับขี่ของคนที่แต่งตัวประหลาดชื่อหวัง เจียนกัว เห็นได้ชัดเลยว่านั่นไม่ใช่ของชายชราผู้ชายในภาพดูอ่อนกว่าอย่างน้อย 20 ปี

 

ชายชรากําลังรอจางเฮงอยู่ที่ทางเข้าด้านหน้าของห้างสรรพสินค้า พร้อมถือกระเป๋าเดินทางพังๆหนึ่งกระเป๋าดูเหมือนเขาเพิ่งหนีออกมาจากบ้านพักคนชรา จางเฮงขับรถไปด้านหน้า แล้วชายชราก็เข้ามานั่งที่เบาะหลัง

 

“อย่าถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้เลยนะ เธอคงเคยทําบางอย่างในเกมที่เธอไม่เคยทํามาก่อนในโลกแห่งความเป็นจริงใช่ไหม? ถ้าพิจารณาถึงศัตรูที่กําลังจะได้เผชิญหน้า เธอคงไม่อยากให้ฉันนั่งอยู่ข้างหน้าระหว่างการต่อสู้ของเราหรอกนะ”

 

” ศัตรูอะไร?” จางเฮงเอ่ยถาม

 

“มีชนเผ่าหนึ่งที่ชื่อว่าอัลคิซในปาปัวนิวกินี บรรพบุรุษของพวกเขาเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งและต่อสู้กับชนเผ่าฮูลิที่เป็นผู้ครอบครองเกาะแต่ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินอะไร ทั้งสองฝ่ายชนะและแพ้ แม้ว่าทหารของอัลคิซจะแข็งแกร่งและกล้าหาญมาก แต่ละคนก็มีพละกําลังมากพอๆกับชายสิบคนรวมกัน แต่ปัญหาประชากรน้อยลงก็พัฒนาขึ้นเมื่อสงครามดําเนินต่อไป หากมีคนเผ่าอัลคิซ 1 คนจะมีคนจากเผ่าฮลิ 20 คน หากพวกเขายังคงลดจํานวนลงแบบนี้ ต่อไปในไม่ช้าพวกเขาก็จะถูกกําจัดออกไป และด้วยความสิ้นหวังอัลคิซจึงสวดอ้อนวอนบูชาต่อสัตว์ประหลาดที่เรียกว่ามอร์สบี

 

“พวกเขาถวายคนแก่ที่อ่อนแอและพิการเป็นเครื่องสังเวยแก่มอร์สบี และเป็นการตอบแทน สัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ทําให้เด็กเผ่าอัลคิซโตขึ้นกลายเป็นชายฉกรรจ์ ในช่วงเวลาเพียงสองสามเดือนเพื่อที่พวกเขาจะได้มีกองทหารเพิ่มขึ้นอีกจํานวนหนึ่ง โชคยังดีที่ในท้ายที่สุดชนเผ่านั้นก็ถูกชนเผ่าฮูลิทําลายลง ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมอร์สบี โทเทมของมันและแท่นบูชาทั้งหมดก็ได้ถูกทําลายลง ตามสถานการณ์ทั่วไปแล้ว นั่นหมายความว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ถูกกําจัดออกไปด้วย

 

“แต่อย่างไรก็ตาม – ฉันเกลียดที่จะตอนพูดแบบนี้มาก แต่มอร์สบีเป็นสัตว์ประหลาดที่มีคุณสมบัติด้านเวลา ทําให้เป็นเรื่องยากมากที่จะกําจัดมันให้หมดสิ้นไป ท้ายที่สุดแล้วมันพบวิธีที่จะปิดผนึกตัวเองในช่วงเวลาสั้นๆ หลีกหนีจากความตาย แน่นอนว่าในทางหนึ่งเธอสามารถพูดได้ว่ามันตายไปแล้ว และติดอยู่ในนั้น มานานกว่า 20,000 ปี ทําให้มันดํารงอยู่อย่างอ่อนแอจนกระทั่ง เอ่อ ดุลยภาพพังลง” ทันใดนั้นชายชราก็เงียบลงพร้อมกับจ้องมองไปยังจางเฮง

 

จางเฮงเต็มไปด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ “นี่คุณล้อเล่น ใช่มั้ย?!”

 

ชายชราถอยหายใจอีกครั้ง “ช่างโชคร้าย ตอนที่ฉันให้ของขวัญเธอ ฉันบังเอิญทําให้เวลาเสียสมดุลและปล่อยให้สิ่งมีชีวิตนั้นออกมา”

 

48 Hours a Day

48 Hours a Day

48 Hours a Day
Status: Ongoing
เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset