ตอนที่ 383 คุณเป็นเด็กดื้อของผม (1)
อวี่กานกานไม่เข้าใจ “เรื่องนี้กับมีความรักมันเกี่ยวกันตรงไหน”
“คนที่กำลังมีความรักมักจิตใจกระวนกระวาย บ่อยครั้งที่แฟนทำไมยังไม่กลับมาหรือว่าจะไปกับผู้หญิงอื่น ทำไมแฟนไม่รับโทรศัพท์ หรือว่าไม่ชอบฉันแล้ว หรือว่าจะเลิกกับฉันแล้ว แกดูสินี่โคตรเหมือนแกเลย”
อวี๋กานกานสะอึก “แกขี้โกง ฉันยอมแกแล้ว”
ซ่งฉาไป๋พูดจากใจจริง “โอเค หากคิดว่าเขาโกรธแกจริงๆ แกก็ไปหาเขาสิ เคลียร์กันบนเตียงเลย”
ครู่หนึ่งอวี๋กานกานคิดว่าตัวเองฟังผิด เธอร้อง “หา?” เสียงหลง “แกว่าไงนะ”
ซ่งฉาไป๋พูดขำๆ “สองสามีภรรยาทะเลาะกันก็จบกันที่เตียง ไม่มีเรื่องอะไรที่จบในครั้งเดียวไม่ได้”
อวี๋กานกาน “…”
ซ่งฉาไป๋ยังคงพูดต่อไปอีกว่า “ถ้ามี งั้นก็สองครั้ง”
อวี๋กานกานหน้าร้อน “ซ่งฉาไป๋ ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่รู้ว่าแกจะทะลึ่งแบบนี้”
“ถ้าจะให้พูดฉันที่ไม่เคยมีแฟน พูดเรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องแคร์ แต่แกที่เหมือนคนแต่งงานแล้วยังจะอายอีก มันมีอะไรน่าอายตรงไหน…” สบถหนึ่งครั้ง แต่จู่ๆ ซ่งฉาไป๋ก็นึกปัญหาสำคัญขึ้นมาได้ “เสี่ยวอวี๋กาน หรือว่าพวกแกสองคนยังบริสุทธิ์ ยังไม่เคยมีอะไรกันใช่ไหม”
อวี๋กานกาน “…”
ระหว่างพวกเขาสองคนไม่เคยนับว่าเป็นแฟนกัน แล้วทำไมถึงต้องมีอะไรกันด้วย
แต่ว่า…
อวี๋กานกานมองเนคไทที่ซื้อจากไปช้อปปิ้งในวันนั้น ตอนที่พึ่งย้ายมาคอนโดหลินจยาอวี่เธอก็หยิบติดมือมาด้วยแล้ววางไว้ที่หัวเตียง หลังจากคุยโทรศัพท์กับซ่งฉาไป๋เสร็จ อวี๋กานกานหยิบกล่องของขวัญที่บรรจุเนคไทมาถือไว้ในมือ เธอควรจะเอามันไปให้ฟังจือหันดีไหม
อยากมีความสุขก็ต้องฝ่าฟัน
ในขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อวี๋กานกานหยิบขึ้นมาดู ดวงตาฉายแววสดใสขึ้นมาฉับพลันราวกับไข่มุก เป็นเธอที่คิดมากไปเอง เธออดกลั้นความดีใจไว้ข้างในแล้วรีบกดรับสายทันที “ฟังจือหัน ทำไมถึงโทรหาคุณไม่ติดล่ะคะ”
“มือถือแบตฯหมด” ชายหนุ่มเสียงแหบต่ำเต็มไปด้วยพลังดึงดูด
“งั้นตอนนี้คุณอยู่ไหน” อวี๋กานกานถาม
“ลงมาสิ”
“คุณอยู่ข้างล่างเหรอ” อวี๋กานกานหุนหันพลันแล่นลงจากเตียงวิ่งไปยังระเบียงเปิดบานกระจกออกแล้วมองลงไปข้างล่าง อาศัยแสงไปถนนสลัวๆ เธอจึงมองเห็นรถออฟโรดคันดำของฟังจือหัน
เธอสวมเสื้อขนเป็ดตัวยาววิ่งลงไปชั้นล่าง
ในขณะที่กำลังจะปิดประตูอวี๋กานกานก็หันกลับมาหยิบกล่องเนคไท
ภายในห้องรับแขกอันเงียบสงบประตูห้องของอาจารย์เหม่ยเหรินปิดสนิท ไฟในห้องก็ดับหมดน่าจะหลับไปแล้ว
เพราะกลัวว่าจะรบกวนเสียงดังปลุกอาจารย์เหม่ยเหริน อวี๋กานกานจึงค่อยๆ เปลี่ยนรองเท้าเบาๆ ปิดประตูช้าๆ และวิ่งไปหาฟังจือหันข้างนอก
เมื่อวิ่งออกมาก็เปิดประตูรถและนั่งข้างคนขับ
อากาศในรถอบอุ่นพอดี อวี๋กานกานพูดไปด้วยพลางถอดเสื้อขนเป็ดตัวหนา “คุณโจวโจวได้บอกคุณไปหรือยังว่าอาจารย์ของฉันไม่ใช่ฆาตกรฆ่าพ่อคุณ”
“อืม”
“ฉันบอกคุณแล้วไงว่าอาจารย์ของฉันเป็นคนดี เขาไม่มีทางฆ่าใครได้หรอก” อวี๋กานกานดวงตาเป็นประกายราวกับแสงอาทิตย์ส่องผ่านเมฆหมอกทุกอย่างช่างสวยงาม
“อืม” ฟังจือหันยังคงตอบเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับมองไปที่อวี๋กานกานด้วยแววตาลุ่มลึก
ตอนที่ 384 คุณเป็นเด็กดื้อของผม (2)
“ฉันสงสัยว่าคนที่ผลักอาจารย์ตกทะเลคือเจียงไป่อัน แล้วยังสงสัยว่าเจียงไป่อันเป็นคนฆ่าพ่อคุณ คุณจะตรวจสอบหน่อยไหมคะ”
“อืม”
ทำไมถึงตอบมาแค่คำเดียว สายตายังเย็นชาอีก
รอยยิ้มที่มุมปากของอวี๋กานกานค่อยๆ จางหายไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนวิ่งลงมาขนาดนี้ไม่มีความหมายเลย
ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าคนๆ นี้ยังบอกว่าชอบเอมากมาย
บอกว่าก่อนชอบวินาทีเดียวกอดเขาเรียกสามี อีกวินาทีต่อมาเธอก็หันหลังวิ่ง
บอกว่าชอบตอนกำลังใช้สมาธิตรวจชีพจร ชอบเธอตอนนั่งนิ่งที่ตรงนั้นแต่กลับเปล่งประกาย
บอกว่าชอบหน้าแดงหูแดงเวลาเขินแต่ต้องแกล้งทำจริงจังเป็นผู้ใหญ่อย่างเธอ
ตอนนี้เย็นชาแบบนี้ นี่เรียกว่าชอบ?
เชื้อน้ำคำผู้ชาย ให้ไปเชื่อว่าโลกนี้มีผียังดีเสียกว่า
อวี๋กานกานเบะปาก “คุณเรียกฉันลงมาทำไม”
“คุณโทรหาผมไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ฉันโทรหาคุณอยากบอกคุณว่าอาจารย์ของฉันไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ ตอนนี้บอกหมดแล้ว ไม่มีธุระแล้วฉันขอตัว” อวี๋กานกานกล่าวจบเตรียมจะเปิดประตูรถออกไป
สีหน้ามุ่งมั่นมากโดยไม่มีร่องรอยของความคิดถึง
ข้อมือถูกใครบางคนคว้าไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมกอดไม่แรงนัก “ไปไหน เสื้อก็ไม่ใส่จะไปไหน”
เสียงร้องเบาๆ ของอวี๋กานกานที่โน้มตัวไปพิงอ้อมกอดของฟังจือหัน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกลับเห็นสายตาเย็นชาของฟังจือหัน
เขาขังเธอไว้ในอ้อมกอดไม่ให้ขยับเขยื้อน “พูดกับผมไม่กี่คำก็จะไป อยู่กับคุณตอนอาจารย์ออกจากสถานีตำรวจทั้งวัน ทำไมไม่เห็นคุณบ่น ทำไมถึงไม่อยากเจอผม ไม่อยากอยู่กับผมขนาดนั้น ผมจะไม่ปล่อยให้คุณได้สมปรารถนาหรอกนะ”
อวี๋กานกานจากที่กำลังโมโห มองเขาสีหน้าอึ้งๆ หลังจากที่เธอเข้าใจความหมายที่เขาพูด ทันใดนั้นอวี๋กานกานก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ…” หัวเราะเสียงใสและไพเราะเหมือนไข่มุกตกกระทบบนจานหยก
ที่แท้เมื่อกี้ที่เขาเย็นชาขนาดนั้นเพราะกินน้ำส้มสายชู[1]นี่เองแถมยังหึงอาจารย์อีก
หึงหวง
แต่อาจารย์เปรียบเสมือนพ่อของเธอเลยนะ!
ฟังจือหันยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาเย็นชาแล้วดุด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ห้ามหัวเราะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นเขาหูขึ้นสีแดงระเรื่อล่ะก็ อวี๋กานกานตกใจเขาจริงๆ กลัวว่าไม่ใช่เพราะเธอหัวเราะทำให้เขาโกรธ
เธอพูดอย่างเชื่อฟัง “อ๋อ” จากนั้นกระพริบตาและถามแฝงความหมายลึกซึ้ง “วันนี้ฉันไม่ได้กินมะนาว แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเปรี้ยวจัง”
พูดยังไม่ทันขาดคำอวี๋กานกานก็ถูกฟังจือหันกดไปที่เบาะนั่ง
“คุณ…” ริมฝีปากแดงของหญิงสาวเผยอขึ้นเล็กน้อย ดวงตาวาววับจ้องเขา
ดวงตาคู่คมของฟังจือหันเข้มลึกในความมืด
ทันทีที่เอ่ยคำๆ หนึ่ง จูบที่ท่วมท้นก็ประกบลงมาหนักหน่วง
เขาฉวยเปิดแยกฟันของเธออย่างเอาแต่ใจลุกล้ำรุนแรงบดขยี้ริมฝีปาก ลิ้นกับฟันเกี่ยวกระหวัดรัดรึง ในขณะที่อุณหภูมิภายในรถก็ระอุขึ้นเรื่อยๆ
อวี๋กานกานรู้สึกชาไปทั้งร่างไม่มีแม่แต่เรี่ยวแรง เมื่อถอนจูบอวี๋กานกานจึงหอบหายใจอย่างแรง และจู่ๆ ฟังจือหันก็ซบศีรษะที่ซอกคอของเธอ
“ซี๊ด!” เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดที่บริเวณลำคอ เมื่อรู้สึกตัวจึงผลักฟังจือหันออกห่างแล้วจ้องหน้าเขา “คุณทำอะไร!”
พึ่งเริ่มดีๆ แล้วจู่ๆ กัดเธอทำไม
เขาจรดหน้าผากของเธอผสานลมหายใจจ้องมองเธอด้วยความเจ็บปวดรุนแรงในดวงตาของเขาและกระซิบเสียงต่ำ “ผมอยากกินคุณ…”
เด็กโง่ ยังจะกล้าหัวเราะเขา
อวี๋กานกาน “…”
เขามักจะแกล้งหยอกล้อเธอเสมอ
——
[1] กินน้ำส้มสายชู หมายถึงหึงหวง เป็นคำแสลงในภาษาจีนอ่านว่า ชือชู่ คำว่าเปรี้ยวจึงมีความหมายแฝงแปลว่าหึงหวงเช่นกัน เพราะเป็นรสชาติเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู