เฝิงจิ้งไม่อาจยอมรับโชคชะตาตัวเองได้ เธอล้มเหลวในการใช้หลินเฉี่ยนเป็นเครื่องมือเมื่อไม่นานมานี้ แถมตอนนี้เธอยังสูญเสียลูกชายของลัวอิงหงไปอีก ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่มีจู้ซิงมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอจะไม่มีหนทางแก้แค้นได้แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เธอจะผลักไสผู้ชายงี่เง่าคนนี้ออกไปก็ใช่ว่าง่ายนัก หากไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับลัวอิงหง เธอคงไม่มีทางคบหากับเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอมากขนาดนี้ตั้งแต่แรก ไม่เพียงแต่เขาจะผลาญเงินไปวันๆ ยังมีนิสัยแย่ๆ สารพัด เธอจึงไม่ได้ต้องการทนกับความเอาแต่ใจของเขาและเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อเขาเพียงลำพัง
“พี่จิง ถ้าคุณส่งเสี่ยวเคอไป ถังหนิงจะคืนรูปพวกนั้นมาให้คุณจริงๆ เหรอคะ”
“เธอมีวิธีอื่นไหมล่ะ” เฝิงจิ้งถามขณะดื่มไวน์ในแก้ว “ตอนนี้ เธอก็เหมือนมีดและฉันก็เป็นแค่ชิ้นปลา ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ ฉันไม่มีอะไรจะไปสู้กับลัวอิงหงอีกแล้ว จากนี้ไปคงทำได้แต่นั่งเฉยๆ ให้ถังหนิงคอยเหยียบย่ำฉัน…”
ผู้จัดการของเฝิงจิ้งมองท่าทีสิ้นไร้ไม้ตอกของเฝิงจิ้ง ก็เห็นด้วยว่าการรับมือกับถังหนิงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป เธอค่อยๆ ย่องเข้ามาใกล้และแย่งอาวุธของพวกเขาไปก่อนไล่ต้อนพวกเขาให้จนมุม
ความสามารถของเธอช่างน่ากลัวเกลือเกิน
“อีกเรื่องค่ะพี่จิง ฉันได้ยินมาว่าหลินเฉี่ยนกำลังจะแต่งงานแล้ว กำหนดการอีกไม่นานจากนี้ค่ะ คุณจะไปร่วมงานไหมคะ”
“เธอกำลังจะแต่งงานเหรอ” เมื่อได้ยินว่าหลินเฉี่ยนจะแต่งงาน เฝิงจิ้งก็หลุดขำออกมาอย่างเยือกเย็น “แม่ของเธอทุกข์ใจอยู่อย่างนี้ ยังคิดว่าตัวเองจะไปเสวยสุขได้เหรอ ฝันไปเถอะ!
“ไหนๆ เธอก็ทำให้ฉันขายหน้ากลางงานเฟยเทียนมาแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวดีๆ กับเธออีกแล้วไม่ใช่เหรอ” เฝิงจิ้งกระดกไวน์ในแก้วลงในลำคอ “ช่วยฉันเตรียมการบางอย่างที ถือว่าเป็นความหวังดีจากแม่ของเธอก็แล้วกัน ฉันจะมอบ ของขวัญแต่งงาน ให้เธอสักหน่อย และมาดูกันว่าเธอจะมีความสุขขนาดไหน”
ผู้จัดการมองเธอและถอนหายใจออกมา ช่วงนี้ชีวิตเธอเองก็ไม่ค่อยราบรื่นนักอยู่แล้ว เธอยังจะคิดหาทางทำร้ายลูกสาวของตัวเองอีก ไม่กลัวว่าคนจะรู้เรื่องที่เธอทอดทิ้งลูกสาวบ้างเลยหรือ
ถึงแม้ว่าผู้จัดการจะคิดเช่นนั้น เธอก็ยังทำตามที่ได้รับคำสั่ง อย่างไรเสียเธอก็อยู่ข้างเฝิงจิ้งมานานหลายปีแล้ว
…
อันที่จริงถังหนิงคิดเอาไว้แล้วว่าหลังจากที่ถูกเฝิงจิ้งทิ้ง ลูกชายของลัวอิงหงจะต้องกลับมาที่บ้านของเธอทันที หากแต่เขาไม่สามารถเข้ามาได้เพราะลัวอิงหงได้สั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้ก่อนหน้านี้ว่าไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาหากเห็นเขา
ไม่นานลัวอิงหงกลับมาถึงบ้าน เห็นลูกชายของเธอยืนอยู่ด้านนอก จึงแสร้งทำเย็นชาใส่เขา “มาที่นี่ทำไมอีก”
“แม่…ผมเสียใจมากเลยนะครับ ผมไม่มีที่ไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“เฝิงจิ้งขอเลิกผมครับ…” ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองปีดูเหมือนเด็กเล็กๆ ในขณะที่เริ่มปล่อยโฮออกมา ลัวอิงหงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจแต่เธอต้องอดทนเอาไว้
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ อย่าลืมว่าเธอเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการฉันตั้งแต่แรกและบอกว่าเธอจะไปตามหารักแท้ของเธอไง ที่นี่ไม่ต้อนรับเธออีกแล้ว” พูดจบ ลัวอิงหงก็หันกลับไปโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ลูกชายกล่าวอ้อนวอนแม้แต่น้อย
“แม่ครับ แม่จะทำเมินเฉยใส่ผมจริงๆ เหรอ”
“ไว้มาคุยกันตอนที่เธอแยกแยะถูกผิดได้แล้วกัน” ลัวอิงหงเอ่ยก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์และหายไปจากสายตาของลูกชายตัวเอง
เหตุผลเดียวที่เธอทำท่าทีเย็นชาขนาดนี้เพราะเธอได้เจ็บปวดแสนสาหัสมาตลอดหลายปี
อย่างที่ถังหนิงว่าไว้ หากครั้งนี้เธอไม่สั่งสอนบทเรียนให้ไอ้ลูกชายโง่เง่าได้รู้ซึ้ง เธอจะไม่อาจปกป้องเขาไว้ได้อีก
และความรักมักทำให้คนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว…
…
ในไม่ช้า ลัวอิงหงก็ให้สัมภาษณ์กับค่ายสื่อชื่อดัง ผู้คนต่างให้ความสนใจกับการกลับมาแจ้งเกิดของเธอและยิ่งอยากรู้ว่าเธอทำอย่างไรให้ถังหนิงยอมเสี่ยงและเซ็นสัญญากับเธอ
เธอปรากฏตัวในชุดกระโปรงยาวสีขาวเสริมให้ดูสง่างามและภูมิฐาน ผมลอนยาวสยายรับกับกรอบหน้าของเธอ แสดงความเป็นลัวอิงหงที่ในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจต่อหน้ากล้อง
“พูดตามตรงเลยนะคะ ฉันเป็นคนที่เขียนจดหมายยาวเหยียดให้กับถังหนิงเองค่ะ” เธอตอบอย่างเขินๆ
“สามารถเปิดเผยเนื้อหาในจดหมายได้ไหมครับ”
“ฉันบอกเธอว่าฉันอยากจะกลับมาแจ้งเกิดน่ะค่ะ ถ้าเธอมีวิธีที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของฉันและช่วยให้ฉันได้กลับมาหยัดยืนได้อีกครั้ง ฉันคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ค่ะ เดิมทีฉันคิดว่ามีคนมากมายที่ติดต่อถังหนิงเข้ามา เธอคงไม่มีทางเห็นฉันหรอก แต่ฉันก็ต้องอึ้งที่สุดท้ายเธอตัดสินใจเซ็นสัญญากับฉันค่ะ”
“หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดียและรู้จักกับถังหนิง คุณคิดว่าเธอเป็นคนยังไงครับ” นักข่าวถาม
หลังครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ลัวอิงหงตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง “เธอเป็นคนที่มุ่งมั่นในสิ่งที่ทำมากเลยค่ะ เธอไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร ตราบใดที่ตัดสินใจลงไปแล้ว เธอจะฝ่าฟันอย่างสุดความสามารถค่ะ”
“คุณเคยสงสัยไหมครับว่าเธออาจจะช่วยคุณไม่ได้”
“แน่สิคะ ฉันคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดูจากอายุและรูปลักษณ์ของฉัน ไม่มีอะไรที่โดดเด่นออกมาเลย ฉันมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะโชคดีเหลือเกินที่ได้พบกับถังหนิงค่ะ”
ลัวอิงหงได้กลายเป็นตัวอย่างที่ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ความทรงพลังของจู้ซิงมีเดีย
ใครก็ตามที่ผ่านมือของถังหนิง พวกเขาจะสามารถโดดเด่นและได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรหรือมีข้อบกพร่องเพียงไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้คนมากหน้าหลายตาจึงต้องการเข้าร่วมสังกัดจู้ซิงมีเดีย ด้วยรู้ว่าการผ่านมือของถังหนิงหมายความว่าสุดท้ายพวกเขาจะได้ลงเอยกับการอยู่ในสังกัดไห่รุ่ย… จุดสูงสุดของวงการบันเทิง
“หลังจากเซนต์จิวเวลรี่ มีบริษัทใหญ่ๆ มากมายที่เข้ามาร่วมงานกับฉัน อันที่จริงฉันคิดว่าต่อให้ฉันไม่ได้กลับไปเป็นนักแสดง การเป็นนักออกแบบก็เป็นความคิดที่ไม่แย่เลยค่ะ”
แม้แต่คนอย่างลัวอิงหงยังสามารถกลับมาโด่งดังได้อย่างงดงาม สาธารณชนจึงพากันขนานนามชื่อเล่นใหม่ให้กับถังหนิงว่า ผู้จัดการมือเพชร
การเรียกเธอว่าผู้จัดการมือทองหรือมือฉมังคงไม่เพียงพอ ทั้งเธอยังได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิงได้อย่างแท้จริง
แม้ว่าจะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและไม่ได้สำคัญนัก หากแต่ก็ทำให้คนเชื่อในความเป็นธรรมและความถูกต้อง
ทว่ากลับมีบางคนเกรงว่าศัตรูของถังหนิงก่อนหน้านี้จะมาแก้แค้นเธอและเข้ามาขัดขวางเส้นทางของศิลปินของเธอ
อีกทั้งในตอนนี้ชื่อของถังหนิงยังเป็นทั้งที่หวาดกลัวและเคารพนับถือในวงการ
หากแต่แน่นอนว่าต้องขอบคุณแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งเบื้องหลังความทรงพลังของถังหนิง
การหนุนหลังของโม่ถิงทำให้เธอสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่เธอต้องการในวงการนี้โดยไม่มีอุปสรรคแต่อย่างใด
คู่รักเป็นเหมือนดั่งราชาและราชินี
แต่ถังหนิงไม่ได้สนใจฉายาที่คนภายนอกมอบให้เธอ ด้วยสิ่งที่เธอต้องการให้ความสนใจที่สุดในตอนนี้คือ มดราชินี
เฝิงจิ้งไม่อาจกดขี่ข่มเหงลัวอิงหงได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นในตอนนี้สิ่งที่เหลือคือการที่ลัวอิงหงจะทวงทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา
แต่ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องเปิด ของขวัญงานแต่งงาน ของหลินเฉี่ยนเสียก่อน!