“แล้วซย่าหันโม่จะยังปลอดภัยไหมคะ มันไม่ง่ายที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของเธอเลยนะคะ แล้วตอนนี้ดูท่าเข้าสิ เมื่อก่อนเธอก็สมควรถูกใส่ความอยู่หรอกค่ะ”
หลงเจี่ยไม่เคยลืมว่าหลินเฉี่ยนทำเพื่อซย่าหันโม่มากแค่ไหน แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่าไปใส่ร้ายคนรักของเธอ! คิดได้ดังนั้นหลงเจี่ยก็รู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจ เธออยากจะกระชากซย่าหันโม่มาและฟาดหน้าสักสองสามที
“หนิงพูดก่อนหน้านี้ว่ายิ่งตอนนี้เธอมั่นใจเท่าไรเธอก็จะเสียใจทีหลังมากเท่านั้น”
“เจ้านายคะ ฉันนัดลูกชายของผู้จัดการได้แล้วนะคะ เป็นวันพรุ่งนี้ตอน 1 ทุ่มค่ะ”
“บอกลู่เช่อว่าฉันต้องการพบผู้จัดการและไม่ให้เขาบอกใครทั้งนั้น นี่เป็นความลับ” โม่ถิงเอ่ยเงียบๆ พลางลูบศีรษะถังหนิง
ไม่ว่าโจวชิงจะเล่นเกมเก่งแค่ไหน เขาก็เป็นได้เพียงตั๊กแตนที่วิ่งเต้นไปทั่ว สร้างเรื่องวุ่นวายใหญ่โต หากแต่กลับถูกดีดทิ้งออกไปอย่างง่ายดาย
เขาคิดว่าการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังจะได้ผลจริงๆ หรือ
เขาก็ทำได้เพียงหลบอยู่ใต้น้ำตื้นและไม่มีทางรับมือไปได้มากกว่านี้
เมื่อได้ยินว่าโม่ถิงจะเป็นคนลงมือเอง หลงเจี่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เพราะนั่นหมายความว่าโจวชิงไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของโม่ถิงไปได้ ต่อให้เขาจะได้รับความเชื่อใจจากลูกชายของผู้จัดการสถานีหรือก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนสำคัญอย่างที่ตัวเองคิด อย่างน้อยในวงการนี้เขาก็เป็นแค่มันฝรั่งหัวเล็กๆ เท่านั้น
…
แน่นอนว่าลูกชายผู้จัดการไม่ได้แอบโจวชิงไปพบกับถังหนิง หากแต่เขายังต้องการจะเห็นว่าถังหนิงจะมาไม้ไหนอีก
“ถังหนิงนัดพบคุณอย่างนี้ เธอต้องไม่ปล่อยหันโม่กับผมไปแน่ เธอแทบจะต้อนเราให้ตกจากหน้าผาแล้ว”
“ตอนนี้ซย่าหันโม่ไม่ใช่ศิลปินของเธออีกต่อไปแล้วและพวกคุณสองคนก็กำลังกลับมาทำงานที่สถานีโทรทัศน์ของผม เธอต้องให้ผมยินยอมถึงจะทำอะไรกับคุณได้ ใช่ไหมล่ะ” จริงๆ แล้วเขาต้องการเห็นถัง
หนิงกับโจวชิงสู้กัน ทว่าต่อให้มันเกิดขึ้นก็ยังไม่สาสมกับที่เขาต้องสูญเสียแขนไป
โจวชิงไม่ได้พูดอะไรขณะที่จ้องมองไปที่ชายหนุ่ม
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ พรุ่งนี้ตอนที่ผมไปเจอถังหนิง คุณกับซย่าหันโม่ก็หลบอยู่ในห้องรับรองก็ได้ ถ้าถัง
หนิงกล้าใส่ความคุณ คุณก็โผล่ออกมาแฉเธอทันทีซะเลยสิครับ”
โจวชิงมองอีกฝ่าย เขาดูออกว่าทำไมลูกชายของผู้จัดการถึงเลือกทำอย่างนี้ เป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่เชื่อเขาอย่างสนิทใจอย่างไรล่ะ
เขาจึงส่ายหน้าก่อนตอบกลับ “ไหนๆ คุณก็พูดถึงขนาดนี้แล้ว ผมจะไว้ใจคุณแล้วรอความคืบหน้าอยู่ที่บ้านแล้วกันครับ”
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากและเหยียดยิ้ม หลังจากเห็นท่าทีของโจวชิง เขายิ่งรอคอยที่จะได้พบกับถังหนิงกว่าเดิม
ในขณะเดียวกันถังหนิงเองไม่รู้ว่าโม่ถิงกำลังจะไปพบกับผู้จัดการสถานีเช่นกัน
ความจริงแล้วก่อนที่ถังหนิงจะไปเจอกับลูกชายผู้จัดการ ลู่เช่อได้จัดการนัดให้กับโม่ถิงเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามชายแก่ไม่รู้ว่าเหตุใดโม่ถิงจึงอยากพบเขา เขางุนงงกับเรื่องนี้ไม่น้อย
“ผมสงสัยว่าทำไมประธานโม่ถึงอยากพบผมล่ะครับ”
“เพราะเป็นเรื่องที่คุยกันอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ไงครับ” โม่ถิงทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับผู้จัดการพร้อมชุดน้ำชาที่อยู่คั่นกลางระหว่างพวกเขา “ผู้จัดการรู้หรือเปล่าครับว่าใครทำให้ลูกชายของคุณต้องเสียแขนไป”
เขาส่ายหน้า “ไอ้ลูกคนนี้ทำตัวอวดดีเหลือเกินแล้วยังสร้างศัตรูไปทั่ว…”
“โจวชิงครับ” โม่ถิงตอบอย่างไม่อ้อมค้อมก่อนจะอธิบายความขัดแย้งระหว่างโจวชิงกับจู้ซิงมีเดียให้เขารู้
“ประธานโม่มีหลักฐานหรือเปล่าครับ”
“ผมเป็นเจ้าของไห่รุ่ย มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปใส่ร้ายเขาด้วยล่ะครับ” โม่ถิงถามเสียงเรียบ “ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากครับ เขาทำให้ภรรยาของผมไม่มีความสุข ผมเลยไม่มีทางปล่อยให้เขาได้มีความสุขไปได้อีกตลอดชีวิต ผมมั่นใจว่าคุณรู้ว่าผมหมายความว่าอะไรครับ”
ผู้จัดการเป็นคนฉลาด หากเขาสามารถเห็นข้อดีของไห่รุ่ยและเปิดโอกาสในอนาคตให้กับตัวเอง เขาคงจะไม่โง่ที่จะปกป้องคนที่อาจเป็นคนที่ทำร้ายลูกชายของเขาและเจ้าแผนการอย่างนี้
“ประธานโม่วางแผนจะทำอะไรครับ”
“ถ้าโจวชิงต้องการกลับไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์ของคุณ อย่างนั้นก็ปล่อยให้เขากลับไปครับ แต่…เขาไม่ควรได้คิดฝันที่จะได้เป็นพิธีกรรายการอันดับต้นๆ อีก ถ้ามีที่ที่ต้องลำบากก็ปล่อยให้เขาไป ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปล่อยให้เขาแบกรับ สรุปแล้ว ผมไม่ต้องการให้เขามีความสุขแม้แต่วันเดียวไปตลอดชีวิตน่ะครับ…
…ที่สำคัญที่สุด ผมต้องการให้คุณลงมืออย่างแนบเนียน อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายสูงวัยพยักหน้ารับ ทุกคนต่างเล่าลือกันว่านายใหญ่แห่งไห่รุ่ยทั้งโหดเ**้ยมและเลือดเย็น ตอนนี้เขาได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วและรับรู้ว่าไม่ผิดอย่างที่พูดกันไว้เลย
ในเมื่อโจวชิงสร้างความเดือดร้อนให้ถังหนิง ย่อมหมายความว่าเขาทำให้โม่ถิงเดือดร้อนด้วยเช่นกัน
“ประธานโม่ครับ ไม่ต้องห่วง ผมจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องความบาดหมางของพวกเขา แต่จะจัดการหน้าที่ของตัวเองให้ดีครับ”
“ผมจะรอฟังข่าวดีนะครับ”
หากโจวชิงต้องการยกระดับสถานะของเขาในวงการบันเทิง เขาต้องพิจารณาฝีมือของตัวเองเสียก่อน เขาอาจจะคิดว่าตัวเองวางกับดักเอาไว้อย่างดีแล้ว หากแต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นสำหรับคนที่เหนือชั้นกว่า
ต่อให้เขาเอาชนะถังหนิงได้ ต่อให้เขาเอาชนะทุกอย่าง แล้วกลับไปในจุดเดิมของตัวเองและพยายามใช้ซย่าหันโม่เป็นเครื่องมือ เขาก็ยังคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ดี
…
คืนต่อมาในเวลาหนึ่งทุ่ม การนัดพบของถังหนิงเกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ภายในห้องส่วนตัว ลูกชายผู้จัดการมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน ในขณะที่ถังหนิงพาหลงเจี่ยมาพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคนเช่นกัน
“เป็นเกียรติของผมที่ได้พบกับถังหนิงผู้โด่งดังนะครับ คุณนี่มั่นใจที่จะมาพบหน้าผมจริงๆ ”
ถังหนิงจ้อมมองอีกฝ่ายก่อนว่าขึ้น “โจวชิงได้มาพบคุณใช่ไหมคะ”
“คุณนี่ฉลาดจริงๆ แค่ประโยคแรกก็ทำให้สถานการณ์ดูน่าตื่นเต้นแล้วสิ คุณคงเดาได้ว่าเขาพูดกับผมว่าอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยพลางมองไปที่แขนที่พิการของตัวเอง “ผมล่ะอยากจะเห็นว่าคุณถังมีหลักฐานอะไรและคุณกำลังวางแผนโน้มน้าวผมยังไง
“ยังไงเรื่องที่โจวชิงเล่าก็ตื่นตาตื่นใจพอสมควรแล้วนะครับ
“คุณมีเรื่องที่ดีกว่าของเขาไหมล่ะครับ”
ถังหนิงหัวเราะและพูดกับลูกชายผู้จัดการ “ก่อนอื่นฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อแก้ตัวหรือขอให้คุณเชื่อใจค่ะ คุณน่าจะรู้ว่าคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาสู้กับคุณหรอก…
“โจวชิงกับซย่าหันโม่อาจจะถูกโยนออกมาเหมือนหมาข้างถนน แต่ฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
“นอกจากนี้ฉันก็รู้ว่าคุณไม่ได้เชื่อสิ่งที่โจวชิงพูดอย่างสนิทใจนักเพราะคุณรู้ว่าเขาไม่น่าไว้ใจแค่ไหน
“คุณก็แค่เอาเขากลับมาในอาณาจักรของคุณเพื่อจะได้เหยียบย่ำและแก้แค้นเขาได้ง่ายๆ
“เขาอยากจะฝืนแต่คุณต้องการควบคุมเขาไว้ คุณต้องการให้เขารู้ว่ามีบางอย่างที่เขาไม่สามารถต้านทานจนเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมของตัวเองทำร้ายใครไม่ได้”
หลังได้ยินคำพูดของถังหนิง ชายหนุ่มรู้ว่าถังหนิงก็ยังเป็นถังหนิงอยู่วันยังค่ำ
“คุณไม่ได้ยืนหยัดในความยุติธรรมและพยายามช่วยคนที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมหรือยังไง อะไรกันเนี่ย ตอนนี้คุณเริ่มรังแกคนอื่นแล้วเหรอครับ”
ถังหนิงก้มหน้าอยู่ชั่วขณะก่อนสวนกลับ “ฉันไม่เหมือนคุณค่ะ ฉันจะรังแกคนที่ทำร้ายฉันก่อนเท่านั้น ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”