เห็นได้ชัดว่าชะตากรรมในตอนนี้ของโจวชิงขึ้นอยู่กับทางสถานีโทรทัศน์ หากแต่เขาไม่มีหนทางที่จะเอาคืนพวกเขา เพราะในเมื่อได้เป็นศัตรูกับถังหนิงครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขาไม่อาจหนีไปไหนรอด
ซย่าหันโม่ต้องการจะช่วยโจวชิง แต่เมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาก็รู้ตัวว่าเธอไม่มีใครให้โทรหา จู้ซิงมีเดียได้มอบทุกอย่างให้กับเธอ เมื่อไม่มีพวกเขาเธอก็มาถึงทางตัน
หลังจากที่ออกมาจากจู้ซิงมีเดีย เธอกลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไร
เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากมองโจวชิงกลับมาที่ห้องของเขาขณะที่ตัวเองได้แต่ยืนดูด้วยความเจ็บปวดกลางห้องนั่งเล่น
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซย่าหันโม่รู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องทำบางอย่างเพื่อโจวชิง เธอจึงบุกเข้าไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการสถานีในเช้าวันถัดมา
เลขาของผู้จัดการไม่อาจรั้งเธอไว้ได้ ชายสูงวัยจึงบอกให้เลขาของตัวเองออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงยืนกรานที่จะทรมานโจวชิงให้ได้คะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยค่ะ อีกอย่างเขาเองก็มีความสามารถ น่าเสียดายที่ให้เขาออกไปทำข่าวข้างนอกนะคะ”
“ซย่าหันโม่ เธอจะต้องเตรียมรับผลที่บุกมาถึงที่นี่วันนี้ ฉันมั่นใจว่าเธอรู้ว่ามันคืออะไร” ผู้จัดการว่าพลางวางปากกาในมือลง “ไหนก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันพูดตามตรงนะ ทั้งเธอและโจวชิงหวังสูงเกินไปแล้วล่ะ…
“ไม่ใช่ว่าจะได้สมหวังไปหมดซะทุกเรื่องหรอกนะ สิ่งที่เธอคิดว่าเหมาะสำหรับโจวชิงเป็นแค่สิ่งที่เธอเชื่อเท่านั้นแหละ แต่นั่นมันก็แค่ความคิดของเธอคนเดียว
“เพียงเพราะเธอคิดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์สักหน่อย
“ออกไปซะ เพราะการกระทำของเธอวันนี้จะทำให้โจวชิงกลายเป็นตัวตลก
“อีกอย่างนะ ถ้าเธอไม่เต็มใจจะเป็นพิธีกรรายการวิทยุ อย่างนั้นเราก็ไม่มีที่ว่างสำหรับเธอแล้วล่ะ
“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะ…”
ไม่นานเรื่องที่ซย่าหันโม่ก่อความวุ่นวายก็ลอยมาถึงหูทุกคน และแน่นอนว่ารวมถึงโจวชิงด้วย
หลังได้ยินดังนั้น เขารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ทำไม่ซย่าหันโม่ต้องทำบุ่มบ่ามอย่างนี้ด้วย
ดังนั้นเมื่อเขากลับมาถึงบ้านในคืนนั้น เขาพุ่งเข้ามาตบหน้าเธอเข้าหนึ่งฉาดอย่างไม่ลังเล “ดูสิ่งที่เธอทำลงไปซะสิ!”
กลุ่มสนทนาของพนักงานในสถานีต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้และสงสัยว่าโจวชิงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ซย่าหันโม่นิ่งค้างไปด้วยนึกไม่ถึงว่าโจวชิงจะทำร้ายเธอเช่นนี้
ความจริงแล้วหลังจากที่เขาตบเธอ เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหน้าตาเฉย ก่อนหยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมา
“คุณตบฉันเหรอคะ”
“ใช่ ฉันตบเธอ ช่วยควบคุมตัวเองและอย่าก่อเรื่องให้ฉันอีกได้ไหม แค่นี้ฉันก็มีเรื่องต้องกังวลมากพอแล้ว” โจวชิงตอบอย่างเย็นชา “ฉันมาถึงจุดที่กลายเป็นตัวตลกขนาดนี้แล้ว ชีวิตของเราตอนนี้ยังน่าตื่นเต้นไม่พอสำหรับเธอหรือยังไงกัน…
…ซย่าหันโม่ ขอร้องล่ะ การอยู่บ้านแล้วก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยฉันได้”
ซย่าหันโม่เข้าใจโจวชิง เธอไม่โทษที่เขาตบเธอ ได้แต่รู้สึกว่าตัวเองทำตัวโง่ๆ ลงไป
หากแต่อีกหน่อยเธอก็จะรู้ว่าการตบหน้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…
…
“ฉันเพิ่งได้ยินเรื่องตลกๆ เกี่ยวกับซย่าหันโม่มาล่ะ เธอได้ยินบ้างไหม” เพื่อให้กำลังใจหลินเฉี่ยน หลงเจี่ยตัดสินใจบอกข้อมูลที่เธอรวบรวมมาได้ให้อีกฝ่ายรู้
“อย่างที่คิดไว้แหละ หลังโจวชิงกับซย่าหันโม่กลับไปทำงานให้ช่องเก่า คนหนึ่งถูกส่งไปตามล่าข่าว ในขณะที่อีกคนถูกส่งไปเป็นพิธีกรรายการวิทยุที่น่าขยะแขยงล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเฉี่ยนทำท่าบอกให้หลงเจี่ยหยุดพูด
“ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะค่ะ”
“เธอ…” หลงเจี่ยถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าไปมา “เธอเป็นแบบฉันกับถังหนิงไม่ได้เหรอ เธอน่าจะมีความสุขที่เห็นศัตรูของตัวเองได้รับผลกรรมของเขาสิ”
“ฉันไม่อยากเสียเวลาของฉันไปกับคนอย่างนั้นอีกแล้วค่ะ” หลินเฉี่ยนตอบ
หลงเจี่ยพยักหน้ารับโดยไม่บังคับฝืนใจหลินเฉี่ยนแต่อย่างใดด้วยรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายดี
“สิ่งที่อาจจะไม่สำคัญแต่เธอต้องจำเอาไว้อีกอย่างคือเธอยังเป็นผู้จัดการของจู้ซิงมีเดียอยู่ เธอสมควรต้องหยิ่งในศักดิ์ศรีเข้าไว้ ถ้าวันใดวันหนึ่งเธอต้องเจอกับซย่าหันโม่อีกครั้ง เธอต้องทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นฝ่ายที่เลือกจะทิ้งก่อน…”
“อื้อหึ!” หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ
ถังหนิงพูดเอาไว้แล้วว่าเธอไล่ซย่าหันโม่ออกจากจู้ซิงมีเดีย ดังนั้นหากใครกล้าพูดถึงซย่าหันโม่กับจู้ซิงมีเดียในประโยคเดียวกันอีก ทางจู้ซิงมีเดียก็พร้อมที่จะส่งคำเตือนไปให้พวกเขา
“ผู้หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจู้ซิงมีเดียอีกแล้ว!”
ส่วนโจวชิง เขาเป็นคนฉลาดและอำพรางตัวตนที่แท้จริงได้อย่างแนบเนียน ทว่าน่าเสียดายที่เขาประเมินตัวเองสูงเกินไป เมื่อตั้งตัวขึ้นมาเป็นศัตรูของถังหนิงและโม่ถิง โจวชิงไม่อาจแม้แต่จะผ่านด่านแรกไปได้ด้วยซ้ำ
หากแต่แน่นอนว่าคนที่ถังหนิงเกลียดที่สุดไม่ใช่โจวชิงแต่กลับเป็นซย่าหันโม่
จู้ซิงมีเดียลงทุนลงแรงไปกับเธอตั้งเท่าไร หลินเฉี่ยนเสียสละเพื่อเธอมากแค่ไหน
แต่เธอกลับทำให้หลินเฉี่ยนบาดเจ็บถึงขนาดนี้เพียงเพราะผู้ชายคนเดียว!
เพียงแต่นึกถึงก็ทำให้ถังหนิงเดือดปุดๆ แล้ว
ต่อให้หลินเฉี่ยนจะไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น ถังหนิงก็ยังคงจะทำให้ซย่าหันโม่รู้ซึ้งว่าตอนนี้เธอกับหลินเฉี่ยนอยู่คนละโลกกันแล้ว
…
ในเวลาเดียวกันโจวชิงไม่มีหนทางอื่นนอกจากไปรายงานตัวกับกองข่าว แม้จะรู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวตลกก็ตาม
แน่นอนว่าเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากเขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ หากแต่เขาจะยอมทนเรื่องนี้ไปได้อีกสักเท่าไร
ขณะเดียวกันซย่าหันโม่กลายเป็นคนไร้ค่าและไม่เหลืออะไรสักอย่าง ไร้ซึ่งคุณค่าในตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่โจวชิงเจ็บใจมากที่สุด
มันได้ส่งผลอย่างรุนแรงถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนอย่างเลี่ยงไม่ได้
โจวชิงเริ่มเมินเฉยซย่าหันโม่ แม้แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ที่บ้าน พวกเขาต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเองและไม่พูดคุยกันแม้แต่น้อย
และซย่าหันโม่ยอมทนถูกกระทำอย่างนั้นเพราะเธอยังรู้สึกผิดในใจ อย่างไรก็ตามโจวชิงในตอนนี้ดูกลายเป็นคนอื่นคนไกลไปเสียแล้ว
“ถ้าคุณรำคาญที่ต้องเห็นฉัน ฉันย้ายออกไปก็ได้นะคะ”
“ต่อให้เธอไปขายตัวตอนนี้ก็ไม่มีใครเอาหรอก…” โจวชิงหัวเราะ “หันโม่ บอกฉันมาสิว่าจะช่วยฉันยังไง เธอไม่ได้บอกเองเหรอว่าฉันเป็นอย่างนี้เพราะเธอน่ะ”
ได้ยินดังนั้น ซย่าหันโม่รู้สึกราวกับหัวใจแตกร้าวออกเป็นเสี่ยงๆ
“ฉันอยากช่วยคุณจริงๆ นะคะ”
โจวชิงเงยหน้ามองซย่าหันโม่ หลังจากจ้องเธออยู่พักใหญ่ เขาก็เอ่ยออกมาในท้ายที่สุด “เธอเป็นคนเสนอเองนะ อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน…”
“ฉันไม่เสียใจหรอกค่ะ” เธอตอบกลับอย่างมั่นใจ
โจวชิงไม่ได้พูดอะไรออกมา ว่ากันตามจริงแล้วตอนนี้เขากำลังใช้สมองคิดหาทางทำให้ผู้จัดการสถานีและลูกชายต้องทุกข์ทรมานอยู่ เขาต้องทนโดนดูถูกเหยียดหยามมาตลอด ตอนนี้ทุกครั้งที่คนในสถานีเห็นหน้าเขาพวกเขาก็อดจะเยาะเย้ยใส่ไม่ได้
ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่อาจอยู่รอดในวงการบันเทิงต่อไปได้อีกแล้ว
ทว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพาซย่าหันโม่ติดสอยห้อยตามไปด้วย เธอเป็นภาระมากเกินไป เขาเป็นคนฉลาด หากเขาวางแผนอย่างรอบคอบ เขาจะสามารถเริ่มต้นใหม่ในสายงานอื่นได้ หากแต่เขาจะไม่มีทางเก็บคนโง่อย่างซย่าหันโม่ไว้ข้างตัวเด็ดขาด
ดังนั้นเขาจะขูดรีดทุกอย่างที่ซย่าหันโม่จะให้กับเขาได้เสียก่อน
จนกระทั่งถึงป่านนี้ ซย่าหันโม่คนโง่ก็ยังคิดว่าเป็นความผิดของหลินเฉี่ยนอยู่ เมื่อผู้หญิงตกอยู่ในห้วงความรัก เหตุผลทุกอย่างก็อันตรธานหายไป…