“คนที่ฉันจะพาเธอไปเจอวันนี้คือประธานหลิวจากตงเฉิงฟิล์ม ช่วงนี้เขาทำรายการข่าวอยู่ อาจช่วยเราได้ ถ้าเธอทำให้ประธานหลิวมาอยู่ข้างเราได้ เราอาจจะได้กลับมาแจ้งเกิดได้อีกครั้ง เข้าใจไหม”
เมื่อได้ยินคำของโจวชิง ซย่าหันโม่พยักหน้ารับ เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ ซย่าหันโม่บรรจงแต่งตัวอย่างงดงามและทำตัวให้ดูดีที่สุด
ไม่นานทั้งคู่มาถึงโรงแรม ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวก็ได้พบกับชายเตี้ยร่างท้วมคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลม ซย่าหันโม่ประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย หากแต่โจวชิงกลับเดินตรงไปหาชายคนนั้น
อยู่ๆ ซย่าหันโม่ก็รู้สึกว่าโจวชิงในตอนนี้ช่างดูเหมือนคนแปลกหน้าเหลือเกิน
จะว่าไปแล้วแววตาของประธานหลิวดูหื่นกระหายชวนให้รู้สึกขยะแขยงไม่น้อย แค่มองแวบเดียวใครๆ ก็ดูออกว่าเขาไม่ใช่คนดี
โดยเฉพาะเมื่อเขามองมาที่ซย่าหันโม่ สายตาของเขาดูแฝงความปรารถนาในตัวเธอ ด้วยเหตุนี้ซย่าหันโม่จึงยิ่งรู้สึกอึดอัดใจกับการพบกันตอนนี้
“มาสิ คุณซย่า นั่งลงสิครับ”
ซย่าหันโม่นั่งลงระหว่างโจวชิงกับประธานหลิว และพยายามควงแขนโจวชิงเอาไว้เพื่อความมั่นใจ หากแต่โจวชิงกลับสะบัดมือเธอออกก่อนที่ประธานหลิวจะสังเกตเห็น
ซย่าหันโม่ชะงักไปทันที
“ประธานหลิวชอบดื่มไวน์ หันโม่ ทำไมเธอไม่ดื่มเป็นเพื่อนประธานหลิวสักหน่อยล่ะ”
เธอมองโจวชิงอย่างตกตะลึง เขาคิดว่าเธอเป็นคนประเภทไหนกัน
“เธอไม่ได้พูดเองว่าจะช่วยฉันเหรอ ตอนนี้ฉันขอให้เธอช่วยอยู่ไง เธอคงจะไม่กลับคำใช่ไหม”
ซย่าหันโม่กำหมัดแน่น แต่ก็คลายมันออกอีกครั้ง
“อย่างนี้ก็ยิ่งดีสิ ใครไม่ดื่มเวลาออกมาสังสรรค์กันบ้างล่ะ คุณซย่าต้องดื่มสักสามแก้วเป็นการลงโทษนะครับ”
ประธานหลิวรินไวน์แดงสามแก้วให้ซย่าหันโม่ด้วยตัวเอง หลังจากเห็นเธอดื่มทั้งสามแก้วลงไปแล้ว เขาถือช่วงโอกาสนี้ในการลูบต้นขาของเธอ ทว่าซย่าหันโม่ลุกขึ้นยืนทันทีและเอ่ยถาม “คุณจะทำอะไรน่ะ”
“เสี่ยวซย่า ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วยล่ะ” ประธานหลิวหัวเราะ “เราออกมาสนุกกันนะ ทำไมต้องทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ด้วย”
ซย่าหันโม่ถึงกับหน้าขึ้นสี แต่เธอก็ยังกลับไปนั่งลง แต่ประธานหลิวกลับยิ่งได้ใจและเกือบจะเอื้อมมือมาเปิดกระโปรงของเธอ
เธอพลันหยิบแก้วไวน์ของตัวเองและสาดเข้าใส่ชายคนนั้น “ลองกล้ามาแตะต้องตัวฉันอีกสิ!”
ประธานหลิวลุกขึ้นและตะคอกใส่เป็นการตอบโต้ “นังบ้านี่! สภาพเธอตอนนี้ เธอควรจะรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้นอนกับฉันด้วยซ้ำ กล้าดียังไงมาสาดไวน์ใส่ฉันแบบนี้”
เมื่อได้ยินคำว่า นอนกับฉัน ซย่าหันโม่นิ่งค้างไป เธอหันไปมองโจวชิงที่นั่งหน้าตาเฉยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“อย่าบอกฉันนะว่าเธอคิดว่าจะได้สิ่งที่ต้องการโดยที่ไม่เสียสละอะไรเลยน่ะ ถ้าเธอยังอยู่ที่จู้ซิงมีเดีย บางทีฉันอาจพอไว้หน้าเธอบ้าง แต่พวกเขาทิ้งเธอแล้ว ยังจะกล้ามาทำตัวใสซื่ออยู่อีก”
“พี่หลิว อย่าเพิ่งโกรธไปเลยนะครับ หันโม่แค่ทำอะไรลงไปไม่คิด ขอเวลาเราสักครู่นะครับ…”
พูดจบโจวชิงก็คว้าตัวซย่าหันโม่และลากมาที่ห้องน้ำ จากนั้นจึงผลักเธอเข้ากระแทกกำแพงและกักขังเธอเอาไว้ระหว่างแขน “ที่เธอต้องทำก็แค่ดื่มไม่กี่แก้ว แค่นี้ทำไม่ได้หรือยังไง”
“เขาแทบจะเปิดกระโปรงของฉันอยู่แล้วนะ!” ซย่าหันโม้ท้วงขึ้น
“อย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาทำไปสิ…”
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง รับรู้ได้ทันทีว่าโจวชิงกำลังจะทำอะไร ที่แท้เขาก็ตั้งใจจะขายเธอ
“ทำไมคุณไม่เหมือนโจวชิงที่ฉันเคยรู้จักเลยละคะ” ซย่าหันโม่ถาม
“ฉันไม่สนใจหรอกนะ เธอต้องรักษาหน้าที่การงานให้ฉัน”
หลังทะเลาะกัน ทั้งคู่กลับมาที่ห้อง ครั้งนี้ประธานหลิวใจเย็นลงแล้ว เมื่อเห็นหน้าซย่าหันโม่ เขาทำเพียงบอกกับเธอ “จริงๆ แล้วฉันชอบนิสัยของเธอนะ ถ้าเธอดื่มอีกสามแก้วเป็นการลงโทษ ฉันจะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นวันนี้แล้วกัน”
ซย่าหันโม่ไม่ปริปากใดๆ ออกมาพลางกลั้นน้ำตา ก่อนจะกระดกไวน์อีกสามแก้วลงไปในลำคอ อย่างไรก็ตามเธอโชคไม่ดีนักที่ในครั้งนี้เธอต้องลงเอยด้วยการฟุบสลบอยู่บนโต๊ะ
เธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางลึกขนาดนี้ ยิ่งเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดมาในโรงแรมพร้อมภาพประธานหลิวกำลังแต่งตัวอยู่
เธอชะงักงันไปชั่วขณะ ก่อนพุ่งเข้าไปเหวี่ยงหมัดใส่ชายคนนั้นราวกับเสียสติ “คุณนี่มันเลวกว่าปีศาจซะอีก!”
ต่อให้ประธานจะถูกต่อยแต่เขาก็ยังอารมณ์ดี “นี่เป็นกฎของวงการบันเทิงที่ใครๆ ต่างก็รู้ดีทั้งนั้น อะไรกัน อย่าบอกฉันนะว่าเธอไม่รู้น่ะว่าโจวชิงส่งเธอให้ฉันกับมือเลยล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้…” ซย่าหันโม่ไม่อยากจะยอมรับความจริง
“ไอ้เวรนั่นก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละ ถึงยังไงเขาก็เป็นคนที่สั่งให้คนอื่นไปทำร้ายลูกชายผู้จัดการจนเสียแขนล่ะนะ” สิ้นประโยคเขาก็เหยียดยิ้มและเดินจากไป
เธออยากจะตามเขาไป ติดอยู่ที่ตอนนี้เธอไม่มีเสื้อผ้าติดกายสักชิ้น…
เธอไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากแต่ทำได้เพียงกลับไปอยู่บนเตียง เตียงที่ย้ำเตือนให้เธอนึกถึงความสกปรกของตัวเอง
“ไม่นะ… เป็นไปไม่ได้…”
ซย่าหันโม่ไม่คาดฝันว่าเธอจะได้รู้ความจริงจากปากของประธานหลิว
“อ๊าก…” เธอร้องคร่ำครวญอย่างเสียสติ
…
“คุณอยู่โรงพยาบาลมานาน ไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ เลย ผมจะพาคุณไปกินอาหารอร่อยๆ นะ” หลี่จิ่นเอ่ยขณะที่เขาพาหลินเฉี่ยนมาที่โรงแรม ช่วงนี้เธอไม่ค่อยพูดค่อยจานัก เขาจึงตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนเธอและทำให้เธอสดชื่นขึ้น
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” หลินเฉี่ยนสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของหลี่จิ่น
เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินเข้าไปในโรงแรม หากแต่ในครั้งนี้พวกเขาได้บังเอิญพบกับคนคุ้นเคยที่หน้าประตูทางเข้า
หลินเฉี่ยนมองซย่าหันโม่ในขณะที่อีกฝ่ายก็มองเธอกลับมาเช่นกัน
น้ำตาเอ่อคลอนัยน์ตาของซย่าหันโม่ แต่หลินเฉี่ยนเมินเฉยและหันเดินหนีไป
“หลินเฉี่ยน…” ซย่าหันโม่ร้องไห้ออกมา
หลินเฉี่ยนไม่สนใจเสียงเรียกของคนในอดีตของเธอ ทว่าซย่าหันโม่เดินตามเธอไปและจับมือของเธอไว้ “เรื่องของโจวชิง ฉันเข้าใจผิดคุณไป ฉันทำผิดต่อคุณ มันเป็นความผิดของฉันเองค่ะ”
อย่างไรก็ตามหลินเฉี่ยนทำเพียงเอ่ยอย่างเฉยชา “ปล่อย”
อีกฝ่ายตกอยู่ในอาการงุนงง แต่ไม่ได้ขยับตัวไปไหนกระทั่งหลินเฉี่ยนกล่าวสำทับ “อะไรกัน คุณเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วเหรอคะ นี่ผ่านมาแค่ไม่กี่วันเองนะ…
“จำได้ไหมคะว่าพี่หนิงพูดอะไรไว้กับคุณ”
ซย่าหันโม่ก้าวถอยหลังพร้อมน้ำตาที่ไหลรินลงมา “ค่ะ ฉันโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง ฉันทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายคนเดียว เพื่อผู้ชายสารเลวคนนั้น!”
“ซย่าหันโม่ เราทุกคนต่างเลือกเส้นทางของตัวเองนะ อย่าโทษตัวเองว่าไปเจอคนไม่ดีเลย โทษตัวเองว่าไม่มองคนให้ดีๆ จะดีกว่า…
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันก็ไม่ชอบซ้ำเติมคนที่กำลังล้มอยู่ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วค่ะ ขอให้คุณโชคดีนะคะ”
พูดจบหลินเฉี่ยนและหลี่จิ่นก็ออกไปกินอาหารที่อื่น ทิ้งให้ซย่าหันโม่อยู่เพียงลำพัง
“คุณจัดการเรื่องนี้หรือเปล่าคะ” หลินเฉี่ยนไม่เชื่อว่าเป็นเหตุบังเอิญ
พวกเธอจะมาอยู่ที่โรงแรมเดียวกันในเวลาเดียวกันได้อย่างไร
“โจวชิงหักหลังซย่าหันโม่ คนของผมรู้เข้าเลยติดต่อมา เมื่อคืน…”
หลินเฉี่ยนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นโดยที่หลี่จิ่นไม่ต้องอธิบายเพิ่ม ว่าแต่ซย่าหันโม่จะไปโทษใครได้ล่ะ