สวี่ซินถ่ายฉากที่เหลือตามปกติ และในที่สุดเธอก็แสดงในส่วนของเธอได้อย่างเสร็จสมบูรณ์พร้อมกับคำชื่นชมของทีมงาน ในขณะเดียวกันถังหนิงยังคงเหลืออีกหลายพันฉากที่ต้องถ่ายทำ
หลินเฉี่ยนตามสืบเรื่องสวี่ซินแต่ไม่พบความเบาะแสใดๆ รู้เพียงว่าช่วงนี้เธอแวะไปรับยาแก้ปวดที่คลินิกใกล้ๆ
“บางทีเราพวกอาจจะระแวงเกินไปก็ได้ค่ะ” หลินเฉี่ยนรายงาน
ถังหนิงเงียบไปชั่วครู่แต่ความคิดในหัวเธอกลับซับซ้อนกว่านั้น “แม้ว่าเราจะรับปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวของผู้กำกับ แต่เราก็ควรเตือนเขาให้ระวังสวี่ซินเอาไว้”
“เรื่องอย่างนี้ยากที่จะพูดกันต่อหน้านะคะ” หลินเฉี่ยนตอบกลับ
หลังจากสวี่ซินถ่ายทำเสร็จสิ้น ผู้กำกับได้ทำตามที่รับปากเอาไว้และยื่นบทเรื่องใหม่ให้เธอ “ติดต่อคนที่ฉันวงให้ไว้ในกระดาษ เขาจะหาบทให้เธอเอง”
“ผู้กำกับคะ คืนนี้มาที่ห้องของฉันสิคะ ฉันมีบางอย่างที่สำคัญต้องคุยกับคุณ” เธอเอ่ยด้วยใบหน้าซีดเซียว “ฉันอุ้มท้องลูกของคุณอยู่…”
เขานิ่งค้างไปอย่างไม่อยากจะเชื่อก่อนจะเริ่มจับผิดเธอ “เราใช้ยาคุมกันนะ…”
“แต่ฉันก็ยังท้องอยู่ดีนี่คะ” สวี่ซินตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง “ฉันไม่ได้จะเรียกร้องอะไรหรอกค่ะ แค่มันคงไม่สะดวกที่เราจะคุยเรื่องนี้กันที่นี่ คุณอยากให้ฉันเก็บเด็กไว้หรือเปล่าก็มาบอกฉันที่ห้องคืนนี้แล้วกันนะคะ ฉันจะไม่ไปวุ่นวายกับคุณแน่นอน”
“ให้ฉันโทรไปบอกเธอก็ได้นี่…”
“คุณเป็นพ่อของเด็กนะคะ อย่างน้อยก็ควรจบเรื่องนี้ให้เรียบร้อยสิคะ” พูดจบเธอก็หันเดินออกไป ทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่ในความงุนงง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้กำกับกำลังว้าวุ่นอยู่ในใจ อันที่จริงเขาเองไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เป็นจังหวะเดียวกับที่ได้สบตากับถังหนิงและหลินเฉี่ยน
อย่างไรก็ตาม เขารีบหลบตาถังหนิง แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถังหนิงมองสถานการณ์ออกอย่างทะลุปรุโปร่งแต่เธอไม่ได้กดดันเขา กลับรอจนกระทั่งเวลามื้อเย็นถึงได้ไปคุยกับเขาในท้ายที่สุด “ผู้กำกับคะ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล็กๆ มาตลอด ฉันหวังว่ามันจะจบลงได้สวยนะคะ อย่าปล่อยให้กองถ่ายต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องสกปรกนี่มากเกินไปนัก ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะทนไม่ได้อีก…
“คุณต้องนึกถึงความรับผิดชอบของตัวเองเอาไว้บ้างนะคะ”
ผู้กำกับถอนหายใจออกมาก่อนตอนกลับด้วยความสัตย์จริง “จริงๆ แล้วการที่ผมจะคบหากับสวี่ซินมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่แปลกอะไร ผมหย่ากับภรรยาตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ดังนั้นการคบกับผู้หญิงอีกคนก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ครับ มันก็แค่เป็นความสัมพันธ์ธรรมดาระหว่างหญิงชายเท่านั้น
“ถังหนิง ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบการเล่นสกปรกอย่างนี้ เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ แต่ผมก็ไม่ได้หน้ามืดตามัวเพราะความต้องการของตัวเองไปเสียทีเดียวจนปล่อยให้กระทบกับการทำงานของกองถ่ายนะครับ”
“เพราะอย่างนั้นผู้กำกับก็ควรที่จะเปิดเผยความจริงให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้นะคะ คุณต้องโจมตีก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้เปรียบ…” ถังหนิงเอ่ยอย่างมีนัย
ได้ยินดังนั้นเขาก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมมีทีท่าเหมือนนึกอะไรออกก่อนยกยิ้วให้ถังหนิง “คุณนี่ฉลาดจริงๆ ”
ถังหนิงไม่ได้พูดอะไรอีกและทำเพียงส่งยิ้มให้
อย่างไรก็ไม่มีใครเกลียดการมีความลับที่ดำมืดได้มากเท่าเธอแล้ว
“ฉันจำได้ว่าไม่นานมานี้เฟิงเถิงมีเดียอยากสัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’ ถึงเวลาแล้วล่ะคะ…”
ดีที่ผู้กำกับเข้าใจว่าต้องทำอย่างไร
ดังนั้นถังหนิงจึงสามารถเบาใจได้ในที่สุด เธอไม่ต้องกังวลเรื่องแผนการที่สวี่ซินวางไว้อีกต่อไป ตราบใดที่ผู้กำกับเปิดเผยทุกอย่าง เธอจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องสกปรกนี้ ไม่ว่าสวี่ซินจะพูดไร้สาระมากแค่ไหนก็ตาม ในทางกลับกันทุกคนจะรู้สึกสงสารผู้กำกับไปโดยปริยายหลังจากรู้ด้านมืดของเธอ
นอกจากการประชาสัมพันธ์ ‘ผู้รอดชีพ’ แล้ว ท่าทางของผู้กำกับก็ดูมีความสุขเป็นพิเศษจนทำให้สื่อตั้งข้อสงสัย
“ผู้กำกับมีข่าวดีอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย ช่วงนี้ดูสดใสจังเลยนะครับ”
“ผมจะไม่โกหก ก่อนหน้านี้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของครอบครัว ผมเลยไม่ได้เปิดเผยว่าเมื่อสองปีก่อนผมและอดีตภรรยาได้หย่ากันเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้ทราบว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นพ่อคนเลยอยากคำนึงถึงลูกของผมและแม่ของเขาเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดครับ”
“อย่างนั้นเราต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ผมละสงสัยว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น”
“เธอเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนี้ครับ คนที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จวันนี้ สวี่ซินครับ” ผู้กำกับเปิดเผยด้วยความจริงจัง “เราพบกันระหว่างการถ่ายทำ ผมหวังว่าทุกคนจะแสดงความยินดีกับเรานะครับ”
“เยี่ยมไปเลยนะครับ!”
ความจริงแล้วสื่อไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของผู้กำกับ แต่เพราะเขาดูตั้งใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้พวกเขาจึงตอบรับด้วยความยินดีไปตามมารยาท
ไม่นานข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่ววงการ สวี่ซินได้รับสายจากผู้จัดการของเธอ “ทำไมเธอถึงไปคบหากับผู้กำกับได้ล่ะ”
สวี่ซินงุนงงเป็นอย่างมาก
“เธอรู้ได้ยังไง”
“ผู้กำกับเป็นคนพูดออกสื่อเอง เพราะเธอไปมีเรื่องกับไห่รุ่ย ฉันคิดว่ามันก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นักที่จะหาที่พึ่ง ยินดีด้วยล่ะกัน”
ทันทีที่สวี่ซินได้ยินดังนั้นเธอก็เปิดโทรศัพท์ค้นหาข่าวในอินเทอร์เน็ต
เธอตอบสนองด้วยการเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนพื้น แผนเดิมของเธอคือการทำลายผู้กำกับแต่เขากลับสารภาพรักเธอและยังบอกทุกคนว่าเธอท้องอีกด้วย
จริงๆ แล้วนั้นในท้องของเธอว่างเปล่า มันเป็นแค่คำโกหกที่หลอกล่อให้ผู้กำกับไปที่ห้องของเธอ หากแต่ตอนนี้เธอได้ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเสียแล้ว
หากเธอออกมาเผยว่าตัวเองไม่ได้ท้อง ผู้กำกับอาจกลับมากล่าวหาว่าเธอหลอกลวงเขาได้
ในไม่ช้าเขาก็มาหาเธออย่างที่รับปากไว้ หากแต่ไม่ใช่การแอบพบกันอย่างที่เคย ในตอนนี้เขามาเจอเธออย่างเปิดเผย
“สวี่ซิน…”
สวี่ซินเตือนตัวเองให้เก็บความไม่พอใจเอาไว้ มันเป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ว่าเขาจริงใจกับเธอหรือไม่
“ฉันนึกไม่ถึงว่าคุณจะหย่าแล้ว ถ้าคุณรักฉันจริงๆ ต่อจากนี้เราก็มาใช้เวลาร่วมกันนะคะ” เธอเอ่ยเสียงนุ่มนวล
“ได้สิ ที่รักของผม แต่ก่อนอื่นผมต้องพาคุณไปตรวจว่าลูกแข็งแรงดีหรือเปล่าที่โรงพยาบาล คุณเข้าฉากที่อันตรายหลายฉากเลย ผมเป็นห่วงว่าอาจจะกระทบกระเทือนลูกของเรา”
ทันใดนั้นท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไป
“มีอะไรเหรอ” เขาถามแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม
“ฉัน… คือตอนนี้มันดึกมากแล้วน่ะค่ะ ไว้ไปกับพรุ่งนี้นะคะ โอเคไหม”
เขาพยักหน้ารับอย่างรักใคร่ “แล้วแต่คุณเลย”
ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้าหาสวี่ซิน เธอไม่รู้ว่าจะเขาพูดเรื่องจริงหรือโกหก แต่มันคงเป็นคำโกหกไปไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่โง่แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจรู้ทันมารยาหญิง ไม่อย่างนั้นท่าทีของเขาคงไม่เปลี่ยนไปเร็วอย่างนี้ ดังนั้นเหตุผลเดียวที่เธอพอจะนึกได้คือเขารักเธอเข้าจริงๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอแต่อย่างน้อยเขาก็ต้องการลูก
ทว่าโชคไม่ดีนักที่เธอไม่ได้มีลูกอยู่ในท้อง!
แล้วเธอจะทำอย่างไรดีล่ะ สวี่ซินไม่สบายใจอยู่ทั้งคืน เธอจะผ่านปัญหาในวันพรุ่งนี้ไปได้อย่างไร
…
“พี่หนิงคะ พี่เก่งจังเลยค่ะ!” หลินเฉี่ยนเอ่ยชื่นชมหลังจากเห็นว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว “ตอนนี้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบ เมื่อสวี่ซินลงมือเธอจะกลายเป็นคนผิดทันที!”