หลงเจี่ยสามารถดูแลลัวเซิงได้แต่หลินเฉี่ยนนั้นยังไม่มีประสบการณ์มากพอ
ถังหนิงจำเป็นต้องเตรียมการและให้คอยแนะนำกับเธอ ยิ่งศิลปินคนใหม่ของพวกเขาเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาให้ซูเปอร์สตาร์อยู่รอดได้ ดังนั้นถังหนิงจึงทุ่มเทเอาใจใส่กับหญิงสาวคนนี้
ลัวเซิงได้รับข่าวล่าสุดมาจากหลงเจี่ยว่าจู้ซิงมีเดียได้เซ็นสัญญากับศิลปินคนใหม่ ศิลปินคนนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้หญิงแต่ยังเป็นนักร้องอีกด้วย นั่นหมายความว่าทั้งสองคนไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน การทำงานในแวดวงของพวกเขาจึงเป็นไปได้ยากที่จะซ้อนทับกัน
จริงๆ แล้วเขาคิดมาตลอดว่าถ้าจู้ซิงมีเดียต้องการจะก้าวหน้า พวกเขาไม่อาจเซ็นสัญญากับศิลปินเพียงคนเดียวได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ดูออกว่าทั้งเอเจนซี่ได้นึกถึงเรื่องของเขามาอย่างรอบคอบมากแล้ว
“ลัวเซิง ยังไงจู้ซิงมีเดียก็ทำสัญญากับนายไว้ พวกเขาจะไม่ทอดทิ้งนายแน่ ไม่ต้องเป็นห่วง” หลงเจี่ยมาหาลัวเซิงที่กองถ่ายเพื่อสร้างความมั่นใจให้เขาด้วยตัวเอง ในขณะที่เธอมองไปที่ผู้กำกับ เธอก็กระซิบที่ข้างหูของเขา “ผู้กำกับของนายเป็นคนยุติธรรมคนหนึ่งเลยล่ะ นายจะเข้าไปทำความรู้จักเขาบ้างก็ได้นะ”
แม้ว่าลัวเซิงจะงุนงงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังพยักหน้ารับ เขารู้ว่าคำพูดของหลงเจี่ยไม่ได้มีความหมายอย่างที่ได้ยินเพียงเผินๆ
“หน้าที่ของนายตอนนี้คือการทำความรู้จักกับคนอื่นๆ นายไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำสวยหรูแค่แสดงออกอย่างจริงใจก็พอ ต่อให้ฟ้าถล่มจู้ซิงมีเดียก็มั่นใจว่านายจะต้องดังอย่างแน่นอน”
จนถึงตอนนี้ลัวเซิงเองยังไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของหลงเจี่ยนัก ทว่าไม่นานเขาก็พบว่าคำแนะนำของถังหนิงได้เป็นจุดพลิกผันของเส้นทางสู่ดวงดาวของเขา
…
โม่ถิงรู้ข่าวทันทีว่าถังหนิงเซ็นสัญญากับศิลปินอีกคนหนึ่งและวางแผนให้เธอเข้าร่วมรายการประกวดที่ชื่อ ‘เจอร์นีย์’
เขาต้องยอมรับว่าการตัดสินใจของเธอนั้นมีเหตุผล
“ถ้าคุณช่วยให้เธอชนะได้ เธอสามารถเข้ามาเซ็นสัญญากับไห่รุ่ยได้เลย” โม่ถิงเอ่ยกับถังหนิง
“ฉันไม่อยากให้คุณยอมให้ฉันง่ายๆ ค่ะ”
“ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ไห่รุ่ยเป็นผู้สนับสนุนของการรายการนี้ และเราทำข้อตกลงกับทางผู้จัดเอาไว้แล้ว” โม่ถิงตอบเสียงนุ่ม “ถ้าคุณทำให้เธอคว้าชัยชนะมาได้ เธอก็สมควรได้เข้าสังกัดไห่รุ่ย”
แววตาของเธอเปล่งประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอคะ”
โม่ถิงอุ้มร่างของถังหนิงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก่อนวางลงบนเตียงในขณะที่ลูบมือไปบนหน้าท้องของอีกฝ่าย “ผมเคยโกหกคุณด้วยเหรอครับ”
“คุณห้ามเข้ามายุ่งกับผลการแข่งขันเพื่อช่วยฉันนะคะ” ถังหนิงขอให้เขารับปาก “ฉันอยากให้เธอถือถ้วยรางวัลไว้ในมือเพราะเธอสมควรได้รับมันจริงๆ ค่ะ”
“ครับ แล้วแต่คุณเลย” พูดจบโม่ถิงก็นอนลงก่อนจุมพิตลงที่หน้าท้องของถังหนิง
ถังหนิงสูดหายใจลึกพลางลูบผมของโม่ถิง
“ถิงคะ… ฉันยังอยากมีลูกสาวอยู่ค่ะ”
“แต่ว่า… ผมไม่ได้วางแผนจะมีลูกอีกนะครับ” โม่ถิงตอบ “อีกอย่างเจ้าสองแสบนั่นก็ทำให้คุณเจ็บมากตอนที่คุณคลอดพวกเขาออกมา ถ้าคุณต้องทรมานแบบนั้นอีก ผมคงต้องปวดใจมาก”
“เป็นเพราะว่าเป็นท้องแรกของฉันต่างหากล่ะคะ ครั้งต่อไปคงไม่เจ็บขนาดนั้นหรอกค่ะ” ถังหนิงกล่าวให้มั่นใจ
“ผมก็ยังไม่ยอมอยู่ดีนั่นแหละ”
“แต่ฉันอยากเห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกและน่ารักของคุณเวลามีเจ้าตัวน้อยป่วนอยู่รอบๆ นะคะ…” ถัง
หนิงยืนยันคำเดิม “ตอนนี้เจ้าตัวป่วนสองคนก็เดินได้แล้ว และฉันก็พอจะมีเวลาว่าง ฉันอยากจะมีลูกสาวน่ะค่ะ”
“ถ้าคุณอยากมีงั้นเราก็มาดูกันว่าคุณจะมีความสามารถพอไหม” โม่ถิงนอนลงและมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายด้วยท่าทีจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะบอกอะไร
เธอน่าจะเป็นฝ่ายลงมือด้วยตัวเอง!
ถังหนิงมองไปที่เขาพร้อมยังพลิกตัวขึ้นไปนอนทับบนตัวโม่ถิง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยากมีลูกสาว เธอก็คงจะไม่อาจละมือออกจากร่างของเขาได้อยู่ดี เพราะการชื่นชมด้วยสายตาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมานาน คู่รักรู้จักจุดอ่อนไหวของกันและกันดี เธอจึงรู้ว่าการจู่โจมเขาที่หูจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ไหว
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา ถังหนิงก็ส่งยิ้ม “ทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมคะ”
“เร็วๆ เข้าครับ…”
โม่ถิงอยากจะจัดการกับผู้หญิงในอ้อมแขนคนนี้ใจจะขาด
ทำไมเขาถึงยังต้านทานเธอไม่ไหวสักทีกันนะ
…
วันถัดมาที่ไห่รุ่ย แม้ว่าถังหนิงจะบอกโม่ถิงไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว แต่เขาก็ยังเรียกลู่เช่อมาที่ห้องทำงานก่อนออกคำสั่ง “จับตาดูรายการ ‘ประกวดร้องเพลงเจอร์นีย์’ เราจะปล่อยให้เหตุการณ์เล่นไม่ซื่อเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีการทำข้อตกลงกันลับหลังหรือมีการกำหนดตัวผู้ชนะไว้แล้ว นายรู้ดีว่าจะเกิดอะไรตามมา”
“ไม่ต้องห่วงครับ ท่านประธาน” ลู่เช่อพยักหน้ารับ
ด้วยการประกวดนี้สำคัญกับโม่ถิง ถึงจำเป็นที่จะต้องทำให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสอย่างถึงที่สุด
ลู่เช่อจึงติดต่อทีมผู้จัดทันที บอกให้พวกเขาเข้มงวดกับกฎการแข่งขันเพราะไห่รุ่ยกำลังจับตาดูอยู่
ในเวลาเดียวกันหลินเฉี่ยนพาหญิงสาวไปหาสไตลิสต์ที่เธอนัดเอาไว้เพื่อแปลงโฉมให้เธอ เพื่อปิดบังตัวตนของเธอ ถังหนิงสั่งให้สไตลิสต์ตัดผมเธอให้สั้นและทำให้ภาพลักษณ์ของเธอให้ดูกลางๆ นอกจากนี้เพื่อเป็นการทำให้เธอแตกต่างจากนักร้องหญิงทั่วไป หลินเฉี่ยนขอให้สไตลิสต์วาดไฝเม็ดหนึ่งไว้ที่ใต้ตาขวาของเธอ
หลินเฉี่ยนจำได้ว่าถังหนิงบอกให้เปลี่ยนหญิงสาวคนนี้ให้ดูเหมือนคนบ้านนอก จะดีที่สุดหากไม่มีใครสังเกตเห็นเธอเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน
“จำไว้ว่าคุณมีชื่อใหม่แล้ว ตอนนี้คุณคือซิงหลาน”
หญิงสาวมองตัวเองในกระจกและพยักหน้ารับ แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจแผนของหลินเฉี่ยนก็ตาม
“การออดิชั่นกำลังจะเริ่มแล้ว คุณต้องผ่านการฝึกในช่วงสั้นๆ ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“คุณเคยเข้าร่วมการประกวดมาก่อนน่าจะรู้กฎดีอยู่แล้ว กระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณสามเดือน และผู้ชนะจะได้เซ็นสัญญากับไห่รุ่ยทันที” หลินเฉี่ยนอธิบาย “นั่นหมายความว่าการประกวดจะเป็นไปด้วยความใสสะอาดและโปร่งใส”
ซิงหลานหันไปมองหลินเฉี่ยนตาปริบๆ “ฉันจะต้องเป็นผู้ชนะแน่ค่ะ คุณรอดูได้เลย”
“แต่คุณจะหวังกับการร้องเพลงอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ คุณยังต้องอาศัยเคล็ดลับการต่อสู้ด้วย น่าเสียดายที่ฉันช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้ แต่คุณจะมีอาจารย์พิเศษช่วยสอนให้” หลินเฉี่ยนพูดพลางยกคิ้วขึ้นอย่างมีเลศนัย
ซิงหลานรู้สึกงุนงง แต่เธอก็เชื่อมั่นในจู้ซิงมีเดียขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“แม้ว่าอาจารย์ของคุณจะไม่ได้ปรากฏตัวจนกระทั่งคุณเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้าย แต่จากนี้ไปถ้าคุณมีปัญหาอะไร คุณก็ติดต่อเธอผ่านฉันได้เลย”
“โอเคค่ะ ฉันคงได้เจอเธอเร็วๆ นี้แน่”
ถึงแม้ว่าเดิมทีความคาดหวังในการประกวดครั้งนี้จะไม่ได้มากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประมาทได้
หนึ่งวันก่อนออดิชั่น ซิงหลานตัดสินใจที่จะทำให้ทุกคนแพ้ราบคาบด้วยการแสดงของเธอ ทว่าในคืนนั้น เธอก็ได้รับสายจากหลินเฉี่ยน “ในการออดิชั่นพรุ่งนี้แค่แสดงความสามารถทั่วไปของเธอก็พอนะ อย่างเปิดเผยตัวตนของตัวเองมากเกินไป”
“แต่ต่อให้ฉันทำแบบนั้นกรรมการก็อาจจะจำฉันไม่ได้อยู่ดีนี่คะ”
“แม้ไห่รุ่ยจะยืนยันว่าการประกวดครั้งนี้เป็นไปด้วยความยุติธรรม แต่คุณต้องไม่ลืมว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ จะต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคุณ ถ้าคุณได้ความสนใจไปตั้งแต่แรก คุณคิดว่าจะผ่านไปถึงรอบหนึ่งร้อยคนสุดท้ายเหรอคะ พยายามอย่าทำตัวเด่น กรรมการจะรู้เองว่าคุณมีความสามารถหรือเปล่า เชื่อฉันสิคะ…
“ในการประกวดคุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าคุณเสียมันไปนั่นก็เป็นเรื่องของคุณแล้ว!”