ไม่มีใครคิดว่าอันจื่อเฮ่าจะแว้งกัด ดังนั้นคนพวกนั้นจึงเดินจ้ำอ้าวหนีไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าด้วยการปกป้องของอันจื่อเฮ่า อารมณ์เฉินซิงเยียนจึงดีขึ้นเล็กน้อย
แต่อันจื่อเฮ่ากลับไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมากพอ เขาจึงวางแขนรอบไหล่ของเฉินซิงเยียนและปกป้องเธอไว้ในอ้อมแขน
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้…”
อันจื่อเฮ่าชำเลืองตาลงมองอีกฝ่ายและกล่าวด้วยคำพูดสั้นๆ “ไปเถอะ…”
เฉินซิงเยียนยิ้มกว้างและไม่โต้แย้งอะไรอีก ขณะนั้นเธอมีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้อยู่ในสายตา ไม่มีใครจะสูงผงาดและแข็งแรงได้เท่าเขาอีกแล้ว!
ไม่นานนัก ทั้งคู่ได้เดินมาถึงยังห้องพัก อาจเป็นเพราะอันจื่อเฮ่าอยู่ด้วยทำให้ช่างแต่งหน้าอ่อนน้อมกับเฉินซิงเยียนเป็นพิเศษ แม้ผู้คนจะไม่ให้เกียรติเฉินซิงเยียน พวกเขาก็ยังคงไว้หน้าอันจื่อเฮ่า
“พอแล้วล่ะ นายมาส่งฉันถึงนี้อย่างปลอดภัยแล้ว ฉันเคยออกรายการสดมาก่อน นายกลับไปทำงานของนายได้แล้ว” เฉินซิงเยียนเตือนความจำว่าอันจื่อเฮ่ายังมีนัดสำคัญคืนนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะเธอ เขาก็คงไม่ต้องยุ่งวุ่นวายขนาดนี้ “ไปได้แล้ว อย่าไปสายเพราะฉันเลย”
อันจื่อเฮ่าจ้องมองเฉิยซิงเยียนก่อนจะกวาดตาไปมองช่างแต่งหน้า แน่นอนว่าสายตาที่เขาใช้มองคนทั้งสองนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
คนหนึ่งถูกมองด้วยสายตาอบอุ่นและอ่อนโยน ในขณะที่มองอีกคนด้วยสายตาเฉียบคมและข่มขู่
ช่างแต่งหน้าคนนั้นยิ้มและทำให้อันจื่อเฮ่าผ่อนคลายลงได้นิดหน่อย ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่เลวร้ายนัก
“งั้นฉันไปก่อนนะ บอก ‘เสี่ยวชี’ ให้โทรหาฉันหลังจากที่เธอถ่ายเสร็จแล้วด้วยล่ะ”
“โอเค” เฉินซิงเยียนพยักหน้า
เสี่ยวชีคือผู้ช่วยของเฉินซิงเยียน อาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับแอนนี่ ผู้ช่วยที่อันจื่อเฮ่าหามาให้เฉินซิงเยียนจึงเป็นคนที่ขยันและเอาการเอางานเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่รู้วิธีแก้สถานการณ์และมีไหวพริบมากนัก
กระนั้นสำหรับใครบางคนที่ต้องการผู้ช่วยมาดูแลเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปอย่างเฉินซิงเยียนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหาคนที่มีไหวพริบมากนักก็ได้ ดังนั้นแค่เสี่ยวชีก็เพียงพอแล้ว
หลังจากอันจื่อเฮ่าเดินออกไป ช่างแต่งหน้าได้หยิบอุปกรณ์แต่งหน้าของเธออกมาและกล่าวอย่างชื่นชม “ถึงเธอจะไมได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ยังคุ้มที่ได้รับการดูแลจากอันจื่อเฮ่าแบบนี้นะ”
เฉินซิงเยียนมองผ่านกระจกและพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ
เธอไม่ได้อยากอยู่ในไห่รุ่ยหรือฮอลลีวูด เธอแค่ต้องการเป็นศิลปินในสังกัดของเฉินซิงเยียน แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเธอแล้ว
ขณะที่การถ่ายทอดสดจะเริ่มขึ้นตอนสองทุ่ม เฉินซิงเยียนมีเวลาเพียงพอในการแต่งหน้า กระนั้นก่อนที่เธอจะได้แต่งหน้าถึงครึ่งทาง ประตูห้องพักก็พลันถูกเปิดออกด้วยฝีมือของผู้จัดการของไป๋หลินหลิน เธอชะโงกหัวเข้ามาดูว่าเฉินซิงเยียนอยู่ภายในห้องหรือไม่ หลังจากแน่ใจว่าอีกฝ่ายอยู่ในห้อง เธอจึงเปิดประตูออกกว้างและเดินเข้ามาภายใน “คุณเฉินเป็นยังไงบ้างคะ เออ… ฉันขอเวลาคุณสักครู่ได้ไหม”
เฉินซิงเยียนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้จัดการของไป๋หลินหลิน และไม่รู้ด้วยว่าไป๋หลินหลินเป็นคนที่เทน้ำโสโครกพวกนั้นใส่เธอ ดังนั้นเธอจึงถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ”
“สิ่งนี้คือ…”
“เลิกเสียเวลามาพูดสุภาพกับมันได้แล้ว!” ไป๋หลินหลินปรากฏตัวขึ้นหลังผู้จัดการของตัวเองและเดินก้าวขึ้นมาอยู่ด้านหน้าแล้วพูดจัดบท จากนั้นเธอจึงก้าวไปอยู่ระหว่างช่างแต่งหน้ากับเฉินซิงเยียนและผลักช่างแต่งหน้าคนนั้นจนเสียศูนย์ไปพิงโต๊ะแต่งหน้าอีกตัวหนึ่ง “เราเคยเจอกันมาก่อน… พี่สาวฉันสั่งให้ฉันมาที่นี่แล้วขอโทษเธอซะ!”
หลังเห็นไป๋หลินหลิน เฉินซิงเยียนก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร
“ส่งดอกไม้มาให้ฉัน” เมื่อเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของเฉินซิงเยียน ไป๋หลินหลินก็เหยียดมือของเธอไปทางผู้จัดการของตัวเอง
ผู้จัดการของเธอรีบส่งช่อดอกไม้สดในมือให้เธอ หลังจากได้รับดอกไม้มาไว้ในมือ ไป๋หลินหลินเพียงแค่โยนมันใส่เฉินซิงเยียน “เธอได้รับการขอโทษจากฉันแล้วนะ!”
บางทีอาจไม่เคยมีใครเคยเห็นการขอโทษแบบนี้มาก่อนก็ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา
เฉินซิงเยียนมองดูดอกไม้บนตักของเธอและรู้ตัวว่าผู้หญิงคนนี้จงใจมาสร้างปัญหา ดังนั้นเธอจึงโยนช่อดอกไม้ไปด้านข้างและพูดอย่างนุ่มนวล “เธอควรออกไปจากห้องนี้ซะก่อนที่ฉันจะลงมือทำอะไรนะ”
“โกรธหรือไง” ไป๋หลินหลินหัวเราะ “ฉันคิดว่าเธอเป็นพวกนิ่งๆ ซะอีก ที่ไหนได้เธอกลับไปฟ้องโม่ถิง ฉันแค่พูดว่าถังหนิงแก่ แค่นั้นต้องทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ด้วยเหรอ
“อ๋อ หรือเพราะถังหนิงไม่อนุญาตให้ใครมาบอกว่ามันแก่ แต่มันเป็นความจริงนี่ คลอดลูกไปแล้วด้วยนะ จะกลับมาทำตัวเป็นสาวบริสุทธิ์ได้ซะที่ไหนล่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็มองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาอาฆาต แต่ไป๋หลินหลินไม่เกรงกลัวขณะพูดต่อไปว่า “แค่เธอเอาชนะฉันไม่ได้ เลยหันไปหาพี่สาวฉันสินะ จะหน้าด้านไปถึงไหน ถ้ามีปัญหาจริง ก็ทำให้ฉันเจออย่างที่เธอเจอสิ
“จะบอกอะไรให้นะ ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อด่าถังหนิงโดยเฉพาะเลย ฉันอยากจะรู้สิว่าเธอจะรับได้สักแค่ไหน”
เฉินซิงเยียนพยายามอดกลั้นเพราะเธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีเส้นใหญ่ เธอไม่ต้องการให้ไห่รุ่ยออกมาช่วยเธอ และไม่ต้องการสร้างปัญหาให้อันจื่อเฮ่า
แต่ยิ่งเธอนิ่งเฉยมากเท่าไหร่ ไป๋หลินหลินก็ยิ่งทำตัวแย่มากขึ้นเท่านั้น
รายการถ่ายทอดสดกำลังจะเริ่มขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะทันแต่งหน้าได้ถึงครึ่งทาง ไป๋หลินหลินกลับเข้ามาสร้างปัญหา
ถ้าพูดถึงเรื่องความหน้าด้าน เธอไม่มีทางสู้ไป๋หลินหลินได้เลย
“เธอรู้ไหมว่าคนเขาเรียกถังหนิงว่าอะไร เขาเรียกถังหนิงว่ายัยหนังแตงโม… เพราะรอยผิวแตกที่ท้องมันดูเหมือนลายบนเปลือกแตงโมไงละ!”
เฉินซิงเยียนไม่อาจทนได้อีกต่อไปขณะที่เธอคว้าเสื้อเชิ้ตของไป๋หลินหลินไว้ในมือ ไป๋หลินหลินไม่เกรงกลัวพลางจ้องตาเฉินซิงเยียนกลับ “ฉันจะพูดอะไรก็ได้ที่ฉันอยากพูด ถังหนิงมันก็แค่กะหรี่…”
“เธอว่าไงนะ”
“กะหรี่ไง!” ไป๋หลินหลินตอบอย่างรวดเร็วเกินไป ไม่ทันได้สังเกตว่าคำถามเมื่อกี้ไม่ได้ออกมาจากปากของเฉินซิงเยียน
ผู้จัดการของไป๋หลินหลินเอื้อมมือไปหยุดไป๋หลินหลิน แต่สีหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความกลัวเมื่อเห็นถังหนิงก่อนจะรีบหลบตัวไปซ่อนอย่างรวดเร็ว เพราะเธอกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา
“ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยล่ะว่าฉันเป็นกะหรี่” ถังหนิงถามด้วยท่าทีขบขัน
ได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดไป๋หลินหลินถึงได้มีสติกลับสู่ความเป็นจริง ถังหนิงได้มาปรากฏตัวอยู่ในห้องพักแห่งนั้นเป็นการส่วนตัว
ไป๋หลินหลินตัวแข็งทื่อขณะที่เธอหันไปมองผู้จัดการของเธอด้วยสีหน้าฉงน ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เตือนเธอ
กระนั้นถังหนิงไม่ใช่คนมีเมตตา เธอจึงหันกลับไปบอกลู่เช่อ “ปิดประตู”
ลู่เช่อพยักหน้าและปิดประตูจนสนิท
ถังหนิงนั่งลงบนโซฟาและถามไป๋หลินหลิน “ในเมื่อฉันเป็นกะหรี่ เธอช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าฉันเป็นกะหรี่แบบไหน ฉันมั่นใจว่าคุณไป่มีเวลาเหลือเฟือที่จะให้คำอธิบายกับฉัน”
ไม่เพียงแค่เฉินซิงเยียนเท่านั้น แม้แต่ช่างแต่งหน้าเองก็อึ้งด้วยความช็อกเพราะการปรากฏตัวของถังหนิง แต่ถังหนิงไม่ลืมที่จะเตือนช่างแต่งหน้าคนนั้น “แต่งหน้าต่อเถอะ เธอมีเวลาเหลืออีกแค่ยี่สิบนาทีก่อนที่รายการจะเริ่มไม่ใช่เหรอ”
ช่างแต่งหน้าคนนั้นพยักหน้าด้วยความเชื่อฟังขณะที่เธอกลับมาเริ่มแต่งหน้าให้เฉินซิงเยียน พลางดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไปด้วย
ไป๋หลินหลินรู้สึกหวาดวิตกอย่างท่วมท้น ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ท่าทีจองหองเมื่อครู่ของเธอหายไปจนหมด…
ไม่ว่าเธอจะจองหองเพียงใด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับถังหนิง ความเย็นยะเยือกที่แผ่ไปทั่วไขสันหลังทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว
“ทำไมไม่พูดล่ะ” ถังหนิงถามพลางเงยหน้าขึ้นมาอง
“นั่น… นั่นมัน…”
“ฉันคิดว่าเธอคงยังไม่ลืมเรื่องของซ่งซินที่เพิ่งถูกส่งเข้าคุกไปเมื่อไม่นานนี้หรอกนะ” ถังหนิงพูดแทรก “ความสามารถพิเศษของฉันคือการชนกับคนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน…”
“คุณ… คุณไม่กล้าหรอก” ไป๋หลินหลินรู้ตัวว่าเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“อะ มีห้องน้ำส่วนตัวในห้องนี้ด้วยนี่นา” ถังหนิงพูดกับตัวเองพลางมองไปยังห้องน้ำที่อยู่มุมห้อง “ทำไมเธอไม่ลองลิ้มรสการเปื้อนอึทั้งตัวดูบ้างล่ะ อ้อ ไม่สิ แบบนั้นจะปัญหามากไป… มันจะมีแต่ทำให้มือของคนอื่นสกปรกไปด้วย…”