“มีฉันอยู่ทั้งคน เธอไม่มีทางเอาตัวเธอไปได้หรอกค่ะ” ถังหนิงเอ่ยอย่างมั่นใจ “ก่อนอื่นหนี้ของคุณถูกสะสางหมดเรียบร้อยแล้วและเงินออมของคุณก็อยู่ที่หกหลัก ดังนั้นสถานะทางการเงินของคุณไม่มีปัญหาแล้วล่ะค่ะ…
“ต่อมาเธอมีประวัติที่ได้ทอดทิ้งโคโค่ไป…
“สาม ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายที่มีปัญหาทางการเงินอยู่ค่ะ”
หลังได้ยินคำพูดของถังหนิง ในที่สุดคุณพ่อลีก็เบาใจลงได้ ทุกครั้งที่คิดว่าโคโค่จะถูกพรากไปจากเขา ก็รู้สึกราวกับชีวิตไม่มีความหมายอีกต่อไป
ถังหนิงมองอีกฝ่าย ชายคนนี้จิตใจดี ว่ากันตามจริงเขาเป็นคนอ่อนโยนเกินไปด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อาจปกป้องคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาไว้ได้ สิ่งต่างๆ ในชีวิตจะวนเวียนไม่จบไม่สิ้นหากเขายังเอาแต่ถอดใจอยู่อย่างนี้
ในความเป็นจริง ถังหนิงมีแผนที่ซับซ้อนมากกว่านั้น แต่หลังจากที่เห็นสภาพของคุณพ่อลี เธอรู้ว่าเขาคงไม่อาจทำอะไรได้มาก จึงพับแผนของตัวเองเก็บและตัดสินใจให้หลงเจี่ยลงมือจัดการแทน อย่างไรก็ตามการเติบโตขึ้นในครอบครัวที่แตกแยกและเห็นความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่คงไม่ดีนักสำหรับสภาพจิตใจของลูกๆ ถัง
หนิงจึงได้แต่หวังว่าโคโค่จะยังเข้มแข็งอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้
“ผมควรพาโคโค่ไปพบเธอเหรอครับ”
“ทำไมจะไม่ควรละคะ คุณห้ามไม่ให้แม่เจอลูกสาวตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ แต่พอถึงเวลานั้นก็พาคนอื่นไปด้วยนะคะ” ถังหนิงตอบ
“โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว” คุณพ่อลีพยักหน้ารับ
ในขณะเดียวกันโคโค่กำลังอยู่ที่กองถ่าย ราชินีมด ในฐานะนักแสดงเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ เธอมุ่งมั่นตั้งใจอย่างหนัก พาให้ผู้ใหญ่ในกองต่างอับอายเมื่อเอาตัวเองไปเทียบ
ทุกครั้งที่ถังหนิงไม่อยู่ โคโค่มักชอบตามโม่ถิงไปทั่ว
เธอชอบแอบอ่านบทของเขาและติดสอยห้อยตามเขาไปทั่วกองถ่าย อันที่จริงเธอแทบไม่ละสายตาไปจากโม่ถิงเลย ด้วยรู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เขา
เป็นธรรมดาที่โคโค่จะต้องการการปกป้องจากโม่ถิง อย่างไรเสียเขาก็เป็นนายใหญ่แห่งวงการบันเทิง แต่การที่เขาปล่อยให้เด็กหญิงตัวน้อยตามเขาอยู่อย่างนี้คือสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
“โคโค่ ทิ้งสะโพกลงต่ำกว่านี้อีกนิดนะ…”
เมื่อเห็นว่าเฉียวเซินว่าอย่างเข้มงวด โม่ถิงอดไม่ได้ที่จะออกปากเตือน “มีเหตุผลหน่อยสิครับ”
เฉียวเซินหัวเราะก่อนตอบ “ไม่ต้องห่วงครับ เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อวงการบันเทิง ที่ถังหนิงใส่ใจดูแลเธอเพราะภายนอกถังหนิงอาจจะดูเย็นชาแต่ในใจเธอก็อบอุ่นก็พอเข้าใจได้อยู่ แล้วกับคุณล่ะ ประธานโม่”
“ผมกำลังฝึกลูกสะใภ้ในอนาคตของผมอยู่”
เขาเบิกตากว้าง จริงหรือเนี่ย เจ้าแฝดยังเด็กกันอยู่เลยไม่ใช่หรือ โม่ถิงมองหาลูกสะใภ้แล้วหรืออย่างไรกัน แถมเธอยังอายุมากกว่าพวกเขาตั้งห้าปีด้วยไม่ใช่หรือ
แน่นอนว่าโม่ถิงพูดเล่นเท่านั้น แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายน่าจะถือเป็นจริงเป็นจังเสียแล้ว
“คุณอาคะ หนูได้ยินจากพ่อเมื่อคืนว่า ผู้หญิงคนนั้น อยากเอาตัวหนูไปจากพ่อค่ะ”
“ตราบใดที่เธอไม่เต็มใจก็ไม่มีใครบังคับเธอให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำได้หรอกนะ” โม่ถิงตอบ
…
หลายวันต่อมาข่าวซุบซิบเริ่มแพร่ไปทั้งวงการรายการโทรทัศน์ ว่าลูกชายของผู้จัดการสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งสูญเสียแขนซ้ายไปเพราะถูกจับได้ว่าเป็นชู้กับแฟนสาวของผู้ชายอีกคน นับเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับมากนัก
คืนนั้นระหว่างที่ซย่าหันโม่กำลังถ่ายทำรายการ หลินเฉี่ยนเดินไปที่ลานจอดรถเพื่อหยิบเสื้อคลุม แต่กลับบังเอิญได้ยินใครบางคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“มาลองดูว่าถ้าเขาพยายามจะลองดีกับฉันอีกไหม ตอนนี้คนทั้งประเทศรู้แล้วว่าฉันทำให้รายการของเขาโด่งดังขึ้นมาได้ และเขาก็แค่มารับช่วงต่อจากฉัน เขาคิดว่าฉันจะไม่ตอกกลับเพราะฉันกลัวเขาหรือยังไง พวกนายจัดการเรื่องนี้ได้ไม่มีที่ติเลยล่ะ…
“เขาก็แค่เสียแขนไป แต่มันยังไม่สาสมกับความเกลียดชังของฉันหรอก”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หลินเฉี่ยนถึงกับชะงักไป
น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นเคย คุ้นเสียจนเธอไม่อยากจะยอมรับมัน
กลัวว่าเธอจะค้นพบบางอย่างเข้า หลินเฉี่ยนรีบกลับเข้าไปในกองถ่าย ทว่าชายคนที่คุยโทรศัพท์ทันเห็นเธอเดินจากไป น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
ทันทีที่หลินเฉี่ยนกลับมาหาซย่าหันโม่ เธอรีบถอดเสื้อคลุมสีดำของเธอออก
ไม่นานหลังจากนั้น โจวชิงกลับเข้ามาในที่ถ่ายทำและเห็นหลินเฉี่ยน แต่เธอไม่ได้ทำให้เขาสงสัยในตัวเธอแต่อย่างใด
เพราะตอนนี้หลินเฉี่ยนกำลังอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว
“เฉี่ยนเฉี่ยน เสื้อคลุมของฉันอยู่ไหนล่ะ ฉันคิดว่าคุณไปเอาที่ลานจอดรถให้ฉันซะอีก”
เมื่อโจวชิงได้ยินคำถามของซย่าหันโม่ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลินเฉี่ยนยังคงทำตัวนิ่งๆ อย่างเคยก่อนตอบกลับไป “ฉันไม่ได้ไปที่ลานจอดรถค่ะ ฉันไปถามสไตลิสต์เรื่องต่างหูของคุณต่างหาก”
ได้ยินดังนั้นโจวชิงก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีกและกลับมาอยู่ต่อหน้ากล้อง พวกเขากำลังถ่ายทำตัวอย่างรายการตอนใหม่อยู่
หลินเฉี่ยนไม่ได้ทำตัวกระโตกกระตาก ระหว่างที่ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายทำ เธอแอบย่องไปด้านหลังและต่อสายหาถังหนิง
เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนบนโลกใบนี้ที่ปลอมตัวหลอกคนอื่นได้แนบเนียนขนาดนี้ สิ่งที่พบเจอได้ทำลายความประทับใจของหลินเฉี่ยนที่มีต่อโจวชิงไม่เหลือชิ้นดี ที่แท้คนเราก็สามารถหลอกคนอื่นด้วยไหวพริบที่ปราดเปรียวและภาพลักษณ์ภายนอกที่อ่อนโยนเสียได้
ด้วยกลัวว่าซย่าหันโม่จะไม่อาจรับความจริงได้ หลินเฉี่ยนตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับเธอในตอนนี้และพูดกับถังหนิงแทน
หลังถังหนิงได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น เธอสั่งหลินเฉี่ยนทันที “ตอนนี้อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าโจวชิงเป็นแบบนั้นจริง อย่างนั้นเราต้องเตรียมแผนตอบโต้ให้ดีๆ โดยเฉพาะหันโม่ เราต้องช่วยให้เธอถอนตัวออกมาอย่างปลอดภัย”
“โอเคค่ะ” หลินเฉี่ยนพยายามทำใจเย็น หากแต่เธอก็ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง จึงตัดสินใจโทรหาหลี่จิ่น
จากนั้นหลินเฉี่ยนกลับมายังสถานที่ถ่ายทำ ทว่าในครั้งนี้โจวชิงได้มองมาทางเธอ
หลินเฉี่ยนไม่อาจหลบสายตาเขาได้ เธอจึงจ้องมองเขากลับไป
ทำไมเธอถึงไม่สังเกตว่าชายคนนี้ซ่อนตัวตนที่แท้จริงได้แนบเนียนขนาดนี้กัน
หลังการถ่ายทำเสร็จสิ้น หลินเฉี่ยนไปที่ลานจอดรถเพื่อขึ้นรถของเธอ ตอนนี้เองที่โจวชิงเข้ามาหาซย่าหันโม่และบอกกับเธอ “หันโม่ ฉันว่าหลินเฉี่ยนคงโกหกเธอแล้วล่ะ ฉันมั่นใจว่าเห็นเธอที่ลานจอดรถก่อนหน้านี้ เธออาจได้ยินฉันคุยโทรศัพท์ก็ได้”
“ทำไมหลินเฉี่ยนต้องโกหกด้วยละคะ”
“ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจฉันผิดน่ะ ลูกชายของผู้จัดการสถานีตามรังควานฉันอย่างหนัก เพื่อนของฉันเลยเสนอตัวจะช่วยฉัน…
…เธออาจจะคิดว่าฉันทำบางอย่างกับเขาก็ได้”
“ถ้าเป็นการเข้าใจผิดก็ไปอธิบายกับเธอสิคะ” ซย่าหันโม่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจนัก อย่างไรการได้ยินบางอย่างมาผิดๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติอยู่แล้ว
“ถ้าหลินเฉี่ยนเข้าใจฉันผิดจริง เธอช่วยอธิบายกับเธอแทนฉันได้ไหม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่โจว”
ซย่าหันโม่ไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นการหลอกล่อของเขา ดังนั้นหลังจากที่ขึ้นรถ เธอจึงเอ่ยถามหลินเฉี่ยน “เฉี่ยนเฉี่ยน พี่โจวบอกว่าเขาเห็นคุณไปที่ลานจอดรถน่ะ คุณไปที่นั่นจริงๆ เหรอคะ”
หลินเฉี่ยนไม่ตอบ เดาว่าโจวชิงคงพยายามแก้ตัวกับซย่าหันโม่ แต่สิ่งที่เขาพูดแก้ต่างคงจะรู้กันแค่ระหว่างพวกเขาเท่านั้น
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง หลินเฉี่ยนส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่ได้ไปที่ลานจอดรถจริงๆ ค่ะ ฉันไปที่ห้องแต่งหน้า พี่โจวต้องจำคนผิดแน่ๆ เลยค่ะ”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิคะ” หลินเฉี่ยนหยักหน้า
“โอเคค่ะ”
นับตั้งแต่ตอนนั้น ซย่าหันโม่ได้แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างหลินเฉี่ยนกับโจวชิง
หลินเฉี่ยนสงสัยโจวชิง หากแต่เธอไม่มีหลักฐานที่จะชี้ตัวเขาได้ ทำได้เพียงเปิดเผยตัว ที่แย่ที่สุดคือซย่าหันโม่จะสูญเสียความเชื่อใจในตัวเธอไป
ไม่นานหลี่จิ่นก็มารับหลินเฉี่ยนกลับบ้าน หลังได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นเขาลูบหลังเธอพร้อมกล่าวชม “คุณทำดีแล้วล่ะครับ”