[พ่อของเฉินซิงเยียนเป็นปีศาจ คนแบบนี้ควรจะถูกตัดสินประหารไปซะ]
[หลังจากนี้ฉันไม่คิดว่าเฉินซิงเยียนจะยังอยู่รอดในวงการบันเทิงได้หรอก มีพ่อแบบนั้นเป็นเรื่องน่าอับอายสิ้นดี เขาจะเป็นจุดด่างพร้อยของเธอไปตลอชีวิต]
[หมอนั่นเล่นยาแถมยังเมาแล้วขับ คนแบบนี้สมควรโดนฉีกเป็นชิ้นๆ]
[ถ้าพ่อยังเป็นแบบนี้ ฉันว่าเฉินซิงเยียนก็คงไม่ต่างกันหรอก]
[เฉินซิงเยียนนี่ซวยจริงๆ ฉันได้ยินมาว่าพ่อคนนั้นหายตัวไปตั้งแต่เธออายุแค่หกขวบ เวลาผ่านไปตั้งนานในที่สุดเขาก็กลับมา แต่กลับมาทำลายอนาคตของลูกสาวตัวเอง]
…
ใช่แล้ว เฉินซิงเยียนตระหนักดีว่าหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เธอจะไม่มีวันอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปได้อีก ที่จริงเธอรู้ดีว่าเธอไม่อาจอยู่เฉยๆ แล้วดึงอันจื่อเฮ่ากับโม่ถิงมาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ได้
ดังนั้นหลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จแล้ว เธอก็ก้าวออกจากห้องและโค้งคำนับเพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อ “ฉันต้องขออภัยกับสิ่งที่พ่อของฉันได้กระทำลงไปด้วยนะคะ ฉันหวังว่าทุกคนจะให้อภัย ฉันจะพยายามอยากดีที่สุดในการชดใช้ให้กับความเจ็บปวดที่คนที่พวกคุณรักต้องเผชิญ ต่อให้ฉันรู้ว่าไม่มีอะไรจะสามารถทดแทนชีวิตอันแสนมีค่าได้ก็ตาม”
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะยอมยกโทษให้พวกแกสองคน”
“ไม่ค่ะ” เฉินซิงเยียนตอบ “ฉันไม่ขอให้ทุกคนให้อภัยพ่อฉัน ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย ฉันแค่ขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำเท่านั้น”
สมาชิกครอบครัวของเหยื่อยังคงโศกเศร้า หนึ่งในคนเหล่านั้นถึงขนาดวิ่งเข้ามาคว้าเสื้อเชิ้ตของเฉินซิงเยียนและตบเข้าที่ใบหน้าเธอ ในขณะนั้นอันจื่อเฮ่าได้เดินทางมาถึงพอดี ทันทีที่เขาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ชายหนุ่มก็พุ่งตัวเข้าไปผลักเฉินซิงเยียนออกจากจุดนั้นและกันเธอไว้อยู่ข้างหลัง “เฉินซิงเยียนเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน เธอเสียพ่อไปตั้งแต่หกขวบ ตอนนี้หลังจากกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งสิ่งแรกที่เขาทำคือการขอเงินจากเธอ! ถ้าพวกคุณอยากหาเรื่องละก็ ไปหาเรื่องคนทำผิดสิ”
สมาชิกครอบครัวของเหยื่อนิ่งเงียบลงขณะที่เฉินซิงเยียนเดินทางออกจากสถานีตำรวจภายใต้การปกป้องของอันจื่อเฮ่า “ฉันจะหาทนายมาให้”
“ไม่จำเป็น” เฉินซิงเยียนตอบ “พาฉันไปไฮแอทรีเจนซีที ฉันขออยู่กับตัวเองสักพัก”
“ซิงเยียน…”
“ฉันปรากฏตัวในวงการบันเทิงไม่ได้อีกต่อไปหลังจากนี้ ในขณะเดียวกันฉันก็เป็นซูเปอร์สตาร์อย่างที่นายอยากให้ฉันเป็นไม่ได้ ด้วยจุดด่างพร้อยนี้ ฉันจะถูกตราหน้าว่าเป็นลูกสาวของไอ้ฆาตกร” เฉินซิงเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นั่นคือเหตุผลที่เราควรจะยกเลิกสัญญาของเราซะ”
“เธอหมายความว่ายังไง” ท่าทีของอันจื่อเฮ่าเปลี่ยนเป็นตึงเครียด
“ฉันต้องการเลิกกับนาย” เฉินซิงเยียนกล่าวพลางกลั้นน้ำตา
“เฉินซิงเยียน…”
“ฉันพูดจริงๆ ฉันไม่ต้องการอยู่ในวงการนี้อีกแล้ว ฉันเหนื่อย ฉันอยากจะไปต่างประเทศกับแม่แล้วใช้ชีวิตที่เหลือในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก” เฉินซิงเยียนพูดต่อพร้อมกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “ฉันรู้ว่านายไม่สามารถทิ้งทุกอย่างแล้วไปกับฉันได้หรอก เพราะฉะนั้นเราควรเลิกกันซะ”
อันจื่อเฮ่ามองดูเฉินซิงเยียนด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง เขาไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซิงเยียนจะบอกเลิกเขาในเวลาแบบนี้
“เธอแค่เหนื่อย…”
“ฉันพูดจริงๆ” เฉินซิงเยียนพูดกับอันจื่อเฮ่าอย่างหนักแน่น “ฉันต้องการเลิกกับนาย ไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว”
ขณะเวลานี้แม้แต่เสี่ยวชียังชะงักด้วยความช็อก อย่าว่าแต่อันจื่อเฮ่าเลย
“เฉินซิงเยียน ให้ฉันดึงสติเธอนะ ครั้งหนึ่งเราเลยให้คำสัญญาต่อกันว่าเราจะไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ เธอกำลังจะทำผิดสัญญาหรือไง…”
“ใช่” เฉินซิงเยียนกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
“เสี่ยวชี หยุดรถ!” อันจื่อเฮ่าไม่อาจทนต่อไปได้แม้น้ำเสียงของเขาจะยังคงสงบนิ่ง แต่หลังจากเสี่ยวชีหยุดรถ เขาออกจากรถทันทีและเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาเลย
“ซิงเยียน ทำไมทำแบบนี้ล่ะ” เสี่ยวชีรู้สึกหมดหนทาง
เฉินซิงเยียนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปขณะที่เธอร้องไห้ออกมา “เธอไม่เข้าใจหรอก”
อันจื่อเฮ่าเสียสละเพื่อเธอมามากแล้ว ครั้งนี้เขาถึงขนาดยอมเสียเงินเป็นล้านเพื่อเก็บกวาดเรื่องนี้ให้เธอ
แต่ถ้าเขารู้ว่าเงินที่เขาให้คุณพ่อเฉินถูกนำไปใช้ก่ออาชญากรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาคงไม่อาจปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกตลอดชีวิต ในเมื่อต้องมีใครสักคนที่เจ็บปวด เฉินซิงเยียนจะเลือกเป็นคนแบกรับมันเอาไว้เอง
อันจื่อเฮ่ามีความฝันและความสามารถที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ในขณะที่ตัวเธอนั้นแต่อยากเป็นสตันต์ คุณค่าในตัวของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งประชาขนไม่รู้ว่าเงินหนึ่งล้านหยวนนั้นมาจากอันจื่อเฮ่า หากพวกเขารู้ อันจื่อเฮ่าจะต้องเจอปัญหาใหญ่อีก
เฉินซิงเยียนเข้าใจดีว่าเธอยังเด็ก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีความรับผิดชอบ
เมื่อกลับมาถึงบ้านและได้พบกับไไป๋ลี่หวา สิ่งแรกที่เฉินซิงเยียนทำคือการโผเข้าสู่อ้อมแขนของผู้เป็นแม่และร้องไห้ออกมา “แม่…”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ลูกสาวแม่โตขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราจะไปเยี่ยมทุกบ้านเพื่อขอโทษและขอให้พวกเขาให้อภัย นี่ไม่ใช่ความผิดของลูก ซิงเยียน ลูกทำให้แม่ภูมิใจจริงๆ”
“เราจะให้ประธานโม่กับพี่หนิงถูกดึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ได้!” เฉินซิงเยียนสะอื้น
“ใช่ เราจะไม่ดึงใครมาเกี่ยวข้องทั้งนั้น เราจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวของเราเอง”
ไป๋ลี่หวาไม่เคยจินตนาการว่าเฉินซิงเยียนจะกล้าหาญขนาดนี้ ดังนั้นการได้เห็นความกล้าของเฉินซิงเยียนทำให้ไป๋ลี่หวาเข้มแข็ง สุดท้ายสองแม่ลูกให้คำมั่นว่าจะแบกรับความรับผิดชอบนี้ร่วมกัน และส่งผลให้ทั้งคู่กลายเป็นแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่กันและกัน
…
หลังอันจื่อเฮ่าเดินออกจากรถ เขาก็กลับไปยังสถานีตำรวจ เขาต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่และอะไรคือสาเหตุที่ให้ท่าทีของเฉินซิงเยียนเปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลันเช่นนี้
หลังเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับอันจื่อเฮ่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ข้อมูลทั้งหมดที่เฉินซิงเยียนบอกกับตำรวจให้อันจื่อเฮ่ารู้
ดังนั้นในที่สุดอันจื่อเฮ่าจึงค้นพบเหตุผลว่าทำไมเฉินซิงเยียนจึงเสนอให้เลิกกันเธอ
เด็กสาวคนนี้ได้เติบโตขึ้นอย่างฉับพลันและแบกรับทุกอย่างไว้เอง
สุดท้าย อันจื่อเฮ่าก็ได้บอกกับตำรวจ “ถ้าผมยื่นมีดปอกผลไม้ให้คุณเพื่อที่คุณจะสามารถหั่นผลไม้ได้ แต่สุดท้ายคุณเอามีดเล่มนั้นไปฆ่าใครสักคน ผมควรต้องรับผิดชอบไหมครับ
“ผมเป็นคนโอนเงินหนึ่งล้านหยวนให้เฉินเทียนเหาจริง แต่ผมไม่คิดว่าผมทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไร พวกเราเป็นเพียงเหยื่อในคำโกหกของเขาเท่านั้น!
“เฉินเทียนเหาใช้เงินหนึ่งล้านหยวนแล้วสุดท้ายทำให้มีคนตาย ดังนั้นตำรวจเลยตัดสินใจร้องหาความรับผิดชอบจากพวกเรา แล้วถ้าเขาเอาเงินนั้นไปสร้างคุณประโยชน์ใหญ่หลวงให้สังคมล่ะ พวกคุณจะให้ตกรางวัลให้พวกเราไหม
“ตอนเฉินเทียนเหาหลอกพวกเราให้ให้เงินก้อนนี้กับเขา เขาเอาประวัติการรักษาลูกชายของเขามาให้เราดู ในฐานะตำรวจ ผมรู้ว่าคุณเก่งเรื่องศีลธรรม แต่ขอโทษทีนะ เฉินซิงเยียนกับผมจะไม่ยอมถูกตราหน้าในเรื่องครั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในคดีนี้คือยาและแอลกอฮอล์ แต่ผมต้องขอโทษด้วยเพราะเงินพวกนั้นมาอย่างถูกกฎหมาย เราไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบทางกฎหมายหรือทางศีลธรรมอะไรทั้งนั้น”
พูดจบ อันจื่อเฮ่าก็เดินออกจากสถานีตำรวจ
เขาเข้าใจดีว่าในเวลานี้ เฉินซิงเยียนเพียงแค่มุ่งมั่นที่จะปกป้องเขาและไม่ยอมฟังสิ่งที่เขาพูด
เธอเป็นคนที่โง่เง่าที่สุดในโลก…
แต่เธอทำแบบนี้เพราะเธอรู้ดีว่าอันจื่อเฮ่าจะยอมโดนฟ้องล้มละลายหรือมากกว่านั้นเพื่อเธอ
ดังนั้นอันจื่อเฮ่าจึงไม่เร่งรีบที่จะติดต่อเฉินซิงเยียน กลับกัน เขาเลือกที่จะไปหาข้อมูลของบรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้คู่สองแม่ลูกต้องเจ็บปวด ดูเหมือนช่วงเวลาหลายวันข้างหน้าของเขาน่าจะยุ่งทีเดียว
ขณะเดียวกัน ถังหนิงและโม่ถิงได้รับข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่อีกฟากของทะเล เดิมทีทั้งสองยังต้องใช้เวลาในการพักผ่อนอีกสองสามวัน แต่พวกเขายกเลิกและรีบเดินทางกลับปักกิ่งทันที…