ลู่เช่อรวบรวมรายชื่อนักแสดงชายที่เข้าตากลุ่มใหม่และวางลงบนโต๊ะทำงานของโม่ถิง เขายังวางรายละเอียดของคนคนหนึ่งที่เขามองเป็นการส่วนตัวว่ามีความเหมาะสมมากที่สุดไว้บนสุดของกองเอกสารอีกด้วย
“ระหว่างการคัดเลือกนักแสดง ผมเจอคนหนึ่งที่ออกจะดูถือตัวสักหน่อย แต่การแสดงอยู่ในระดับที่ดี เขามีชื่อว่าหวงฝู่ซั่ว ดูเหมือนแนวทายาทตระกูลที่มีฐานะและตรงตามคุณสมบัตินักแสดงชายที่เรากำลังมองหาอยู่ ถึงจะดูบุ่มบ่ามไปบ้างแต่ก็ไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดใหญ่โตอะไร บางทีเราอาจจะสามารถฝึกฝนเขาได้บ้าง ที่สำคัญที่สุดคือเขาเองก็ค่อนข้างสนใจบทนี้ครับ…”
โม่ถิงเปิดดูข้อมูลของหวงฝู่ซั่วและเอ่ยถามลู่เช่อ “เคยติดต่อไปหรือยัง”
“เคยแล้วครับ ผู้จัดการของเขาบอกว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ระหว่างพักเบรก แต่เขาพร้อมที่จะกลับมาเริ่มงานได้ทุกเมื่อ” ลู่เช่อพยักหน้า
“ขอฉันดูผลงานเก่าๆ ก่อน ระหว่างนั้นช่วยหาข้อมูลของคนคนนี้มาเพิ่มด้วย ยิ่งหาข้อมูลมาได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี” โม่ถิงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพลางโยนเอกสารข้อมูลไปด้านข้าง
“ผมเตรียมข้อมูลมาไว้ให้แล้วครับ ข้อมูลของเขาอยู่ทางด้านซ้าย ท่านประธานสามารถหยิบมาดูได้เมื่อมีเวลา ที่สำคัญที่สุดคือนักแสดงคนนี้เชิญตัวค่อนข้างยาก ถ้าท่านประธานลงมือเอง ผมมั่นใจว่าจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอนครับ”
ในบางแง่มุม ลู่เช่อค่อนข้างชอบนิสัยบ้าระห่ำของหวงฝู่ซั่ว
ศิลปินชายคนนี้พึ่งพาแต่พรสวรรค์ของตัวเองในการหาเงินเลี้ยงปากท้องและไม่มีความทะเยอทะยานอะไรมากนัก แต่เมื่อถึงเวลาทำงาน เขาจะทุ่มเทให้กับงานอย่างถึงที่สุด ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเขาค่อนข้างเป็นคนเจ้าชู้ มักพยายามใช้คำพูดที่ฟังดูไม่ค่อยดีนักเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักแสดงหญิงคนอื่นๆ
ลู่เช่อเคยเห็นบทสัมภาษณ์ของหวงฝู่ซั่วมาบ้าง ซึ่งออกมาดีและไม่ทำให้ภาพลักษณ์การเป็นนักแสดงของเขาเสียหาย
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาเคยมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับไป๋อวี๋…
“เขาน่าสนใจจริงๆ …”
“หวงฝู่ซั่วไม่มีที่ติครับ ทุกอย่างที่เขาทำขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาในตอนนั้น เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดเยินยอและเลือกรู้สึกตื่นเต้นจากการท้าทายใหม่ๆ มากกว่า” ลู่เช่ออธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไปพบผู้จัดการของเขาแล้วหารือเรื่องความร่วมมือของเรา ที่สำคัญ จัดการออดิชั่นให้หวงฝู่ซั่วด้วย”
โม่ถิงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับศิลปินคนนี้มาก่อน เขามักจะเข้าไปเกี่ยวพันกับข่าวฉาวซุบซิบอยู่บ่อยครั้ง แต่เรื่องพวกนั้นไม่เคยทำให้เขากลัวเลย เขาเพียงแต่สนใจเรื่องของตัวเองในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่เขามีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นนั่นคือความมุ่งมั่นในการแสดงของเขา ความเป็นมืออาชีพที่เขามีนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่านักแสดงชื่อดังคนอื่นๆ เลย
แน่นอนว่าหากไห่รุ่ยต้องการจะใช้งานนักแสดงชายแบบนี้นั่นถือเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่
ก้าวผิดเพียงครั้งเดียว การถ่ายทำทั้งหมดก็จะพังพินาศไปด้วย
แต่ใครกำลังจัดการเรื่องนี้กันล่ะ
เขาคือโม่ถิง
ตราบใดที่เขายังอยู่ในวงการนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
…
“พวกเธอได้ยินเรื่องที่ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ยังหาคนมาแสดงเป็นพระเอกไม่ได้หรือเปล่า”
ทีมงานของ ‘ชายาหนิง’ ซุบซิบกันระหว่างที่มีเวลาว่าง แต่น้ำเสียงของพวกเธอแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังสะใจกับโชคร้ายของคนอื่น เพราะถึงอย่างไรละครทั้งสองเรื่องก็เป็นคู่แข่งกันและถังหนิงปฏิเสธพวกเขาต่อหน้าทุกคน ดังนั้นด้วยนิสัยที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินว่ากองถ่ายของ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ยังไม่มีความคืบหน้าไปไหน
“หลังจากกล่าวหาคนอื่นก็สมควรได้รับผลกรรมแล้วละ นี่แหละเขาถึงเรียกกันว่ากรรมตามสนอง”
“ถังหนิงทำตัวจองหองนักนี่ มาดูสิว่าคราวนี้จะเอาตัวรอดอีท่าไหน ฉันได้ยินมาว่านักแสดงชายที่ถูกหมายตาไว้ปฏิเสธบทนี้ทั้งคู่ สะใจจริงๆ!”
“ทีมงานกระจอกแบบนั้นมาเป็นคู่แข่งพวกเราได้ยังไงกัน”
ขณะที่ไป๋อวี๋เพิ่งถ่ายทำเสร็จ เธอก็บังเอิญได้ยินสิ่งที่ทีมงานกำลังซุบซิบนินทากันและอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะนั่นคือวัตถุประสงค์หลักของเธอ
จากนั้นไป๋อวี๋และผู้ช่วยก็เดินทางออกจากสตูดิโอและกลับไปยังโรงแรมที่จัดไว้ให้ทีมงานได้พักผ่อน แต่เมื่อเธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอตวาดใส่หน้าน้องสาวของตัวเอง ไป๋อวี๋ตัดสินใจที่จะโทรหาอีกฝ่ายเพื่อขอโทษ
แต่กลับมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อคนที่รับสายโทรศัพท์ของน้องสาวเธอกลับเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
“นายเป็นใคร”
ทันทีที่ปลายสายได้ยินเสียงเธอก็รู้ว่านั่นคือเสียงไป๋อวี๋ เขารีบกดวางสายทันที ไป๋อวี๋คิดว่าชายคนนั้นคือคนที่ไป๋หลินหลินเจอระหว่างทำตัวเหลวไหล เธอจึงโทรหาน้องสาวอีกครั้ง “ใช้ไม่ได้จริงๆ!”
“พี่อวี้ อย่าโกรธไปเลย หลินหลินยังเด็กนะ”
“เด็กงั้นเหรอ…” ไป๋อวี๋กลับเข้าไปในโรงแรมด้วยสีหน้าผิดหวังโดยไม่ระแคะระคายชายเจ้าของเสียงในโทรศัพท์ของไป๋หลินหลินเลย
หลังอาบน้ำเสร็จ ไป๋อวี๋ก็โทรหาสามีเธอ ทั้งคู่กล่าวราตีสวัสดิ์ซึ่งกันและกันเฉกเช่นทุกครั้งก่อนที่ไป๋อวี๋จะหลับไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น แต่เธอไม่รู้เลยว่าชายที่เธอเชื่อมั่นอย่างหมดหัวใจนั้นตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง มีน้องสาวที่กำลังเมามายของเธออยู่ในอ้อมแขน
“พี่เขย พี่หล่อจังเลย… พี่เขย”
ไป๋หลินหลินกำลังเมาไม่ได้สติ แต่เธอยังรู้ตัวว่าเธอกำลังอยู่กับใคร
ชายคนนั้นดึงไป๋หลินหลินมาอิงไหล่ของเขา หลังจากหยิบกุญแจห้องออกมา เขาพยุงไป๋หลินหลินเข้าไปในห้องก่อนจะวางเธอลงบนเตียง…
“หลินหลิน… เธอชอบพี่ไหม”
ไป๋หลินหลินโอบเรียวแขนทั้งสองข้างของเธอรอบลำคอของชายตรงหน้าและหัวเราะออกมาเสียงดังสนั่น “ชอบสิ ฉันชอบพี่ แต่ฉันไม่ชอบเวลาพี่เอาใจพี่สาวฉัน…”
“ถ้างั้นตั้งแต่นี้ไปพี่จะเอาใจเธอบ้างดีไหม”
ชายคนนั้นถามอย่างยั่วเย้า
“โอเค…” ไป๋หลินหลินพยักหน้า แต่หลังจากได้รู้ถึงเจตนาที่แท้จริงของชายคนนั้น เธอก็นอนตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงและไม่อาจขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้เสียแล้ว
ขณะที่ทั้งคู่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ชายคนนั้นพลันหยุดชะงักและถามอย่างใจเย็น “ทำไมถึงไม่มาเป็นผู้หญิงของพี่ล่ะ จากนี้ไปพี่จะเอาใจเธอแค่คนเดียว แต่ถ้าเธอไม่ต้องการแบบนั้น เราจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้แล้วพี่จะส่งเธอกลับบ้านทันที”
จิตใจของไป๋หลินหลินว่างเปล่า… หัวใจเธอวนเวียนอยู่กับคำพูดที่พี่เขยคนที่เธอรักใคร่เพิ่งจะพูดออกมา เธอจะยังมองผู้ชายคนนี้เป็นสามีของพี่สาวเธอได้อีกอย่างนั้นหรือ ดังนั้นเธอจึงโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนของอีกฝ่าย ส่งผลให้ทั้งคู่ได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งบางๆ ของความถูกต้อง สุดท้ายทั้งสองก็ใช้เวลาในคืนนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งโดยไม่สนใจถึงการมีตัวตนอยู่ของไป๋อวี๋
…
เช้าวันต่อมา ถังหนิงรู้เรื่องผ่านลู่เช่อว่าโม่ถิงได้จัดให้หวงฝู่ซั่วมาร่วมการออดิชั่น แม้เธอจะรู้สึกเสียดายนิดหน่อยแต่เธอก็เคารพการตัดสินใจของโม่ถิงและเลือกที่จะไปดูทักษะการแสดงของหวงฝู่ซั่ว
โม่ถิงมองถังหนิงที่เอาแต่นั่งเงียบตลอดช่วงเวลามื้อเช้าและรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคาดหวังอะไรอยู่ แต่เขาจำเป็นต้องกำจัดอุปสรรคทั้งหมดออกไปให้พ้นทางเสียก่อน
“คุณไม่ค่อยกินอะไรเลยนะเช้านี้ แล้วจะไม่มีสารอาหารพอได้ยังไง”
ถังหนิงส่ายหน้าและปฏิเสธที่จะกินต่อ “อากาศร้อนเกินไปค่ะ ฉันเลยไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่”
“คุณกำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงตัดสินใจเลือกหวงฝู่ซั่วแทนที่จะเป็นตัวผมเองสินะ”
“เปล่าค่ะ” ถังหนิงปฏิเสธ
“เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้เหตุผลเอง” โม่ถิงไม่อธิบายสิ่งต่างๆ ให้กระจ่าง แต่เขามีแผนบางอย่างอยู่ในใจ
“ฉันจะไปให้นมลูกๆ ก่อนนะ” ถังหนิงพยักหน้า เธอเชื่อโม่ถิงเต็มร้อย แม้โม่ถิงจะไม่พูดอะไร ถังหนิงก็พอจะเดาคร่าวๆ ได้ เพราะโม่ถิงไม่เคยทำอะไรมีเลศนัย นี่แหละสามีของเธอ สามีที่ไม่เคยมีความลับต่อเธอเลย
ยิ่งไปกว่านั้น โม่ถิงยังเป็นนักตัดสินใจที่เก่งกาจอีกด้วย
โม่ถิงลูบหัวถังหนิงอย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้นเพื่อมองดูเล็กๆ จากนั้นเขาเดินทางออกไปทำงาน วันนี้หวงฝู่ซั่วจะมาที่ไห่รุ่ย…
เขามีความตั้งใจที่จะเซ็นสัญญากับหวงฝู่ซั่วจริง แต่… เขาไม่ได้ต้องการให้หวงฝู่ซั่วมาเป็นพระเอก…
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบเดียวกับหลงซิงและลู่อี้หลิงอีก เขาจำเป็นต้องสร้างภาพลวงตาขึ้นมา