พวกเธอทั้งสองคนเป็นลูกสาวของพวกเขาและเป็นฝาแฝดกัน การที่พ่อแม่ลำเอียงได้ขนาดนี้จึงน่าละอายไม่น้อย
ทว่าซิงหลานก็เป็นคนที่ทำให้พวกเขาอับอายเช่นกัน ผู้อาวุโสทั้งสองคนจึงรังเกียจเธออย่างกับเชื้อโรค หากจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าพวกเขาคอยสอดส่องควบคุมเธอมากกว่า เพราะกลัวว่าเธอจะทำบางอย่างให้น่าขายหน้าขึ้นมาอีกระหว่างที่พวกเขาอยู่ห่างเธอ
ดังนั้นไม่ว่าหลี่ชั่นจะทำกับพี่สาวของเธออย่างไร ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิด จริงๆ แล้วพวกเขากลับคิดว่าหลี่ชั่นเป็นห่วงเรื่องการดูแลรับผิดชอบหลี่ซินเสียด้วยซ้ำ
พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายเพราะลูกสาวนักร้องดังของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาทำลายมันแน่
ทันทีที่ได้ยินหลี่ชั่นบอกว่าซิงหลานเข้าร่วมการประกวด ผู้อาวุโสทั้งสองก็รู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจ
ซิงหลานอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อแม่กับหลินเฉี่ยน เพราะหลี่ชั่นเริ่มที่จะก่อเรื่องแล้ว พ่อแม่ของเธอต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่ห่างๆ อย่างแน่นอน
“หลังจากรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้ายถูกประกาศ บรรยากาศการแข่งขันจะเปลี่ยนไป ต่อไปคุณจำเป็นต้องเข้าประชุมหารือเรื่องนี้ด้วยนะคะ…” หลินเฉี่ยนเอ่ยแจงขณะอ่านอีเมลที่ผู้จัดงานส่งมาให้ แต่ดูเหมือนว่าซิงหลานจะใจลอยไปที่อื่นเสียแล้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่หนิงบอกให้ฉันอดทนกับการโจมตีของสาธารณชน นั่นไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ฉันทำได้อยู่แล้ว แต่… ฉันกลัวพ่อแม่ฉัน พวกเขาใจร้ายมากเลยนะคะ”
พวกเขามีสายเลือดเดียวกันจึงต่างจากคนแปลกหน้าอยู่มากโข
ต่อให้เธอจะไม่สนใจแล้วคนภายนอกจะมองเธออย่างไร
เห็นกันอยู่ว่าพ่อแม่ของเธอไม่เคยลุกขึ้นมารับผิดชอบใดๆ ในฐานะพ่อแม่อยู่แล้ว
“กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พี่หนิงจะช่วยคุณจัดการเองนะคะ ไม่ต้องห่วง เธอเป็นมืออาชีพและก็ให้คำแนะนำฉันมาแล้วด้วยค่ะ” หลินเฉี่ยนยื่นโทรศัพท์ส่งให้ซิงหลาน “อ่านอีเมลเองแล้วกันนะคะ ฉันจะไม่อ่านให้คุณฟัง”
ซิงหลานอยากจะเชื่อในถังหนิงแต่เธอได้ต่อสู้กับคู่รักแสนโหดร้ายนั้นมานานหลานปีแล้วจนไม่คิดว่าจะมีใครสามารถจัดการกับพวกเขาได้
หลินเฉี่ยนดูออกว่าซิงหลานยังคงกังวลอยู่ ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องเช่นนี้แล้วถึงต้องทำให้เห็นกับตาตัวเองว่าถังหนิงสามารถจัดการกับเรื่องกวนใจใดๆ ก็ตามที่เข้ามาขวางทางเธอ
…
ถังหนิงไม่เคยเป็นคนที่นั่งโง่ไปวันๆ ดังนั้นเมื่อเป็นเรื่องของพ่อแม่ของซิงหลาน เธอจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ในขณะที่ผู้อาวุโสทั้งสองกำลังตัดสินใจว่าจะขัดขวางซิงหลานอย่างไร ถังหนิงก็ส่งใครบางคนไปเชิญพวกเขามาทานมื้อเย็นที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าหลงเจี่ยเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหน้าที่นี้
“คุณหลง คุณจะพาเราไปที่ไหนเหรอคะ” คุณนายหลี่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
หลงเจี่ยไม่ได้ตอบอะไรขณะที่ไปส่งพวกเขาที่โรงแรม ที่ที่พวกเขาสามารถกินดื่มเพื่อความบันเทิงใจ นี่เป็นประสบการณ์ที่พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
ในคืนนั้น คุณนายหลี่ได้รับเช็คจำนวนหนึ่งล้านหยวนจากหลงเจี่ย
“ลูกสาวของคุณขอให้ฉันให้เป็นของขวัญค่ะ”
“ชั่นเอ๋อร์ดูแลเราดีจริงๆ ” ทั้งคู่ต่างยินดีปรีดาพร้อมเอ่ยชื่นชมหลี่ชั่นไม่หยุด อย่างไรก็ตามในครั้งนี้หลงเจี่ยจะทำให้พวกเขาต้องเสียใจ
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ทั้งหมดที่พวกคุณมีความสุขในวันนี้ รวมถึงเช็คใบนี้ด้วย มันมาจากลูกสาวคนโตของคุณค่ะ ซิงหลาน หรือที่รู้จักในชื่อหลี่ซิน”
“นี่มัน…” ทั้งสองตกอยู่ในอาการตะลึงงัน
“ซิงหลานเป็นคนกตัญญูค่ะ หลังจากเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ที่ดีเธอก็ตัดสินใจให้เงินก้อนแรกกับพวกคุณและไม่ได้เก็บไว้เองเลยแม้แต่น้อย” หลงเจี่ยเอ่ยสำทับ “เธอยังบอกว่าจะซื้อบ้านที่ต่างประเทศถ้าเธอคว้าชัยชนะมาได้ด้วยนะคะ เพราะมันเป็นความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่เธอ”
“คุณลุง คุณป้าคะ ฉันรู้ว่าคุณมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง หลี่ชั่น เจ้าของฉายาราชินีเพลงบัลลาด ว่าแต่พูดกันตามตรงนะคะ หลายปีมานี้เธอทำอะไรให้คุณบ้างเหรอคะ…
“ซิงหลานบอกว่าเธอไม่ค่อยถูกกับน้องสาวของตัวเองนัก และเราก็สืบเรื่องนี้มาแล้ว เราเจอว่าหลี่ชั่นไปทำร้ายข่มขู่พี่สาวของเธอเพราะไม่ต้องการให้ชนะค่ะ พูดอย่างนี้แล้ว คุณอาจจะคิดว่าฉันเข้ามาทำให้พวกคุณแตกคอกัน แต่ฉันหวังว่าคุณจะมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลางนะคะ…
“ซิงหลานมาคุยกับฉันแล้ว ถ้าพวกคุณต้องการอะไรก็ติดต่อฉันมาได้ทุกเมื่อค่ะ เธอบอกว่าเธอเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอแค่ตาบอดชั่วคราวเพราะคำโกหกของน้องสาว และไม่ได้ตั้งใจจะทำไม่ดีกับเธอ…
“ถ้าซิงหลานชนะการประกวดครั้งนี้ อนาคตของเธอจะไปได้ไกลกว่าการเป็นนักร้องในเอเจนซี่เล็กๆ เธออาจจะได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ชั้นนำก็ได้นะคะ
“หลี่ชั่นทำได้อย่างนี้หรือเปล่าล่ะคะ…
“ฉันรู้ว่าพวกคุณใช้เงินเก็บของตัวเองซื้อบ้านให้หลี่ชั่นเพราะอยากจะอยู่กับเธอ แต่คุณลุงคะ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณลองดูก็ได้ค่ะ ฉันมั่นใจว่าหลี่ชั่นจะหาทางขับไล่คุณออกไปแน่…
“ฉันมั่นใจว่าพวกคุณรู้ว่าต้องทำยังไงค่ะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลยนะคะ ตอนนี้ฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ”
พูดจบหลงเจี่ยก็ออกรถและจากไป
ผู้อาวุโสทั้งสองคนมองเช็คในมือด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไปหมด
พลันคุณนายหลี่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและต่อสายหาหลี่ชั่น “ชั่นชั่น…”
“แม่ มีอะไรเหรอคะ” หลี่ชั่นคิดว่าแม่ของตัวเองพูดกับซิงหลานเป็นที่เรียบร้อยและกำลังรอฟังข่าวดี
“แม่จะถามว่าถ้าลูกปรับปรุงบ้านที่เราช่วยลูกซื้อเสร็จแล้ว พ่อกับแม่วางแผนจะย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นสักพัก…”
“แม่คะ… บ้านยังปรับปรุงไม่เสร็จเลยนะคะ”
“มันก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วนะ ยังไม่เสร็จอีกเหรอลูก” คุณนายหลี่ถาม
“ปรับปรุงบ้านมันต้องใช้เวลาน่ะค่ะ” หลี่ชั่นโกหก “อีกอย่างพ่อกับแม่อยู่บ้านก็สบายดีอยู่แล้วนี่คะ ถ้าแม่อยากใช้เวลากับหนู เดี๋ยวหนูจะเช็กตารางานและดูว่ามีเวลาว่างตอนไหนบ้างนะคะ”
“ไม่จำเป็นหรอก” คุณนายหลี่วางสายด้วยความโกรธทันที
ซิงหลานเพิ่งจะเซ็นสัญญาและให้เงินพวกเขาถึงหนึ่งล้านหยวน แต่หลี่ชั่นกลับไม่แม้แต่จะให้พวกเขาอยู่บ้านของเธอเพียงไม่กี่วัน เมื่อก่อนพวกเขาต้องตาบอดไปแน่ๆ
“ตาเฒ่า ฉันคิดว่าจริงๆ ซินเอ๋อร์ก็เป็นลูกสาวที่ดีนะ เงินนี้มากพอที่เราจะเอาไปซื้อบ้านได้อีกหลังด้วยซ้ำ อีกอย่างดูเหมือนเอเจนซี่ของเธอจะรวยอยู่นะ ในทางกลับกันชั่นเอ๋อร์ไม่ได้บอกไว้หรอกเหรอว่าเอเจนซี่ของเธอยังติดหนี้เธออยู่เลย”
“ฮื้ม!” คุณพ่อหลี่ฮึดฮัดขึ้นมา “เราเอาใจยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์โดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย ฉันมั่นใจว่าจงใจแอบเก็บเงินของเธอไม่ให้เรารู้”
“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ ดูเหมือนว่าชั่นเอ๋อร์จะต้องการกำจัดพี่สาวของเธอออกจากการประกวดและใช้พวกเราเป็นเครื่องมือ”
“ถ้าอย่างนั้น เราจะปล่อยให้คุณหลงแฉเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเมื่อสามปีก่อนและให้ซินเอ๋อร์คว้าชัยชนะให้ได้ ยังไงเธอก็กตัญญูและต่อรองได้มากกว่า”
“โอเค งั้นลงมือกันเลย”
ผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้เปลี่ยนฝั่งด้วยเหตุนี้นี่เอง
หลงเจี่ยให้ผลประโยชน์ที่มากพอกับพวกเขา และทั้งคู่เองก็เป็นคนที่จัดการได้อย่างง่ายดายด้วยผลประโยชน์ของตัวเองที่บังตาเอาไว้
หลินเฉี่ยนได้รับข้อความจากหลงเจี่ยในเวลาถัดมา “พวกเขาถูดจัดการแล้ว ไม่ต้องห่วง พวกเขาอาจจะช่วยซิงหลานไปยาวๆ เลยด้วยซ้ำ เยี่ยมไปเลยล่ะ”
“พี่หนิงทำได้ยังไงเนี่ย” ซิงหลานอึ้งไปด้วยรู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองทั้งละโมบโลภมากและหน้าไม่อาย
“จอมวางแผนก็ต้องมีแผนอยู่แล้วล่ะค่ะ”