ผู้จัดการของเคทรับรู้ถึงสัญญาณเตือน หากแต่เธอกลับยังคงไม่รู้ตัว
จะว่าไปแล้วผู้จัดการสังเกตเห็นผลงานของนักแสดงหญิงคนอื่นๆ บนโต๊ะของเฉียวเซินตอนที่เข้ามาในห้องทำงานของเขา และเห็นได้ชัดว่าเขาเปิดดูพวกมันทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังพิจารณาหาคนอื่นมาแทนที่เคท
ผู้จัดการอยากให้เฉียวเซินใจเย็นลง หากแต่ด้วยอารมณ์ของเขาในตอนนี้เธอจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้เคททำอะไรไม่คิดลงไป
ด้วยเหตุนี้สุดท้ายผู้จัดการจึงมอบนาฬิกาหรูเป็นของขวัญให้กับเชี่ยวเซิน แต่เขากลับไม่รับแล้วยื่นกลับมาโดยที่ไม่เปิดดูแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเขาได้ต่อสายเพื่อคุยกับถังหนิงเรื่องนี้แล้ว แต่ทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องนักแสดงที่จะเลือก ในที่สุดพวกเขาจึงไม่สามารถตกลงเรื่องนักแสดงที่เหมาะสมได้
“ให้โอกาสเคทอีกครั้งเถอะ ไหนๆ เราก็ถ่ายทำกันมามากแล้ว น่าเสียดายที่จะยอมแพ้ตอนนี้”
“ฉันควรฟังเธอตั้งแต่ทีแรกและไม่เอานักแสดงต่างชาติมาแสดง ฉันทำตัวเองลำบากแท้ๆ เชียว”
ถังหนิงไม่ได้ตอบกลับ จริงๆ แล้วตอนนี้เธอกำลังสนใจกับรายการเด็กบนโทรทัศน์ตรงหน้าโม่จื่อเฉินอยู่ต่างหาก
เจ้าตัวป่วนมองหน้าจอตาไม่กะพริบพร้อมรีโมตที่อยู่ในมือ ถึงแม้ว่าเขาจะยังเดินได้ไม่แข็งดีด้วยซ้ำ
จากนั้นถังหนิงวางสายและจดจ่อกับภาพบนหน้าจอ…
ในบรรดาลูกทั้งสองคน โม่จื่อซีชื่นชอบการนอนเป็นที่สุด หากแต่เขาก็มีมุมขี้เล่นและซุกซน ผิดกับโม่จื่อเฉินที่เหมือนชายสูงวัย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูเหมือนผู้ใหญ่ขนาดย่อมๆ และสนใจสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะเช่นนั้นจื่อซีเลยดูเหมือนเด็ก ในขณะที่จื่อเฉินดูโตกว่าวัยของเขาไปมาก เป็นอย่างนี้ต่อไป เห็นทีว่าสุดท้ายเด็กแสบคนนี้จะต้องเฉลียวฉลาดกว่าเธอและโม่ถิงแน่
…
ในขณะเดียวกันที่ทางเข้าสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง
ซย่าหันโม่และหลินเฉี่ยนก้าวออกมาจากสถานที่ถ่ายทำและพบว่าฝนพรำอยู่ด้านนอก ดังนั้นในระหว่างที่หลินเฉี่ยนวิ่งออกไปเอารถ โจวชิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซย่าหันโม่
“หันโม่”
“พี่โจว” ซย่าหันโม่มองเขาด้วยสายตางุนงง
“ฉันรู้ว่าเธอสนิทสนมกับหลินเฉี่ยน แต่มีบางอย่างที่ฉันไม่มั่นใจว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า ฉันแค่อยากจะแนะนำเธอ มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกนะ”
เธออึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ว่ามาสิคะ”
“ฉันรู้ว่าหลินเฉี่ยนมีความสามารถ แล้วก็รู้ว่าเธอดูแลเธอดีมาก แต่ฉันเชื่อว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงยังไงแฟนหนุ่มของเธอก็ทำงานในกองทัพ ถ้าวันหนึ่งเธอแต่งงานไปแล้วเอาแต่สนใจเรื่องของครอบครัวตัวเองล่ะ ฉันว่าเธอต้องเตรียมใจกับเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นและลองหาผู้จัดการกับผู้ช่วยที่เหมาะสมเอาไว้บ้างนะ…
…ถึงฉันจะรู้ว่าถังหนิงจะเตรียมการไว้แล้ว แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องคิดถึงความต้องการของเธอเองเป็นหลัก”
หลังฟังจบ ซย่าหันโม่พยักหน้ารับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะพี่โจว แต่ฉันว่ายังไม่จำเป็นตอนนี้หรอกค่ะ”
“ก็จริง ฉันแค่อยากให้เธอเตรียมตัวเอาไว้น่ะ” โจวชิงส่งยิ้มให้
ไม่นานรถของหลินเฉี่ยนก็มาถึงพร้อมกับผู้ช่วยของโจวชิงที่เข้ามาจอดเทียบต่อหน้าทั้งคู่ พวกเขาก้าวขึ้นรถของตัวเองและกลับไปยังที่พัก แต่ทว่าซย่าหันโม่กลับรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าโจวชิงจะเพียงออกปากแนะนำ เธอก็ทนไม่ได้ที่วันหนึ่งหลินเฉี่ยนอาจจากเธอไป
ดังนั้นในระหว่างที่พวกเธอขับรถกลับบ้าน ซย่าหันโม่อดไม่ได้ที่จะถามหลินเฉี่ยน “คุณวางแผนจะแต่งงานเมื่อไหร่เหรอคะ”
“ฉันยังไม่ได้คิดเลยค่ะ” หลินเฉี่ยนตอบ
ซย่าหันโม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตราบใดที่ยังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ เธอจะไม่เก็บเรื่องที่โจวชิงยกขึ้นมาพูดมาคิดอีกจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง
…
เคทต้องการตัวโม่ถิง เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามใกล้ชิดเขาด้วยร่างกาย หากแต่ในครั้งนี้ทีมงานส่วนใหญ่รู้แล้วว่าเธอสนใจในตัวเขา
อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างโล่งใจที่เห็นโม่ถิงไม่เคยชายตามองเธอสักครั้ง สร้างความสบายใจให้กับแฟนๆ ของคู่รักโม่อย่างพวกเขาทีเดียว
“เคทคนนี้น่ารังเกียจจริงๆ เธอไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปได้เลย”
“ประธานโม่เป็นของถังหนิง ฉันหวังว่าผู้หญิงคนนี้จะยับยั้งชั่งใจได้บ้าง”
“ฉันล่ะไม่ชอบนักแสดงต่างชาติเลยสักนิด พวกเขาอาจจะเก่งเรื่องการแสดง แต่เรื่องความสัมพันธ์นี้ฉาวโฉ่สุดๆ ไปเลย”
“คอยดูเถอะ เคทจะต้องได้ฉีกหน้าตัวเองแน่ๆ ”
ในขณะที่ทีมงานสุมหัวกันซุบซิบนินทาเคท สิ่งที่พวกเขาพูดกันก็ลอยเข้าถึงหูผู้จัดการของเคทอย่างเลี่ยงไม่ได้ การถ่ายทำที่กองก็ลำบากพวกเขาพออยู่แล้ว เคทยังไม่รู้จักควบคุมตัวเองเอาไว้อีก
ไม่นานหลังจากนั้น เคทขอให้ทีมงานคนหนึ่งเอาน้ำมาให้เธอ หากแต่จิบไปได้อึกเดียว เธอก็บ้วนออกมาและโยนแก้วลงบนพื้นเพราะน้ำที่ร้อนเกินไป
“เธอทำอะไรของเธอ ตั้งใจจะลวกฉันหรือยังไง”
ผู้ช่วยตำแหน่งเล็กๆ ในกองรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ยิ่งการเสิร์ฟน้ำให้กับนักแสดงไม่ได้เป็นหน้าที่ของเธอมาตั้งแต่แรกด้วยแล้ว
ทว่าเพื่อไม่เป็นการไปมีเรื่องกับอีกฝ่าย เธอได้แต่เก็บแก้วน้ำขึ้นมาและไปเอาอย่างอื่นมาให้ แต่ในครั้งนี้เคทกลับบ่นว่าเธอไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไป
ผู้ช่วยในกองไม่อาจทนไหวอีกต่อไปและพึมพำบางคำออกมาเบาๆ อย่างไรก็ตามเคทได้ยินสิ่งที่เธอพูด ถึงจะไม่เข้าใจภาษาจีนแต่เธอก็ดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังต่อว่าเธออยู่ จึงหันไปถามผู้จัดการของตัวเอง “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร”
“เธอบอกว่าคุณเทียบถังหนิงไม่ได้เลย” อีกฝ่ายตอบไปตามตรง
“ถ้าถังหนิงดีนักหนาแล้วทำไมพวกคุณไม่ให้เธอแสดงแทนล่ะ ฉันมั่นใจว่าพวกคุณคงจะเข้าข้างเธอไม่ว่าเธอจะเป็นนังแพศยาชั่วช้าแค่ไหนก็ตาม”
ทีมงานไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเธอจึงได้แต่ทำท่าไม่พอใจมากกว่าเดิม เมื่อเห็นดังนั้นเคทหลุดขำออกมาและเทน้ำในแก้วราดหัวอีกฝ่าย “ถังหนิงเป็นนังแพศยาชั่วช้า นังแพศยาชั่วช้า!”
ผู้จัดการปล่อยให้เคทพูดคำเหล่านี้ออกมาเพราะรู้ว่าไม่มีใครอยู่แถวๆ นี้ แต่นึกไม่ถึงว่าคำพูดพวกนี้จะลอยไปถึงหูโม่ถิง
ถึงอย่างไรทีมงานในกองเองก็ถูกกดขี่ข่มเหง เธอจึงต้องบอกเรื่องนี้กับเชียวเชินอยู่แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ก็จำคำสุดท้ายที่เคทลั่นออกมาได้ก่อนทวนออกมาให้เฉียวเซินฟัง
เมื่อเขาได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ที่แย่ที่สุดคือโม่ถิงกำลังยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา
“ประธานโม่…”
โม่ถิงไม่ปริปากใดๆ พลางปรายตามองเคทที่ยืนอยู่ไกลๆ ก่อนก้าวเข้าไปหาเธอ
เฉียวเซินและผู้ช่วยกองคนนั้นรีบตามหลังไป เตรียมรับมือกับพายุที่กำลังจะโหมกระหน่ำ
แน่นอนว่าเคทแปลกใจที่เห็นโม่ถิง จะว่าไปแล้วเขาเคยเข้าหาเธอด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อไรกัน เธอพลันลุกขึ้นจากเก้าอี้และทักทายเขาพร้อมรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามโม่ถิงทำเพียงว่าใส่หน้าเธอ “ออกไปแล้วกลับฝรั่งเศสไปเดี๋ยวนี้! อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีกเด็ดขาด!”
สีหน้าของเคทเปลี่ยนเป็นเฉยชาด้วยความงุนงงจากคำสั่งของโม่ถิง
“ทำไมคะ”
“ชิ่ว” โม่ถิงเอ่ยอย่างเย็นชาในขณะที่หันไปทางผู้จัดการของเคท “ถ้าคุณฉลาดพอก็น่าจะบอกให้เอเจนซี่ของคุณเลิกหวังในตัวเคทสักที ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อน”
อีกฝ่ายไม่ได้ขยับตัวไปไหน จริงๆ แล้วไม่รู้ว่าจะรับมือกับคำข่มขู่ของโม่ถิงอย่างไรด้วยซ้ำ
ผู้จัดการบอกได้เลยว่าโม่ถิงโกรธจนถึงขีดสุด
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่เขาบอก ถึงอย่างไรเทียบกับเคทแล้ว คงไม่มีใครกล้าลองดีกับไห่รุ่ย