‘คนรักที่สาบสูญ’ กำลังจะออกฉาย และผู้คนทุกช่วงวัยก็ให้ความสนใจมันอย่างใกล้ชิดด้วยความคาดหวัง ถังหนิงนั้นดึงดูดช่องขายตั๋วและภาพยนตร์ต่อสู้ก็เป็นโปรดักชั่นใหญ่ ดังนั้นตัวอย่างภาพยนตร์ความยาวสามสิบนาทีจึงมากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกอัศจรรย์ใจ ไม่ต้องพูดถึงภาพยนตร์ตัวเต็มที่มีความยาวสองชั่วโมงเลย
ทุกคนตั้งตารอวันที่ยี่สิบเอ็ดเมษายนในขณะที่เหล่าแฟนคลับแสดงการสนับสนุนของพวกเขาด้วยวิธีการมากมาย ทว่าหนึ่งวันก่อนการออกฉายอย่างเป็นทางการ…
…โพสต์ออนไลน์ที่มีชื่อเรื่องว่า [ยืนยันแล้ว ‘คนรักที่สาบสูญ’ ลอกเขามา สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้เท่ากับสนับสนุนอาชญากรรม!] ก็เข้ามาดึงดูดความสนใจของทุกคน
ด้วยความตระหนักถึงลิขสิทธิ์ของสาธารณชนที่เพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้คนส่วนมากจึงไม่ยอมทนกับการคัดลอกผลงาน ในโพสต์นั้นมีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ‘คนรักที่สาบสูญ’ นั้นขโมยความคิดมาจากนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ตั้งแต่เส้นเรื่องหลักไปจนถึงโครงสร้างของเรื่องราวทั้งหมด ทุกอย่างนั้นคล้ายคลึงกันจนน่าหวาดกลัว ดังนั้นโพสต์ที่ว่าจึงดึงดูดความโกลาหลขนาดย่อมๆ ทันทีที่มันถูกปล่อยออกมา
[ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความคิดที่ถูกขโมยมา! น่าเกลียดจริงๆ! ทีแรกฉันอยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะการแสดงของถังหนิง แต่ความคาดหวังของฉันมันพังทลายลงไปหมดแล้วล่ะ]
[การขโมยความคิดนั้นเป็นการกระทำที่น่าอับอาย กำจัดภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปและอย่าทำให้ตัวเองขายหน้าเลย!]
[โทษที พวกเราจะไม่ทนกับการลอกผลงานคนอื่น]
[ถังหนิงรู้เรื่องการขโมยผลงานนี้หรือเปล่านะ]
[แต่…ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อเรื่อง ‘นักแกะรอย’ มาก่อนเลยล่ะ]
ตามข้อมูลบนโลกออนไลน์ ‘นักแกะรอย’ คือนวนิยายออนไลน์ที่อัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อสามปีก่อนซึ่งมีจำนวนตัวอักษาทั้งหมดห้าแสนสี่หมื่นตัว บางทีอาจเป็นเพราะผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร นักเขียนคนนี้จึงเขียนนวนิยายออกมาเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวและไม่เคยออกมาปรากฏตัวอีก
ทว่าสิ่งที่แปลกที่สุดเกี่ยวกับนวนิยายเรื่องนี้ก็คือ ทำไมถึงไม่มีใครสังเกตเห็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้และทำไมบนโลกออนไลน์ถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับมันน้อยเหลือเกิน
แต่ไม่ว่าจะทางไหน นวนิยายเรื่องนี้ก็ถูกปล่อยออกมาก่อน ‘คนรักที่สาบสูญ’ จริงๆ ดังนั้นคำครหาที่ว่าจึงยิ่งดูน่าเชื่อถือ
[พวกเขาลอกมันมาเพราะมันไม่ดังอย่างนั้นเหรอ]
[พวกขี้เลียนแบบ น่าอายจริงๆ!]
ในส่วนนี้ ไห่รุ่ยตอบโต้ทันทีและประกาศว่าพวกเขาจะเริ่มต้นการสอบสวนและเปิดเผยข้อเท็จจริง
หลังจากนั้น ไห่รุ่ยก็ติดต่อคนเขียนบทนี่โกรธเกรี้ยวและรู้สึกไม่ชอบมาพบกล “นี่คือการดูถูกตัวละครของผมชัดๆ ในอดีตผมเขียนบทภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลมามากมาย ทำไมผมต้องลอกงานของใครบางคนเพื่อทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยล่ะ”
ในตอนท้าย นักเขียนบทส่งมอบชิ้นงานสร้างสรรค์ของเขาทั้งหมดให้ดูโม่ถิงเป็นหลักฐานด้วยความกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อเขา
“ท่านประธานโม่ครับ ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมก็รับประกันได้เลยครับว่าผมไม่ได้ลอกงานใคร รบกวนสืบเรื่องปัญหานี้อย่างละเอียดและช่วยให้ผมได้รับความยุติธรรมด้วย ผมไม่ทราบจริงๆ ว่านิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ มาจากไหน”
คำอ้างนั้นมีข้อบกพร่องอยู่จริง
ทว่าสาธารณชนไม่สนใจที่จะมองหาความจริง สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือ หากใครบางคนคัดลอกผลงานของคนอื่นมา พวกเขาก็ต้องคว่ำบาตรมันง่ายๆ เช่นนั้นเลย
ผลของการคัดลอกผลงานนั้นรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ถังหนิงเคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาก่อนตอนที่บทภาพยนตร์เรื่อง ‘โง่’ รั่วไหลออกไปและโม่ถิงก็ปล่อยหนังสือออกมาเพื่อถือเอาลิขสิทธิ์ไว้ ทว่าเรื่องราวเช่นนี้กลับเกิดขึ้นในตอนที่ภาพยนตร์กำลังจะออกฉายอยู่รอมร่อ แล้วพวกเขาจะยังปล่อยฉายมันอยู่หรือไม่
พูดกันโดยหลักการแล้ว คนทั่วๆ ไปจะเดินหน้าปล่อยตารางฉาย และเริ่มฉายภาพยนตร์ตามปกติพร้อมกับบอกสาธารณชนไปด้วยว่าพวกเขาจะสืบสวนเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงที่เกิดขึ้นจากข่าวฉาวเพื่อจำหน่ายตั๋วให้หมด
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับไห่รุ่ยและนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องรับมือกับปัญหาเช่นนี้ ดังนั้นเหล่าคณะผู้บริหารจึงให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ โม่ถึงจึงออกมาประกาศด้วยตัวเองว่า “จนกว่าความจริงจะเปิดเผย เราจะเลื่อนการฉายภาพยนตร์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ไห่รุ่ยจะไม่ทำให้สาธารณชนต้องเสียสายตาเพราะของที่ถูกคัดลอกมาและถังหนิงจะไม่มีวันใช้มันเป็นเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเธอ
“โปรดรอให้เราคลี่คลายความเป็นจริง”
คนส่วนมากเห็นด้วยกับการตอบโต้ของไห่รุ่ย ถึงอย่างไร ไห่รุ่ยก็เป็นผู้นำของวงการบันเทิงและพวกเขาก็ทรงอำนาจดังเคย การเลื่อนฉายภาพยนตร์ออกไปนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขา แถมพวกเขายังไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความสูญเสียอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่าไห่รุ่ยกำลังหลีกหนีความรับผิดชอบ พวกเขายังสามารถรักษาเกียรติของตัวเองเอาไว้ได้ด้วยการทำเช่นนั้น
เพื่อให้การสืบสวนก้าวไปอีกขั้น โม่ถิงเชิญนักเขียนบทคนนั้นมายังห้องทำงานของเขาโดยตรง เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของตนเอง ชายวัยกลางคนอายุราวห้าสิบกว่าปีนำต้นฉบับทั้งหมดของเขามาที่ไห่รุ่ยด้วย “ผมไม่มั่นใจว่าทำไมมันถึงคล้ายกันขนาดนี้ ผมเขียน ‘คนรักที่สาบสูญ’ เอาไว้เมื่อสองปีก่อนจริงๆ แต่ผมไม่เคยลอกงานใคร”
โม่ถิงไม่พูดอะไรพลางส่งสายตาไปหาถังหนิง
ในตอนท้าย ถังหนิงตอบชายคนนั้นอย่างชัดเจนว่า “เราเชื่อคุณค่ะ”
“อันที่จริงผมคิดว่าคนเขียนเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ลอกโคงสร้างจากบทของผม เพราะถึงยังไง เราก็มีฉายรอบพิเศษกันไปแล้วและเส้นเรื่องนั้นก็ไม่ใช่ความลับ” นักเขียนบทอธิบาย
“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับนิยายออนไลน์ไหม คุณรู้ไหมคะว่ามันทำงานยังไง” ถังหนิงเอ่ยถาม
“ผมมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ในวงการนั้นครับ ได้ยินมาว่าพวกเขาอัปเดตทุกวันตามจำนวนอักขระที่แน่นอน แล้วจากนั้นพวกเขาก็จะได้เงินตามยอดผู้เข้าอ่าน” ชายวัยกลางคนตอบ
ถังหนิงตกอยู่ในห้วงคิดขณะที่โม่ถิงอธิบายว่า “เราจำเป็นต้องตรวจสอบนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ เพื่อหาคำตอบ”
“แต่มันถูกเขียนขึ้นก่อนบทของผมจริงๆ นะครับ”
นี่คือปัญหาที่ยุ่งยากที่สุด!
หากพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครมาก่อน บทบาทของทั้งคู่ก็จะกลับกันทันที
…
ภาพยนตร์ถูกเลื่อนฉายและเหล่าสาธารณชนก็ตกอยู่ในความโกลาหล นี่แหละคือผลลัพธ์ที่ซ่งซินต้องการเห็น
เธอเตรียมการเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรงั้นหรือ อาจเป็นเพราะเธอคือส่วนหนึ่งของวงการนักเขียนเช่นกัน พูดกันโดยทั่วไปแล้ว นักเขียนหนังสือนั้นไม่มักใหญ่ใฝ่สูงเหมือนกับนักเขียนบท ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีรับสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจภายในวงการ เป็นผลให้หญิงสาวคุ้นเคยกับนิยายออนไลน์และเข้าใจว่าพวกมันทำงานยังไง
ในเมื่อถังหนิงจะทำให้เธอลำบาก เธอเองก็สามารถทำให้ภาพยนตร์ของถังหนิงถูกขังลืมและไม่มีวันได้ออกฉายเช่นกัน
เธออยากเห็นว่าถังหนิงจะชนะรางวัลเฟยเทียนสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมได้อย่างไรหากเคยมีประวัติว่าไปปรากฏตัวในภาพยนตร์ที่คัดลอกงานของคนอื่นมา
ไม่แม้แต่จะคิดถึงมัน!
พวกเขากำลังพูดถึงการคัดลอกผลงานอยู่นะ! ทุกคนเกลียดการคัดลอกผลงาน!
อย่างไรก็ตาม ถังหนิงไม่ได้ทนทุกข์อย่างที่ซ่งซินสันนิษฐานเอาไว้ ด้วยว่าเธอก็คุ้นชินกับการพลิกผันมาหลายครั้งหลายคราวเสียแล้ว อีกอย่างหญิงสาวศรัทธาว่านักเขียนบทคนนี้ไม่ได้ลอกงานของคนอื่นและเชื่อว่ามีเหตุผลอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลังข่าวฉาวนี้
เธอเพียงแต่ต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อยเพื่อทำความเข้าใจกับวงการที่ไม่คุ้นเคยและหาคำตอบอย่างเอาจริงเอาจัง เธอเองก็อยากรู้ความจริงและแก้ปริศนาที่อยู่เบื้องหลังช่วงเวลานั้น
ใครลอกใครกันแน่
เธอจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าผู้อาวุโสอู๋ไม่ได้คัดลอกผลงานของใคร
“พอได้แล้วค่ะ คุณใกล้จะคลอดแล้วนะคะ พักสักสองสามวันแล้วปล่อยให้ฟังอวี้จัดการกับเรื่องสืบสวนไม่ได้เหรอคะ” หลงเจี่ยทนดูถังหนิงรับมือกับปัญหานี้ด้วยตัวเองไม่ไหว
“ฉันพักได้ แต่คนที่กำลังจะโจมตีฉันจากมุมมืดน่ะไม่พักอยู่เฉยๆ หรอก” ถังหนิงตอบพลางมองนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’
“แต่มันก็เห็นได้ชัดเลยนะคะว่าเป็นการคัดลอกผลงานกัน นิยายเรื่องนั้นออกมาก่อนบทภาพยนตร์อยู่เป็นปีเลยนะคะ”
“มันต้องมีปัญหาอยู่อย่างแน่นอน ฉันหามันเจอแน่” ถังหนิงกล่าวพลางพลิกอ่านข้อมูลในมือ “หลงเจี่ย บอกฉันซิ เธอคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่จะแก้ไขวันปล่อยนิยายออนไลน์”