ผลปรากฏว่าหลงเจี่ยตั้งครรภ์ได้กว่าสองเดือนแล้ว!
นี่อาจเป็นข่าวดีที่สุดที่ถังหนิงได้รับในช่วงพักหลังมานี้ เมื่อคิดว่าทั้งหลงเจี่ยและลู่เช่อต่างปรารถนาที่จะมีลูกด้วยกันมานานแสนนาน หัวใจของถังหนิงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติ
หลงเจี่ยยกเลิกงานทั้งหมดในมือและกลับไปอยู่บ้านเพื่อดูแลครรภ์และเตรียมคลอดลูก ขณะเดียวกัน ทันทีที่แม่ของลู่เช่อได้รับข่าวดี เธอก็บินตรงมายังปักกิ่งด้วยความตั้งใจที่จะมาดูแลหลงเจี่ยในระยะยาว
โดยในเวลานี้ ลูกๆ ของถังหนิงกับโม่ถิงมีอายุได้เกือบหกสิบวันแล้ว
ขณะที่เธอมองดูลูกผมที่ปรากฏบนศีรษะของเด็กทั้งสอง ถังหนิงเอื้อมมือของเธอไปลูบศีรษะของแฝดผู้พี่
เดิมทีโม่ถิงต้องการให้เด็กทั้งสองเริ่มหย่านม เพราะถังหนิงจำเป็นต้องกลับไปถ่ายทำ แต่ถังหนิงปฏิเสธ “เด็กๆ ยังต้องการนมแม่เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน พวกเขาเป็นลูกของเรานะ ฉันจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพวกเขา”
“ลูกชายทั้งสองคนของผมไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นหรอกนะ…”
“ฉันมีน้ำนม แล้วทำไมฉันถึงให้พวกเขาไม่ได้ ต่อให้ตอนที่ฉันกลับเข้าวงการไปแล้วและถ่ายทำโฆษณาในช่วงเวลาหนึ่งเดือน ฉันก็ยังสามารถปั๊มนมให้พวกเขากินได้ตอนที่ฉันไม่อยู่ แบบนี้พวกเขาจะได้ไม่ขาดสารอาหาร” ถังหนิงตอบพร้อมรอยยิ้ม
โม่ถิงหมดหนทางเมื่ออยู่กับถังหนิง เขาทำได้เพียงดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “เจ้าเด็กแสบสองคนนี้ได้แต่ประโยชน์จริงๆ นะเนี่ย!”
“นี่ นั่นลูกคุณนะ!” ถังหนิงกล่าวพลางทุบไปที่แผ่นอกของโม่ถิง “อีกอย่าง มีใครบางคนคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงได้มาแอบขโมยอาหารของลูกชายตัวเองตอนกลางดึก…”
โม่ถิงไม่เถียงพลางอุ้มถังหนิงไว้ในอ้อมแขน “พวกเขาไม่กล้าบ่นหรอก!”
…
ขณะที่เฉินซิงเยียนตอบรับคำเชิญไปร่วมรายการวาไรตี้โชว์สองสามรายการ ตอนนี้เธอได้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างแล้ว แน่นอนว่าเหตุผลที่เส้นทางของเธอราบรื่นขึ้นมากนั้นมีส่วนมาจากที่ความจริงที่เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง
ต่อให้ถ้ามีใครอยากจะสร้างความยุ่งยากให้เธอ คนพวกนั้นจะต้องคิดก่อนว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะต่อกรกับโม่ถิงหรือเปล่า ถึงแม้โม่ถิงจะไม่เคยออกมายอมรับเฉินซิงเยียนต่อสาธารณะ แต่เขาก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธเช่นกัน
ตารางถ่ายรายการวาไรตี้ของเฉินซิงเยียนในวันนี้เป็นรายการทอล์กโชว์เพราะรูปแบบการสัมภาษณ์แบบใหม่ในรายการแนวนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
เฉินซิงเยียนเป็นหนึ่งในแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมรายการ
อันจื่อเฮ่าไม่ได้เดินทางไปที่รายการเป็นเพื่อนเฉินซิงเยียนเพราะตอนนี้เธอมีผู้ช่วยของตัวเองแล้ว ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอร่วมงานแนวนี้ อันจื่อเฮ่าจะให้เธอได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้อย่างอิสระ
ที่ด้านหลังเวที เฉินซิงเยียนใช้ห้องพักร่วมกับแขกที่ได้รับเชิญคนอื่นๆ เนื่องจากทั้งหมดมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ แขกคนอื่นๆ จึงเข้ามากล่าวคำทักทาย แต่เฉินซิงเยียนไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทีไร้อารมณ์ของเฉินซิงเยียน แขกคนอื่นๆ ก็ดึงมือของตัวเองกลับอย่างกระอักกระอ่วนและเริ่มพูดคุยกันเองอยู่ด้านข้าง “ฉันอยากจะรู้จริงว่าต้องทำบุญมากี่ชาติได้ถึงเกิดมาเป็นน้องสาวของโม่ถิงแบบนี้”
“เป็นน้องสาวโม่ถิงแล้วไงเหรอ ดูอย่างถังหนิงสิ ต่อให้มีโม่ถิงเป็นผู้จัดการส่วนตัว พวกเธอไม่เห็นเหรอว่าถังหนิงกลายเป็นพวกตกยุคไปแล้วตั้งแต่คลอดลูกน่ะ”
“ถังหนิงเป็นภรรยาของตระกูลร่ำรวยมีชื่อเสียงในสังคม ทำไมต้องมาแคร์เรื่องชื่อเสียงด้วยล่ะ”
“อย่าลืมสิ ในวงการนี้เป็นเรื่องของชื่อเสียงและโชคเท่านั้นนะ ในเวลาไม่กี่ปี พอถังหนิงแก่แล้วก็ไม่สวยอีกต่อไป มาดูอีกทีเธอก็ไม่ต่างอะไรกับแม่บ้านน่าสงสารธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ”
“ถูกของเธอ ตอนนี้ถังหนิงคลอดลูกแล้ว รอยแตกที่ท้องน่าจะลึกมากจนฆ่ายุงได้เลย เห็นว่าไห่รุ่ยปฏิเสธงานโฆษณาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กไปหลายเจ้า ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังไม่ยอมรับความจริงอยู่หรือไง”
“ถังหนิงคิดว่าตัวเองฝืนธรรมชาติได้หรือไงนะ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก ทันทีที่ผู้ชายมีลูก เขาก็จะเริ่มหมดความสนใจในตัวผู้หญิงคนนั้น รอดูเถอะ ไม่ว่าคู่รักในวงการบันเทิงคู่นั้นจะรักกันมาแค่ไหน พวกเขาก็จะจบด้วยการนอกใจอีกฝ่ายอยู่ดี”
เดิมทีเฉินซิงเยียนตั้งใจจะไม่ใส่ใจผู้หญิงทั้งสอง แต่ยัยสองคนนั้นยังคงเอาแต่นินทาลับหลังเธอ
ท้ายที่สุดเธอไม่อาจทนได้อีกต่อไป “รอให้ตัวเองก้าวไปถึงจุดเดียวกับถังหนิงได้ก่อนเถอะค่อยมาบอกว่าถังหนิงตกยุค พวกเธอยังไม่แม้แต่จะอยู่ในจุดที่มีโอกาสนั้นด้วยซ้ำ”
ผู้หญิงสองคนนั้นหันมามองหน้าเฉินซิงเยียน จากนั้นทั้งสองกลอกตาไปมาและทำเสียงเยาะเย้ย
คนพวกนี้กลังพูดว่าร่างกายของถังหนิงลงพุงแล้วกลายเป็นพวกตกยุคงั้นเหรอ
เฉินซิงเยียนเพิ่งจะพบกับถังหนิงเมื่อไม่นานมานี้และถังหนิงดูสวยยิ่งกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ ผู้หญิงพวกนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้
กระนั้นในวงการก็กำลังลือกันว่าถังหนิงไม่ยอมรับความจริง
จะเป็นไปได้ยังไงที่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะยังคิดว่าตัวเองยังสาวและสวยอยู่หลังจากคลอดลูกแล้ว
“เธอคิดว่าถ้าตัวเองไม่ใช่น้องสาวของโม่ถิงแล้วจะยังมีที่ให้เธอยืนอยู่อย่างทุกวันนี้เหรอ เธอมันก็แค่สตันต์ คิดว่าตัวเองมีค่านักหรือไง”
ผู้ช่วยของเฉินซิงเยียนนั้นเป็นคนมีความสามารถแต่ไม่เก่งเรื่องการต่อปากต่อคำ โดยเฉพาะกับสถานการณ์แบบที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ ดังนั้นเฉินซิงเยียนจึงรู้สึกว่าเธอไร้ที่พึ่ง
ขณะนั้นเอง อันจื่อเฮ่าปรากฏตัวขึ้นที่หน้าทางเข้าของห้องพักและกล่าวกับผู้หญิงเหล่านั้น “ในเมื่อพวกคุณรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของโม่ถิง ก็ควรจะรักษาระยะห่างเอาไว้ไม่ใช่เหรอ”
เฉินซิงเยียนหันกลับไปมอง ทันทีที่เธอรู้ว่าคนคนนั้นคือผู้ชายของเธอ หัวใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“พวกคุณอยากรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับศิลปินคนล่าสุดที่มาหาเรื่องเฉินซิงเยียน”
ผู้หญิงทั้งสองเห็นชัดว่ารู้สึกหวาดกลัวขณะเก็บข้าวของของตัวเองและรีบเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องพักห้องอื่น
“ฉันเข้าใจว่านายไม่มาไม่ใช่เหรอ”
“เธอคิดว่าฉันจะไว้ใจให้เป็นแบบนั้นได้หรือไง” อันจื่อเฮ่าถามพลางเอามือกอดอก
เฉินซิงเยียนยิ้มหวานพลางต่อยไปที่แขนของอีกฝ่าย “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายรักฉันที่สุด ตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากจะมีน้ำโหหรอกนะ แต่ปากผู้หญิงสองคนนั้นน่าจะถูกเย็บปิดไปซะ พวกนั้นบอกว่าพี่หนิงแก่แล้วท้องก็เต็มไปด้วยรอยแตกลาย ฉันทนไม่ได้ก็เลยพูดอะไรไปนิดหน่อย”
“ถังหนิงต้องการให้เธอมาปกป้องหรือไง” อันจื่อเฮ่าส่ายหน้า “ถังหนิงเจออะไรแบบนี้มาเยอะและรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีกว่าเธอมาก หยุดกอดได้แล้ว ถ้ามีใครมาเห็นเข้า ข่าวจะเอาพวกเราไปพูดเสียๆ หายๆ”
“ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอกน่า!”
“แต่เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง!”
ได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็รู้สึกไม่พอใจ แม้เธอจะรู้ว่ามันเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เพราะเรื่องมีปากเสียงในคืนนี้ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอได้สร้างอันตรายให้ตัวเองไว้มากแค่ไหน หากผู้หญิงพวกนั้นไม่ชอบขี้หน้าเธอและต้องการจะเล่นแง่กับเธอ คนพวกนั้นก็มีวิธีมากมายทีเดียว
ต่อให้เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิงก็ตาม!
ไม่นานจากนั้นเฉินซิงเยียนเดินเข้าไปภายในห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายรายการ เนื่องจากเธออยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก เธอจึงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีกว่าศิลปินหน้าใหม่คนอื่น แต่เพราะเหตุนี้ทำให้แขกคนอื่นๆ กลับพากันไม่ชอบเธอยิ่งกว่าเดิม
เวลาสี่ทุ่มตรง ในที่สุดเฉินซิงเยียนก็ถ่ายรายการเสร็จ ผู้ช่วยของเธอยื่นเสื้อแจ็กเกตให้ขณะที่เธอเตรียมตัวไปพบอันจื่อเฮ่าที่อยู่ด้านนอก กระนั้นเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ บางคนกลับขังเธอไว้ในห้อง ซ้ำร้าย คนพวกนั้นยังเทน้ำเน่าใส่เธออีกด้วย…
คราวนี้เฉินซิงเยียนหลบไม่พ้นและไม่อาจเปิดประตูออกมาได้ เธอทำได้เพียงโทรหาผู้ช่วยของตัวเอง
ทันทีที่ผู้ช่วยของเธอได้รับการติดต่อ เธอรีบวิ่งไปหาอันจื่อเฮ่าและอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง
“หาร้านเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วซื้อเสื้อผ้าใหม่มาชุดหนึ่ง”
“ได้ค่ะคุณอัน”
หลังจากนั้น อันจื่อเฮ่าวิ่งโครมครามเข้าไปในห้องน้ำหญิงก่อนจะพังประตูและอุ้มเฉินซิงเยียนออกมา จากนั้นเขาจึงพาเธอไปล้างตัวที่อ่างล้างหน้า
“เจออะไรอย่างนี้แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้จักเรียนรู้สักทีนะ
ถ้าเธอไม่ได้ฉลาดหรือมองการณ์ไกลเท่าถังหนิงก็อย่าเที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นเขาสิ!” อันจื่อเฮ่าโกรธมากจนดวงตาทั้งสองข้างของเขารุกโชตไปด้วยความโกรธ “เธออยากให้ฉันอยู่ในสภาพที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาหรือไง”