ถังหนิงพาหลินเฉี่ยนกลับมาที่กองถ่าย ‘ผู้รอดชีพ’ ด้วย เพื่อฉลองที่เธอชนะรางวัลเฟยเทียน สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ทีมงานเตรียมช่อดอกไม้แสดงความยินดีและเค้กก้อนใหญ่ไว้เป็นพิเศษ ทั้งตอนนี้ทางทีมงานภาพยนตร์ก็สามารถโฆษณาว่าเป็นเรื่องที่แสดงนำโดยถังหนิงผู้ชนะรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไม่ใช่เพียงนักแสดงถังหนิง
“ถังหนิง หนทางของคุณยังอีกยาวไกล แม้ว่าคุณจะชนะรางวัลเฟยเทียนแต่ถ้าหากต้องการให้ทุกคนเชื่อในฝีมือจริงๆ คุณยังต้องใช้เวลาและมีทีมงานที่ดีนะ”
“วงการนี้ล้วนข้องเกี่ยวกับการโอ้อวดชื่อเสียงของคนและโชคชะตา มีปีศาจร้ายทุกแบบแฝงอยู่ทั่ววงการ เป็นเรื่องยากไม่น้อยถ้าใครสักคนต้องการรักษาชื่อของตัวเองไว้”
ถังหนิงไม่ได้เอ่ยอะไรในขณะที่เธอทานอาหารและเครื่องดื่มกับทีมงาน
จนกระทั่งผู้กำกับสังเกตเห็นหลินเฉี่ยน “เด็กคนนี้เป็น…”
“ผู้ช่วยคนใหม่ของฉันเองค่ะ” ถังหนิงตอบ “ฝากเธอด้วยนะคะ”
“คุณไม่มีผู้ช่วยมาสักพักแล้วนี่” ผู้กำกับว่าขึ้นก่อนลุกขึ้นยืน “ฉันเริ่มอายุมากแล้ว อยู่ต่อไม่ไหวแล้วล่ะ ปล่อยให้คนหนุ่มๆ สาวๆ อย่างพวกเธออยู่ฉลองกันต่อดีกว่า ยังไงก็เถอะ พรุ่งนี้จะมีนักแสดงหญิงคนใหม่มาถ่ายทำนะ อย่าลืมว่ามีถ่ายฉากแรกกับเธอล่ะ”
ถังหนิงพยักหน้ารับพลางส่งยิ้มให้
“ไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
หลังจากได้รับรางวัลภาพลักษณ์ของเธอก็ดูดีมากขึ้น เมื่อคนเจอเธอ พวกเขาก็เรียกเธอว่า ‘พี่หนิง’ อย่างให้เกียรติไปโดยปริยาย และแน่นอนว่าเป็นการให้เกียรติที่จริงใจ
“ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอช่วยเรื่องส่วนมากหรอก แต่ก็มีบางอย่างที่ฉันลงไปจัดการด้วยตัวเองลำบาก” ถังหนิงอธิบายกับหลินเฉี่ยน
“เข้าใจแล้วค่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แม้ว่าถังหนิงจะไม่ชอบออกหน้านักแต่ก็มีหลายสิ่งที่ต้องการผู้ช่วยในการเตรียมการล่วงหน้าซึ่งทำให้เธอประหยัดเวลาได้บ้าง
“ฉันขอให้ทีมงานเตรียมห้องที่อยู่ข้างฉันให้เธอแล้ว ฉันมีถ่ายตอนเจ็ดโมงเช้าพรุ่งนี้ อย่าลืมตื่นให้ตรงเวลาด้วยนะ” ถังหนิงเตือนก่อนจะเปิดประตูห้องของเธอ ในตอนนี้หญิงสาวอ่อนวัยคนหนึ่งวิ่งลงมาตามทางเดินมาหาถังหนิงจนเกือบชนอีกฝ่าย
“ขอโทษด้วยค่ะพี่หนิง ฉันตื่นเต้นที่ได้เจอพี่ไปหน่อยเลยควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่อย่าถือสาเลยนะคะ ฉันชื่อสวี่ซิน เป็นคนที่เพิ่งมาใหม่ค่ะ”
หญิงสาวร่างผอมบางเกินไปเสียหน่อย เหมือนกับไม่ค่อยได้กินข้าวอย่างไรอย่างนั้น ทว่ารอยยิ้มของเธอดูเป็นมิตรและไม่ได้ทำให้คนอื่นไม่ชอบเธอ
“นอนไวๆ นะ” ถังหนิงเอ่ยหลังจากจับมือทักทายก่อนหันเข้าห้องของตัวเองไป หลินเฉี่ยนหันหลังเดินเข้าห้องตัวเองเช่นกันในขณะที่สวี่ซินยืนอยู่ด้านนอกประตูห้องของถังหนิงชั่วครู่ก่อนที่จะกลับไปที่ห้องตัวเองอย่างจำใจ
เช้าวันถัดมาถังหนิงและหลินเฉี่ยนเป็นคนแรกที่มาถึงกองถ่าย หลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จหลินเฉี่ยนก็แทบจำถังหนิงไม่ได้
ถังหนิงสลัดภาพลักษณ์แสนสง่างามก่อนหน้านี้และเปลี่ยนเป็นหญิงแก่โรคจิตในเรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’ ส่วนสวี่ซิน เธอแสดงเป็นผู้หญิงที่ตามหาน้องสาวของตัวเองจากเหตุการณ์เครื่องบินตก
เมื่อเห็นรูปลักษณ์โทรมๆ ของถังหนิง สวี่ซินก็อดไม่ได้ที่จะเช้าไปหาเธอ “พี่หนิง พี่เสียสละมากจริงๆ ค่ะ… ไม่รำคาญที่มีผมติดบนหน้าอยู่แบบนี้บ้างเหรอคะ”
“รำคาญสิแต่ฉันไม่คิดว่านี่เป็นการเสียสละหรอกนะ”
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าพี่แสดงได้ดีมากๆ แต่ฉันได้เห็นในหนังที่พี่เล่นเท่านั้น ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้มาเห็นการแสดงของพี่กับตา ฉันตื่นเต้นจริงๆ ค่ะ”
ถังหนิงเหลือบมองหลินเฉี่ยนซึ่งแสดงท่าทีว่าต้องการให้เธออ่านบทเงียบๆ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็พูดไม่หยุด
แม้จะไม่ง่ายนักทว่าถังหนิงก็ถ่ายทำฉากแรกไปได้อย่างราบรื่นในที่สุด ถึงสวี่ซินจะเป็นนักแสดงที่อ่อนประสบการณ์แต่เธอก็แสดงได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
“เยี่ยมมาก ถังหนิง ทำแบบนี้ต่อไปนะ”
หลังถ่ายทำฉากนี้จบเดิมทีถังหนิงอยากจะออกไปพักแต่สวี่ซินเข้ามารั้งเธอไว้อีกครั้ง “พี่หนิง พี่ช่วยสอนการแสดงให้ฉันได้ไหมคะ…
“ฉันอยากเป็นเหมือนพี่จริงๆ นะคะ”
เห็นดังนั้นหลินเฉี่ยนจึงเดินเข้ามาหาสวี่ซินทันทีก่อนเอ่ย “คุณสวี่คะ พี่หนิงต้องเตรียมตัวสำหรับฉากต่อไปค่ะ”
“อย่างนั้น… อย่างนั้นฉันจะรอจนกว่าพี่หนิงจะมีเวลาว่างแล้วกัน”
ถังหนิงไม่ได้พูดอะไรและหลินเฉี่ยนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน อย่างไรก็ตามจากนั้นทีมงานก็ได้เตือนสวี่ซิน “พี่หนิงคิวแน่นมาก จะมีเวลามาสอนเธอได้ยังไง เลิกรบกวนเธอจะดีที่สุดนะ”
ว่ากันตามจริงหลังจากที่ถ่ายทำหนังมาหลายเร่อง ถังหนิงไม่เคยเจอนักแสดงแบบสวี่ซินมาก่อน เธอไม่ได้อิจฉาหรือมีแผนกับตัวเธอ แต่กลับตามติดและต้องการให้เธอสอนการแสดงให้ หากเธอเล่นแง่อะไรถังหนิงก็สามารถจัดการกับเธออย่างง่ายดาย แต่สวี่ชินกำลังขอคำแนะนำ จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องที่รับมือได้ยากกว่าเสียอีก
“พี่หนิงคะ ทำไมไม่ให้ฉันไปคุยกับสวี่ซินทีหลังล่ะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ย
“ระวังคำพูดของเธอและอย่าทำร้ายจิตใจเธอด้วยล่ะ” ถังหนิงเตือน
อีกฝ่ายดูนิ่งสงบและสำรวมในชุดเดรสยาวสีดำ
ถังหนิงคิดถูก หญิงสาวคนนี้ไม่น่ามาจากครอบครัวของคนธรรมดา
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” หลินเฉี่ยนตอบก่อนที่จะหันออกไป หลังจากที่ถังหนิงเริ่มถ่ายทำฉากต่อไป หลินเฉี่ยนเข้าไปหาสวี่ชินและพูดขึ้น “คุณสวี่คะ พี่หนิงไม่มีเวลาว่างมากนักในช่วงสองวันถัดไป ไม่เพียงแต่ต้องลงน้ำเธอยังต้องปีนเขาด้วย ฉันคิดว่าเธอไม่มีแม้แต่เวลาพักผ่อนด้วยซ้ำค่ะ ฉันเลยหวังว่าคุณจะให้เวลาเธอได้พักผ่อนและไม่ไปรบกวนเธอน่ะค่ะ ถ้าคุณมีอะไรจะปรึกษาช่วยรอจนกว่าจะผ่านสองวันนี้ไปด้วยนะคะ”
สวี่ซินเข้าใจและพยักหน้ารับ “อย่างนั้นก็ได้ จริงๆ แล้วฉันก็ยุ่งๆ ช่วงสองวันต่อไปเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้นะคะ”
สวี่ซินดูเหมือนจะเป็นคนที่เป็นกันเองด้วยรูปร่างหน้าตาที่ตัวเล็ก น่ารัก และสดใสของเธอ ทว่าหลังจากที่หลินเฉี่ยนเดินจากไปเธอก็พูดถากถางเสียงดัง “ทำไมต้องพยายามทำตัวดีด้วย ถ้าเธอไม่อยากสอนฉันก็ควรตอบว่าไม่ตรงๆ ทำไมต้องอ้อมค้อมด้วย”
หลินเฉี่ยนรีบกลับมาอยู่ใกล้ๆ ถังหนิงที่กำลังแต่งหน้าอยู่ “ไปพูดกับเธอแล้วเหรอ”
“อือฮึ” คนถูกถามพยักหน้ารับ “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ พี่หนิง”
ฉากต่อไปเป็นฉากที่ค่อนข้างอันตราย ตัวละครของสวี่ชินไม่สนใจคำเตือนจากครอบครัวและมาถึงเกาะร้างเพื่อตามหาน้องสาวของตัวเอง ทว่าคนพื้นเมืองบนเกาะกลับยึดเรือของเธอและขโมยของทุกอย่างไป สุดท้ายยังวางแผนที่จะข่มขืนเธออีกด้วย แต่ตัวละครของถังหนิงได้ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้เพื่อช่วยเธอ
“คัต! สวี่ซิน นั่นเธอร้องด้วยความกลัวเหรอ หรือว่าพยายามทำตาโตกว่าคนอื่นกัน เรียนรู้จากถังหนิงบ้างสิ!” ผู้กำกับตะโกนอย่างโมโห “ลองถ่ายอีกครั้ง!”
“คัต… สวี่ซิน อารมณ์ของเธอไม่ผิดไปหมดเลย”
“พอ…”
“ยังไม่ได้…”
หลังจากถ่ายทำไปกว่าเจ็ดแปดครั้ง สวี่ซินสับสนว่าผู้กำกับต้องการอะไรกันแน่และไม่รู้ว่าต้องแสดงบทบาทออกมาอย่างไรแล้ว ในขณะที่ผู้กำกับเอาแต่เปรียบเทียบเธอกับถังหนิง สวี่ซินไม่อยากเชื่อว่าถังหนิงจะมองเธอทำพลาดโดยที่ไม่เข้ามาช่วยและปฏิเสธที่จะสอนเธอ
“ช่างมันเถอะ สวี่ซิน ไปพักก่อน ถังหนิงถ่ายฉากต่อไปได้”
ในฉากถัดมา ถังหนิงซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเพื่อหลบโจรสลัด แน่นอนว่าเป็นฉากที่อันตรายไม่น้อย ฝ่ายอุปกรณ์จึงต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อนถ่ายทำ
“ถังหนิง ไปพักสักครึ่งชั่วโมงนะ ถ้ามีฉากถัดไปมีปัญหาอะไรก็เรียกฉันได้” ผู้กำกับสั่ง
น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้กำกับทำให้สวี่ซินรำคาญใจ
ดังนั้นแล้ว… ความคิดชั่วร้ายก็พลันผุดขึ้นมาในหัวของเธอขณะที่มองผู้ช่วยฝ่ายอุปกรณ์เตรียมเชือกไว้ให้ถังหนิง