ในไม่ช้าพิธีมอบรางวัลได้เดินทางมาถึงช่วงเวลาสำคัญ นั่นคือการประกาศรางวัลนักแสดงนำหญิงชายยอดเยี่ยม…ครั้งนี้เพราะถังหนิงไม่ได้มาร่วมงาน ผู้เข้าชิงสี่คนที่เหลือจึงรู้สึกว่าตัวเองพอมีความหวังอยู่บ้าง…
โดยเฉพาะเฝิงจิ้ง!
พิธีกรได้แนะนำตัวแทนแขกรับเชิญผู้มอบรางวัลขณะที่หลินเฉี่ยนหันไปมองเฝิงจิ้ง เธอเห็นว่ามือของอีกฝ่ายกำเข้าด้วยกันแน่น ดูท่าแล้วเธอคงจะตื่นตระหนกไม่น้อย
อย่างไรก็ตามหลินเฉี่ยนหันกลับไปเงียบๆ ก่อนเหยียดยิ้ม
ไม่นานตัวอย่างผลงานของผู้เข้าชิงทุกคนได้ขึ้นฉายบนหน้าจอใหญ่ ผลงาน ผู้รอดชีพ ของถังหนิงได้เริ่มฉายพร้อมเสียงตบมือดังกึกก้องจากทุกคน
ด้วยทุกคนเข้าใจว่าต่อให้ถังหนิงจะไม่ได้ทำงานแสดงต่อไป ผลงานของเธอก็จะยังคงอยู่ตลอดไปและไม่มีใครสามารถมาแทนที่เธอได้
เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาว่า ผู้รอดชีพ ได้สร้างความประทับใจและตัวละครที่ถังหนิงรับบทก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
ดังนั้นต่อให้แสงไฟจะสาดส่องสลับไปมาไปยังผู้เข้าชิงคนอื่นๆ แต่สุดท้ายรางวัลก็ตกเป็นของถังหนิงซึ่งไม่ได้เข้าร่วมงาน
ทันทีที่ภาพของเธอปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ทุกคนต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องอย่างตื่นเต้นก่อนที่ตัวแทนแขกรับเชิญผู้มอบรางวัลจะเชิญผู้ที่ได้รับรางวัลขึ้นมาบนเวที
ทุกคนถึงกับงุนงง ถังหนิงมาเข้าร่วมงานด้วยหรือ ทว่าเมื่อหลินเฉี่ยนลุกขึ้นจากที่นั่ง ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันที ที่แท้เธอได้ส่งผู้ช่วยของเธอมาเป็นตัวแทน
จะเสียมารยาทไม่มาปรากฏตัวในงานสำคัญอย่างนี้ได้อย่างไร…
เฝิงจิ้งได้แต่มองหลินเฉี่ยนก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อรับรางวัลที่เธอใฝ่ฝันในฐานะตัวแทนของคนอื่น
หลินเฉี่ยนรู้ว่าเฝิงจิ้งจะต้องไม่พอใจ และนั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการให้เกิดขึ้น
แน่นอนว่าในฐานะตัวแทน หลินเฉี่ยนไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อแทนที่ถังหนิง เธอทำเพียงรับถ้วยรางวัลมาจากพิธีกร เดินตรงไปที่ไมโครโฟนและโค้งตัวก่อนเอ่ยขึ้น “ฉันเป็นผู้ช่วยของถังหนิงค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อรับรางวัลในนามของถังหนิง เหตุผลที่เธอไม่สามารถมาร่วมงานในวันนี้ได้เพราะตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์และไม่สะดวกในการเข้าร่วมงาน ใช่แล้วค่ะ เธอตั้งครรภ์ค่ะ! …
…ถังหนิงประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าเธอจะลาวงการการแสดง แต่เธอก็ยังคงรู้สึกขอบคุณที่คณะกรรมการได้มอบรางวัลนี้ให้กับเธอ ตอนนี้เธอยังไม่มีความตั้งใจที่จะกลับไปทำงานแสดง หากแต่เธอก็ได้ขอบคุณในทุกความเป็นห่วงและสนับสนุนของทุกคนมาค่ะ…
…สุดท้ายนี้ฉันอยากจะขอใช้เวทีนี้ในการแสดงความเห็นของฉันเล็กน้อยนะคะ เดิมทีฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ทำงานในวงการบันเทิงแม้แต่น้อย แต่ข่าวเมื่อไม่นานมานี้ได้ดึงฉันให้กลายเป็นที่สนใจและทำลายชีวิตอันสงบสุขของฉัน…
…ฉันกำลังพูดถึงข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเฝิงจิ้ง ไหนๆ เธอเองก็มาเข้าร่วมงานนี้เช่นกัน ฉันจึงถือโอกาสนี้ในการชี้แจงทุกอย่างค่ะ…
…เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใดค่ะ ถึงเราจะเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือมีพันธุกรรมร่วมกัน หากแต่ในใจของฉัน ฉันเป็นเด็กกำพร้าและจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปค่ะ…
…นอกจากนี้ฉันยังเป็นเพียงคนที่ทำงานเบื้องหลัง ไม่มีความตั้งใจที่จะสร้างกระแสหรือแจ้งเกิดตัวเองในฐานะศิลปินแม้แต่น้อย ฉันเป็นส่วนหนึ่งของจู้ซิงมีเดียและไห่รุ่ย และจะอยู่คอยช่วยถังหนิงตลอดไป ดังนั้นฉันหวังว่าข่าวลือทั้งหมดจะจบลงเสียทีนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ทุกคำพูดของหลินเฉี่ยนชัดเจนคล้ายจะบอกให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอไม่เคยนับว่าตัวเองเป็นแม่ลูกกับเฝิงจิ้ง
หากเธอพูดประโยคเหล่านี้กับเฝิงจิ้งสองต่อสอง อีกฝ่ายคงจะไม่ได้สลักมันลงในใจ ทว่าเมื่อหลินเฉี่ยนประกาศต่อหน้าทุกคนย่อมหมายความว่าไม่มีทางที่เธอจะไปอยู่ข้างฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน
ดังนั้นเฝิงจิ้งจึงออกอาการโกรธจัด
ไม่เพียงแต่หลินเฉี่ยนจะขึ้นรับรางวัลที่เธอต้องการ ยังประกาศต่อหน้าทุกคนว่าไม่นับเธอเป็นแม่อีกด้วย
การฉีกหน้าครั้งนี้เหมือนกับถูกลูกศรเป็นพันๆ ดอกทิ่มแทงใจ
สิ้นประโยค หลินเฉี่ยนถือถ้วยรางวัลและก้าวลงจากเวที ทิ้งให้ทุกคนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศกระอักกระอ่วน อย่างไรเสียเฝิงจิ้งก็อยู่ที่นี่ด้วย
หลินเฉี่ยนเพิ่งจะตบหน้าแม่ของตัวเองไปอย่างนั้นหรือ
อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่เข้าใจหลินเฉี่ยนเช่นกัน ผู้คนไม่น้อยรู้ถึงการกระทำอันน่ารังเกียจที่เฝิงจิ้งได้ทำลงไปจนสามารถมาถึงทุกวันนี้ได้ ดังนั้นในฐานะส่วนหนึ่งของจู้ซิงมีเดีย เป็นธรรมดาที่หลินเฉี่ยนจะไม่ยอมรับเธอ เพราะคนของจู้ซิงมีเดียยึดถือเรื่องคุณธรรมเป็นที่หนึ่ง
“ความจริงแล้วทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องของตัวเองตราบใดที่พวกเขายินดีจะรับผิดชอบผลของมันนะครับ ดังนั้นเรามาขอให้คุณหลินโชคดีกันเถอะนะครับ” พิธีกรกล่าวสรุปก่อนที่จะเชิญรางวัลสาขาต่อไป หากแต่มันไม่มีความหมายสำหรับหลินเฉี่ยนและเฝิงจิ้งอีกต่อไป
หลังกลับมาที่นั่งของตัวเอง ลัวเซิงเอียงคอก่อนว่าขึ้น “เมื่อกี้คุณดูเท่บนเวทีมากเลยนะครับ”
พูดจบลัวเซิงก็ยกนิ้วโป้งให้เธอ
“ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องเสียสติแน่ๆ ”
หลินเฉี่ยนหันหน้าไปมองเล็กน้อยและจ้องไปไม่ไกลนัก เธอพึงพอใจอย่างถึงที่สุดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ เธอไม่ต้องการให้เฝิงจิ้งได้รู้สึกดีสักนิด
ท้ายที่สุดการปรากฏตัวของหลินเฉี่ยนในนามถังหนิงจึงกลายเป็นฉากสำคัญที่สุดของงาน ด้วยคำพูดที่เรียบง่ายหากแต่แฝงไปด้วยความหมายมากมายของเธอ
อย่างน้อยที่สุดมันก็บอกได้ว่าความสัมพันธ์ของหลินเฉี่ยนกับเฝิงจิ้งนั้นเต็มไปด้วยความไม่ลงรอยกัน
หลังผ่านไปสองชั่วโมงเต็ม ในที่สุดพิธีมอบรางวัลก็จบลง แน่นอนว่าทั้งนักแสดงและทีมงานของ ผู้รอดชีพ ได้เป็นผู้ชนะในหลายสาขา ทั้งนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรางวัลใหญ่อื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับถังหนิง รางวัลที่เธอได้รับในครั้งนี้หมายถึงการรักษาตำแหน่งของตัวเองเมื่อปีก่อน
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ความสามารถของเธอ! ความสามารถที่ไม่มีข้อกังขาใดๆ!
จากนั้นทั้งลัวเซิงและหลินเฉี่ยนออกจากงานมาพร้อมกัน ทว่ากลับถูกเฝิงจิ้งขวางทางเอาไว้
“คุณหลิน ไม่คิดว่าการกระทำของเธอคืนนี้มันรุนแรงไปหน่อยเหรอ” เฝิงจิ้งเอ่ยถามพลางเหลือบมองรางวัลในมือหลินเฉี่ยน “ต่อให้เธอไม่ยอมรับฉัน ฉันก็คลอดเธอมานะ เธอหนีความจริงที่เรามีสายเลือดเดียวกันไม่ได้หรอก เธอต้องทำเลือดเย็นขนาดนี้ด้วยเหรอ”
หลังได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยอารมณ์ของเฝิงจิ้ง หลินเฉี่ยนยังคงนิ่งเฉยและมองลัวเซิง “ไปกันเถอะ…”
เฝิงจิ้งคว้ามือรั้งเธอไว้ แต่ลัวเซิงรีบผลักเธอออกไปทันที “ช่วยให้เกียรติกันสักหน่อยเถอะครับแล้วก็ปล่อยมือจากเธอด้วย คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวคนของจู้ซิงมีเดียทั้งนั้น”
เฝิงจิ้งกลับมาทรงตัวตรงและพยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง “พ่อหนุ่ม ช่วยควบคุมอารมณ์ของตัวเองด้วยนะ…”
หลินเฉี่ยนกับลัวเซิงไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยขณะที่หันหลังเดินจากไปราวกับเธอไม่มีตัวตน
มีเพียงเฝิงจิ้งที่รู้ว่าคำพูดบนเวทีของหลินเฉี่ยนทำให้เธอเจ็บปวดขนาดไหน
อย่างไรเสียคนภายนอกก็ต้องขุดคุ้ยเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้หลินเฉี่ยนไม่ยอมรับแม่ของตัวเอง หากเฝิงจิ้งน่าสงสารอย่างที่เธอพยายามสร้างภาพจริง อย่างนั้นหลินเฉี่ยนคงไม่เกลียดเธอมาจนถึงบัดนี้
“พี่จิ้ง เรากลับกันก่อนแล้วค่อยคิดแผนกันที่บ้านเถอะค่ะ” ผู้จัดการของเฝิงจิ้งเอ่ยแนะนำ
“จู้ซิงมีเดียทำให้ฉันเดือดร้อนซะแล้ว…”