ถึงแม้ว่าลัวเซิงจะหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกเสียใจอย่างที่ประธานฟ่านว่าไว้ ต่อให้เขาไม่รู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมา เขาก็ยังยืนกรานในการตัดสินใจของตัวเอง
ในไม่ช้าลัวเซิงก็เก็บของ เตรียมมุ่งหน้าไปที่กองถ่าย ทว่าอยู่ๆ ฝ่ายผลิตกลับประกาศเลื่อนการถ่ายทำออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะปัญหาด้านงบประมาณ
เมื่อได้ยินดังนั้นลัวเซิงก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที จึงต่อสายหาผู้กำกับ ที่ปลายสาย ผู้กำกับได้แต่ถอนหายใจก่อนตอบกลับ “ฉันไม่รู้ว่าใครไปมีเรื่องกับหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของเรา จู่ๆ พวกเขาถึงได้ถอนเงินทุนอย่างนี้ ฉันขอโทษนะ ลัวเซิง!”
เขารู้สึกราวกับกับถูกฟ้าผ่าในขณะที่มีแต่ความว่างเปล่าไปทั้งหัว ที่แท้คนเราก็สามารถใช้เงินแก้ปัญหาโดยไม่สนใจความทุ่มเทของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อรู้ว่าเป็นการกระทำของประธานฟ่าน ลัวเซิงก็นึกโกรธอยู่ในใจ แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ
ไม่นานประธานฟ่านได้มาติดต่อลัวเซิงอีกครั้ง ดูผิวเผินเขาอาจดูสุภาพ “ลัวเซิง ฉันได้ยินว่าตอนนี้ละครที่เธอรับเล่นถูกเลื่อนการถ่ายทำออกไปเพราะเรื่องงบประมาณ ฉันดูตารางงานของเธอแล้ว คิดว่าเธอคงไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธฉันอีกแล้วล่ะ ใช่ไหม”
ลัวเซิงเก็บซ่อนความรังเกียจขณะที่เผชิญหน้ากับประธานฟ่าน ก่อนพยายามตั้งสติอย่างถึงที่สุด “ประธานฟ่านครับ ผมอยู่ภายใต้สังกัดจู้ซิงมีเดีย คงต้องถามผู้จัดการของผมก่อน”
ประธานฟ่านในชุดสูทพ่นควันซิการ์พลางตบบ่าลัวเซิงและพยักหน้าให้ “ใช่ ถูกของเธอ แต่เธอต้องคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ นะ น้องเขยฉันเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ที่ไห่รุ่ยและเรามีเส้นสายกับคนใหญ่คนมากมาย ถ้าเธออยู่ข้างฉัน ฉันสามารถดันให้เธอเป็นศิลปินระดับโลกได้เลยนะ”
ลัวเซิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่กลับคิดว่ากำลังถูดกดดันอยู่
ด้วยประธานฟ่านกำลังพยายามบอกเขาว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับไห่รุ่ย
พูดอีกแง่คือเขาไม่มีทางต่อกรกับพวกเขาได้แต่อย่างใด
หลังตั้งสติอยู่ชั่วขณะ สุดท้ายลัวเซิงก็ตัดสินใจโทรหาถังหนิงและเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง เมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมด ถังหนิงจึงตอบกลับ “ส่งโทรศัพท์ของนายให้ประธานฟ่าน”
ลัวเซิงทำตามที่เธอบอก “ประธานถังอยากจะคุณกับคุณน่ะครับ”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินดังนั้น รอยยิ้มมีเลศนัยของเขาก็เผยออกมาให้เห็น ต่อให้เขาต้องเผชิญหน้ากับถังหนิงเขาก็ไม่เกรงกลัว พวกเขาทั้งคู่ต่างมีข้อได้เปรียบและเขายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับไห่รุ่ย เขาจึงไม่เชื่อว่าถังหนิงจะทำอะไรเขาได้
“ประธานฟ่านคะ…”
“ประธานถัง ผมได้ยินเรื่องของคุณมาแล้วล่ะ”
“ฉันได้ยินว่าประธานฟ่านต้องการให้ลัวเซิงของเราร่วมแสดงละคร แต่ฉันอยากจะทราบว่าทำไมประธานฟ่านถึงข้ามหน้าข้ามตาเอเจนซี่ของเขาแล้วไปติดต่อเขาโดยตรงล่ะคะ” ถังหนิงถามอย่างไม่อ้อมค้อม “ลัวเซิงเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ฉันไม่ต้องการให้คุณทำให้เขากลัวหรอกนะคะ”
“ประธานถังก็รู้ดีว่าการได้เล่นละครชื่อดังขนาดนี้มันยากขนาดไหน นี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ นะครับ ผมชอบที่ลัวเซิงยังหนุ่มยังแน่น มีความสามารถ และมีฝีมือในการแสดง ผมถึงได้มาเกลี้ยกล่อมเขาก่อนที่จะติดต่อคุณไปยังไงล่ะครับ”
“ฉันรบกวนถามหน่อยได้ไหมคะว่าละครที่ประธานฟ่านหมายถึงคือเรื่องอะไร อย่าบอกว่าเรื่องจอมโจรมหากาฬที่คุณกำลังต่อสู้เพื่อคว้าลิขสิทธิ์มานะคะ”
ประธานฟ่านชะงักไปชั่วครู่ นึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะได้ข้อมูลมาอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว
“งั้นฉันคงต้องขออภัยประธานฟ่านด้วยนะคะ ฉันว่าคุณควรได้ลิขสิทธิ์มาเสียก่อนที่เราจะตกลงทำงานร่วมกัน
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณต้องการตัวลัวเซิง แต่อีกไม่นานสัญญาของลัวเซิงก็จะถูกเปลี่ยนมือไปให้ไห่รุ่ยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นคุณคงต้องไปติดต่อทางไห่รุ่ยแทนแล้วล่ะค่ะ”
ประธานฟ่านพยายามใช้ไห่รุ่ยในการกดดันลัวเซิง ถังหนิงจึงพลิกสถานการณ์และใช้ไห่รุ่ยต้อนเขาให้จนมุม
ต่อให้ประธานฟ่านจะมีทรัพย์สมบัติและเส้นสายมากมาย เขาเองก็ทำข้อตกลงหลายเรื่องอย่างถูกกฎหมาย แม้ศิลปินหลายคนจะไม่สนใจเรื่องลิขสิทธิ์ หากถังหนิงและลัวเซิงไม่ได้ต้องการหาเงินจากเรื่องผิดศีลธรรม
หลังจากติดกับดักของถังหนิง ประธานฟ่านโกรธเสียจนเขวี้ยงโทรศัพท์และโยนมันใส่ลัวเซิง “ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวของฉันชอบแก ฉันคงจะไม่ชายตามองแกหรอกนะ แกมันตาต่ำ!”
ลัวเซิงยินนิ่งอยู่ด้านข้างอย่างหวาดกลัวเกินกว่าจะขยับตัวไปไหนได้ แม้จะเป็นด้านขนาดตัวและรูปร่าง เขาก็ไม่อาจสู้ชายคนนี้ได้
หลังจะประธานฟ่านจากไป ลัวเซิงก็รู้สึกเข่าอ่อน
เขาจึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาถังหนิงอีกครั้ง “พี่หนิง แล้วตอนนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดีล่ะครับ”
“นายได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแล้วนี่นา นายมีคุณสมบัติที่จะเป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยได้แน่นอน มีแค่ไห่รุ่ยเท่านั้นที่จะปกป้องนายจากข้อเสนอน่ารังเกียจอย่างนี้ได้”
“แต่ว่าผมไม่อยากย้ายไปไห่รุ่ยนี่ครับ” ลัวเซิงตัดสินใจมานานแล้วว่าเขาจะทำงานกับถังหนิงตลอดไป “แม้แต่ซิงหลานยังกลับมาอยู่จู้ซิงมีเดีย แล้วทำไมผมถึงอยู่ต่อไม่ได้ล่ะครับ”
“ฟังนะ… เบื้องลึกเบื้องหลังของประธานฟ่านไม่ได้ธรรมดา ต่อให้ฉันเฝ้าระวังเขาเอาไว้ ถ้าเขายังหาเรื่องนายจนเรื่องเลวร้ายลงไปกว่านี้ เราจะไม่มีทางแก้สถานการณ์ได้เลย”
ลัวเซิงไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่รู้สึกใจแตกสลาย แม้ว่าไห่รุ่ยจะเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับความก้าวหน้าของศิลปินก็ตาม…
…เขายังคงรู้สึกว่าบางอย่างได้ขาดหายไป
แน่นอนว่าลัวเซิงไม่คาดคิดว่าปัญหาที่มีเขาเป็นชนวนจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
ในเมื่อลัวเซิงไม่ต้องการแสดงละครไอพีเรื่องนี้ ฝ่ายผลิตจึงไม่รอช้าอีกต่อไป พวกเขาคัดเลือกนักแสดงวัยรุ่นคนอื่นขึ้นมาและได้รับความสนใจทันทีเมื่อป่าวประกาศให้สาธารณชนรับทราบ
จากนั้นข่าวที่ลัวเซิงปฏิเสธรับเล่นละครก็เริ่มถูกปั่นขึ้นมา
ด้วยความเป็นละครที่ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ ผู้คนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมลัวเซิงถึงได้ปฏิเสธมัน
[คอยดูไปเถอะ พอละครเรื่องนี้ดังขึ้นมา ลัวเซิงจะต้องเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้]
[ละครเรื่องนี้น่าสนุกจริงๆ นะ ลัวเซิงนี่ตาต่ำจริงๆ!]
[ให้ตายเถอะ ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าลัวเซิงจะกล้าปฏิเสธละครเรื่องนี้ สมองเขาผิดปกติไปหรือเปล่าเนี่ย]
ไม่ว่าคนภายนอกจะวิพากษ์วิจารณ์ลัวเซิงเสียๆ หายๆ ขนาดไหน เขาก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้ ในเวลาเดียวกันกลับไม่มีร่องรอยความเสียดายปรากฏบนใบหน้าเขาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ความร้ายกาจของประธานฟ่านลอยผ่านน้องสาวของเขามาถึงหูของผู้ถือหุ้นไห่รุ่ย หลังจากผ่านการแต่งเติมและใส่สีตีไข่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องสาวของประธานฟ่านถนัด จากเรื่องเดิมจึงถูกบิดเบือนไปโดยพุ่งเป้าไปยังความอ่อนแอของคนแทน
ดังนั้นไห่รุ่ยจึงนัดประชุมกรรมการบริหารนำโดยโม่ถิงเป็นการด่วน
วาระหลักคือการหารือกันถึงความสำคัญของจู้ซิงมีเดีย
“ประธานโม่ครับ ก่อนหน้านี้คุณบอกเราว่าจู้ซิงมีเดียจะเฟ้นหาคนที่มีความสามารถและส่งต่อพวกเขามาที่ไห่รุ่ยหลังจากที่พวกเขาโด่งดังแล้ว แล้วทำไมลัวเซิงถึงยังไม่เซ็นสัญญากับเราทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถ้วน และทำไมซิงหลานถึงได้กลับไปอยู่กับจู้ซิงมีเดียล่ะครับ
“สอง ผมมั่นใจว่าคุณรับรู้ถึงชื่อเสียงของจู้ซิงมีเดียในวงการนี้อย่างที่ทุกคนก็เห็นกันอยู่ ต่อให้ถังหนิงไม่เคยเอ่ยชื่อของไห่รุ่ยออกมา แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเธอเป็นภรรยาของคุณแล้วคุณก็หนุนหลังและสนับสนุนเธออยู่ ในฐานะบริษัทย่อยของไห่รุ่ย จู้ซิงมีเดียได้ทำข้ามหน้าข้ามตาบริษัทแม่ของตัวเอง นี่หมายความว่าอะไรกันครับ พวกเขากำลังพยายามตั้งตัวเป็นใหญ่เหรอ
“สาม ถังหนิงทั้งเลือดเย็นและเ**้ยมโหด ดูเผินๆ เธอกำลังสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับวงการ แต่ในความเป็นจริง เธอแค่สร้างศัตรูให้ไห่รุ่ยเท่านั้น แม้ว่าเธอจะปั้นศิลปินชื่อดังขึ้นมาไม่กี่คน แต่ไห่รุ่ยก็ทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน อันที่จริงเราทำได้ดีกว่าเธอด้วยซ้ำครับ…
“พูดง่ายๆ คือผมไม่คิดว่าการมีอยู่ของจู้ซิงมีเดียจะสำคัญแม้แต่น้อย ทุกคนคิดว่ายังไงล่ะครับ”