หญิงสาวคนนั้นรู้จักถังหนิงดี ถึงอย่างไรเธอเองก็มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติอยู่บ้าง
ทั้งที่รู้ว่ากำลังลองดีอยู่กับใคร ทีมงานของเคทก็ยังมั่นใจว่าเงื่อนไขที่เสนอจะถูกเพิ่มในสัญญา
“ในฝรั่งเศสฉันเป็นเหมือนสมบัติของชาติเลยนะคะ ทุกที่ที่ฉันพักมีแต่ระดับ 5 ดาวเท่านั้น แต่ดูโรงแรมในปักกิ่งสิ แม้แต่เครื่องปรับอากาศยังพังเลย
“ฉันไม่อยากอยู่ในที่แบบนี้หรอกนะ”
หากมีใครบางคนบอกว่าวงการฮอลลีวูดกดขี่ข่มเหงนักแสดงต่างชาติ พวกเขาคงจะต้องยอมอดทนด้วยความเป็นวงการฮอลลีวูด ทว่าจู้ซิงมีเดียคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะมาเทียบได้
ทีมงานของเคทเตรียมตัวรับมือกับถังหนิง พวกเขามีเหตุผลร้อยแปดที่จะโน้มน้าวให้ถังหนิงยอมรับเงื่อนไขใหม่
หากแต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสบประมาทความสามารถของถังหนิงในฐานะผู้จัดการและนายใหญ่เกินไป
พวกเขาคิดว่าเธอมาที่นี่ในฐานะนักแสดง
ทว่านับตั้งแต่ที่ถังหนิงก้าวเข้ามาในห้องประชุม เธอไม่ใช่นักแสดงถังหนิงอีกต่อไป
ชุดสูทสีขาวบนร่างของเธอเสริมให้เธอดูภูมิฐานและสง่างาม เคทพลันพบว่าตัวเองไม่อาจคาดเดาความคิดของถังหนิงได้
เคทนำทนายความไม่กี่คนมาพร้อมด้วยผู้จัดการและผู้ช่วยของเธอ ในขณะที่อีกฝ่ายมีกัน 5 คนถังหนิงกลับเพียงมากับหลงเจี่ย
“ฉันได้ยินว่าทีมงานของคุณยื่นเงื่อนไขเพิ่มเติมเหรอคะ” ถังหนิงเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม
เคทไม่ปริปากออกมา และให้ผู้จัดการของเธอพูดแทน “เคทของเรามีชื่อเสียงในฝรั่งเศสและนับได้ว่าโด่งดังในระดับนานาชาติ เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้ครับ”
“คุณควรพิจารณาเงื่อนไขตั้งแต่ตอนที่เซ็นสัญญาตอนแรกนะคะ เพราะเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว คุณเองก็ต้องยอมรับผลของมันค่ะ หรือคุณคิดว่าจะมาทำเล่นๆ กับจู้ซิงมีเดียได้ง่ายๆ เหรอคะ”
“เราเป็นคนกำหนดสัญญาขึ้นมาดังนั้นเราสามารถแก้ไขได้ตลอดครับ อีกอย่างคุณเองเป็นฝ่ายเชิญเคทมาที่นี่เอง คุณก็ควรรับผิดชอบทำตามความพอใจของเธอไม่ใช่เหรอครับ” ผู้จัดการถามอย่างคาดหวัง
“ถ้าจะโทษใครสักคนก็น่าจะโทษตัวเองที่ไม่มีใครในจีนที่เทียบกับเคทของเราได้ ไม่อย่างนั้นทำไมคุณถึงต้องถ่อมาตั้งไกลเพื่อขอร้องเราด้วยล่ะครับ”
“แล้วคุณจะเอายังไงล่ะคะ” ถังหนิงยกมือขึ้นกอดอก
“ทนายความของเราจะคุยเรื่องเงื่อนไขที่เคทต้องการเองครับ” ผู้จัดการคิดว่าถังหนิงมาเพื่อต่อรอง เขาจึงเริ่มพูดถึงทนายความ
ทว่าทันทีที่ทนายความของเคทก้าวออกมาข้างหน้าและส่งเอกสารเกี่ยวกับเงื่อนไขของเคทให้ถังหนิง เธอยื่นมือออกมาทำท่าทางบอกให้อีกฝ่ายหยุด
“ก่อนที่จะทำข้อตกลงกันใหม่ ฉันว่าเราควรเซ็นสัญญาฉบับนี้กันก่อนนะคะ” ถังหนิงส่งสัญญาณให้หลงเจี่ยส่งเอกสารที่พิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสและเลื่อนไปตรงหน้าผู้จัดการของเคท
“ข้อตกลงในการยกเลิกสัญญาเหรอ” ผู้จัดการชะงักไป
“จู้ซิงมีเดียอาจจะมีเงินเยอะแต่เราก็ไม่ได้โง่นะคะ ครั้งแรกที่คุณยื่นข้อเสนอมา ฉันเองก็ตั้งใจจะส่งกลับไปให้คุณที่ฝรั่งเศสแล้ว
“เรามีสามเหตุผลค่ะ
“ข้อแรก ประเทศของเราอาจจะยังไม่พัฒนาดีนักแต่ฉันก็เข้าถึงข่าวบันเทิงได้นะคะ และอย่างน้อยที่สุดฉันก็รู้ว่าถึงทักษะการแสดงของคุณเคทในฝรั่งเศสจะไม่ใช่ย่อย แต่กิตติศัพท์ของเธอก็ไม่ได้ดีนัก ดังนั้นอย่ามาบอกฉันว่าคุณได้รับการปฏิบัติเหมือนสมบัติของชาติที่ฝรั่งเศสเลยค่ะ คุณคิดว่าฉันไม่เคยอยู่ที่ฝรั่งเศสเหรอคะ หรือคาดหวังว่าฉันจะไม่เคยไปฝรั่งเศสเลย ช่างหน้าไม่อายจริงๆ
“ข้อที่สอง ไม่ใช่ว่าจีนมีแต่นักแสดงที่ไม่มีฝีมือ เพียงแค่เคทเหมาะกับบทบาทที่เรากำลังตามหา ถ้าไม่เป็นเพราะฉันตั้งท้อง ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะได้รับโอกาสนี้หรอกค่ะ จากที่ฉันดูสถิติแล้ว ฉันดูจะมีชื่อเสียงในแถบตะวันตกมากกว่าเธอเยอะค่ะ
“ข้อที่สาม จากที่ฉันได้ยินมา คุณเคทมาถึงจุดที่เธอพยายามเปลี่ยนตัวตนของตัวเองแต่ก็ยังไม่เจอจุดยืนที่เหมาะกับตัวเอง และลงเอยด้วยการล้มเหลวหลายครั้งจนเดือดร้อนไปถึงเอเจนซี่ของเธอเลยนี่คะ ถ้าเรายกเลิกสัญญาตอนนี้ และเอเจนซี่ของพวกคุณโทษว่าคุณทำให้พวกเขาเสียหาย ไม่เพียงแต่เคทจะต้องอยู่ในห้องที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่เธออาจไม่มีห้องให้อยู่เลยด้วยซ้ำ!
“สรุปแล้วทางจู้ซิงมีเดียเป็นฝ่ายเลือกคุณมาค่ะ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นเลย
“งั้นก็เอาเลยสิคะ เซ็นข้อตกลงในการยกเลิกสัญญาแล้วก็กลับบ้านไปค่ะ อย่ามาทำให้คนอื่นเสียเวลาเลย”
อีกฝ่ายนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะพูดจารุนแรงถึงขนาดนี้
โดยเฉพาะเคทที่ดูไม่พอใจเป็นพิเศษ
“หลงเจี่ย จับตาดูตอนที่พวกเขาเซ็นสัญญาไว้ให้ดี ฉันไม่มีเวลาให้มาเสียไปกับพวกเขา” ถังหนิงว่าขึ้นก่อนที่จะหันหลังเดินกลับออกไป ทว่าอยู่ๆ ผู้จัดการของเคทก็เอ่ยรั้งเธอไว้
“ผมสามารถฟ้องร้องคุณเรื่องฉีกสัญญาและเรียกร้องค่าชดเชยได้นะครับ”
“ครั้งแรกที่เราพิจารณาสัญญากันก็ได้ยืนยันว่ามันเป็นที่สิ้นสุดแล้วนี่คะ พูดอีกอย่างคือคุณไม่มีสิทธิ์เรียกร้องการแก้ไขครั้งที่สองอีก หรือคุณจะเป็นฝ่ายฉีกสัญญาเองล่ะ อย่างนั้นฉันเกรงว่าคุณจะเป็นฝ่ายที่ต้องจ่ายค่าชดเชยเองน่ะสิคะ”
ผู้จัดการนิ่งค้างไปหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ
เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าพวกเขาจงใจมาเอาเปรียบถังหนิง แต่ไม่คิดว่าเธอจะไม่เคยต้องการพวกเขามาตั้งแต่แรก
ไอ้พวกเศษสวะ!
แม้ว่าถังหนิงจะคิดเอาไว้แล้วว่านักแสดงต่างชาติจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เคทจะทำอะไรตามใจอยากได้ขนาดนี้
ถังหนิงมีจุดยืนที่ชัดเจน เธอจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดพร้อมข้อความที่เรียบง่าย ถ้าไม่แสดงก็กลับบ้านไปซะ!
“ไม่เอาน่า เซ็นซะสิคะ” หลงเจี่ยเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษ
ทว่าผู้จัดการแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและปฏิเสธที่จะเซ็น
แน่นอนว่าหลงเจี่ยไม่ได้แฉเขาออกมา ถึงอย่างไรถังหนิงเองก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเขาไปอยู่แล้ว เธอเพียงต้องการทำให้พวกเขารู้ว่าจู้ซิงมีเดียไม่ได้จะมากดขี่ข่มเหงกันได้ง่ายๆ
จากนั้นผู้จัดการจึงต่อสายหาเชียวเซินและพูดกับเขาด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมกว่าเดิมขึ้นมาก
เชียวเซินถึงกับอึ้งไป ดูเหมือนว่าจากนี้ไปถังหนิงคงจะต้องจัดการกับเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองเสียแล้ว
หลังจากเหตุการณ์นี้ หลงเจี่ยหาโอกาสเหมาะคุยเปิดใจกับถังหนิง “ฉันคิดว่าคุณจะใช้โอกาสนี้ส่งเคท
กลับบ้านไปแล้วรับบทเองซะอีกค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะปล่อยเธอเอาไว้
“ถังหนิง ทั้งฉันและลู่เช่อคิดว่าการสร้างหนังไซไฟภายในประเทศควรใช้นักแสดงของทางเราเองมากกว่า ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่สมบูรณ์และเป็นของแท้เอานะคะ…
“พวกเราทั้งคู่รับเรื่องนี้ไม่ได้
“คุณเตรียมการเพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้มาอย่างหนัก ถ้าสุดท้ายแล้วคุณทำให้เคทมีชื่อเสียงขึ้นมา คนที่จะได้หน้าไปก็มีแต่เธอนะคะ
“ต่อให้คุณไม่รับบทนี้ ก็น่าจะหาคนอื่นในจีนมารับบทสิคะ…”
“ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจหรอก” ถังหนิงตอบ “ฉันมั่นใจว่าเชียวเซินตัดสินใจด้วยจุดยืนทางธุรกิจของเขา ตอนนี้คอยติดตามเรื่องนี้และดูว่าจะเป็นยังไงต่อไปเถอะ”
“เมื่อการถ่ายทำเริ่มขึ้น เราจะถอยกลับไม่ได้แล้วนะคะ” หลงเจี่ยเตือน “อีกอย่างทั้งลู่เช่อและฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องทิ้งบทบาทการเป็นนักแสดงของคุณด้วย ต่อให้ตอนนี้คุณเป็นผู้จัดการอยู่ ทำไมคุณจะแสดงไปด้วยไม่ได้ละคะ…
“เรื่องของสวี่ซินไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย…”