หลังการประชุมเล็กๆที่หอไม้รับอรุณจบลง ซูหยางก็พาคนจากตระกูลซีทั้งสองคนไปยังที่พักที่ดีที่สุดภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“นี่จักเป็นที่พักอาศัยของพวกท่านจนกว่าพวกท่านตัดสินใจที่จะไป แต่ถ้าพวกท่านมิพึงใจพวกเราก็สามารถเปลี่ยนให้ได้เสมอ ในเมื่อนิกายค่อนข้างกว้างขวางและมีห้องมากมายในเวลานี้ ที่นี่ค่อนข้างใกล้กับศาลาหยินหยางที่ซึ่งตอนนี้ข้าได้อาศัยอยู่ และถ้าพวกท่านต้องการอะไร พวกท่านก็เพียงติดต่อกับข้าโดยใช้หยกสื่อสารนี้” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะกลับคืนไปยังศาลาหยินหยางสองสามนาทีให้หลัง
ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในที่พักใหม่เรียบร้อยแล้ว ซีหวังก็ถามซีซิงฟางว่า “หลานสาวของข้า เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้างกับซูหยาง”
“ทำไมถึงมีคำถามขึ้นมาอย่างกระทันหันล่ะ ท่านปู่ ข้านั้นนับถือซูหยางเป็นอย่างมาก มิเพียงแต่เขานั้นมีพรสวรรค์มากแต่เขาก็ยังเป็นคนที่ใจดีอีกมากด้วย” เธอตอบกลับอย่างใจเย็น
“อัยย่า… นั่นมิใช่เป็นสิ่งที่ข้ากำลังถามอยู่ แต่เจ้าก็ควรจะรู้อยู่แล้ว มิจำเป็นที่จะต้องสงวนท่าทีต่อหน้าผู้เฒ่าคนนี้เพราะว่าข้าย่อมต้องสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอนมิว่าจะอย่างไรก็ตาม ดังนั้นบอกข้าว่าเจ้าคิดอย่างไรกับซูหยางในฐานะชายคนหนึ่ง เจ้ายินดีที่่จะรับเขาเป็นสามีของเจ้าหรือไม่”
“…”
ซีซิงฟางหลับตาลงและเงียบงันไปกว่านาทีก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ซูหยาง… เขาเป็นคนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เรียกว่าเป็นชายสมบูรณ์แบบ เขาหล่อถึงที่สุด มีความสามารถมากที่สุด มีความรู้ลึกล้ำเป็นอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นคนที่เอาใจใส่ ร้อยทั้งร้อยเขาเป็นคนที่มหัศจรรย์… เรียกได้ว่าเกือบสมบูรณ์แบบ หากว่าให้ข้ากล่าวอย่างจริงใจแล้วละก็”
“ข้ามิกล่าวถึงวิธีที่เขาฝึกวิชา ในเมื่อข้าเชื่อว่าเขาเพียงทำแต่สิ่งที่ชอบแม้ว่ามันจะผิดธรรมดาไปบ้างก็ตาม”
“อย่างไรก็ตามสิ่งที่ข้าให้ความสนใจมากที่สุดก็คือบุคลิกลักษณะของเขา เขาสามารถรักษาภาพพจน์ที่สง่างามสูงส่งได้อยู่เสมอ ในบรรดาคนนับไม่ถ้วนที่ได้มองข้า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มิได้มองข้าด้วยดวงตาหื่นกระหายและมีความคิดที่สกปรก และเขาก็มักจะมองตรงเข้ามาที่ตาของข้าราวกับว่ามิได้มีผ้าคลุมปิดหน้าข้าอยู่เลย ยิ่งไปกว่านั้นข้าสามารถบอกได้ว่าเขามิได้เสแสร้งแกล้งทำและมิได้รู้สึกผิดประหลาดไปกับหน้าตาของข้าเลย”
“ถ้าคนแบบซูหยางยินดีที่จะรับข้าไว้เป็นคู่ร่วมวิถีของเขา ข้าจักมิลังเลที่จะเป็นผู้หญิงของเขาเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อข้ามีความมั่นใจว่าเขาจักทำให้ข้าเป็นหญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้”
“อย่างไรก็ตามจากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ความเป็นไปได้ที่เราจะอยู่ร่วมกันนั้นยากที่จะเป็นไปได้ เพราะความจริงที่ว่าข้าเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว แม้ว่าข้าอาจจะรู้สึกดีในตอนนี้หากว่าเราได้กลายเป็นคู่ร่วมวิถีกันจริงๆ แต่ข้ามิคิดว่าข้าจักสามารถทนเห็นเขาหลงไหลไปกับหญิงคนอื่นได้”
“บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะพื้นเพและการได้รับการเลี้ยงดูของข้า แต่โดยพื้นฐานแล้วข้ามิต้องการที่จะแบ่งปันเขากับคนอื่น” ซีซิงฟางถอนใจในที่สุด
“…”
ซีหวังพูดไม่ออก ในเมื่อซูหยางได้พูดสิ่งเดียวกันนี้กับเขาเมื่อไม่นานมานี้
“เขาพูดได้ถูกต้องตรงจุด… ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักซิงเอ๋อร์มากกว่าข้าแม้ว่าแทบจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน…” เขาคิดในใจอย่างเงียบๆ ยอมรับความสามารถของซูหยางในการประเมินผู้หญิง
“ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดาย…” เขาถอนหายใจหลังจากนั้น “ถ้าซูหยางกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซี อิทธิพลของพวกเราก็คงจะแผ่ขยายไปทั่วอีกทั้งสามทวีป มิต้องกล่าวว่าเขายังรู้จักกับคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางอีกด้วย อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามิสามารถที่จะทนเห็นเขาอยู่กับหญิงอื่นได้ เช่นนั้นเจ้าก็คงได้แต่ยอมแพ้หรือไม่ก็ทำให้เขาหลงไหลเจ้าจนถึงขั้นที่ว่าเขายอมที่จะละทิ้งหญิงอื่น แต่นั่นก็มีโอกาสต่ำมาก”
“ข้าเสียใจ ท่านปู่ ที่ทำให้ท่านผิดหวัง” ซีซิงฟางกล่าว
“ถ้าจะมีคนที่ควรจะขอโทษ นั่นก็ควรจะเป็นข้า อย่าปล่อยให้การสนทนานี้กดดันตัวเจ้าในเมื่อข้าเพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับความรู้สึกของเจ้าเท่านั้น” ซีหวังกล่าวก่อนที่จะไปยังที่พักของตนเองหลังจากนั้นสองสามนาที
ครั้นเมื่อซีซิงฟางอยู่เพียงลำพังแล้ว เธอก็ถอนหายใจ “ถ้าเพียงแต่ข้าสามารถเปิดใจได้มากกว่านี้…”
ในเวลานั้นภายในศาลาหยินหยาง โหลวหลานจีก็เข้าไปหาซูหยางและกล่าวกับเขาว่า “ทุกสิ่งเรียบร้อยดีไหม เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลซีรึ”
“พวกเขาจักอาศัยอยู่กับเราชั่วระยะเวลาหนึ่งเนื่องมาจากปัญหาแทรกซ้อนบางอย่าง” เขากล่าว
“อะไรกัน พวกเขาจะอยู่ในนิกายอย่างงั้นรึ เจ้ารู้ไหมว่าจะนานเท่าไหร ข้ามิอาจจะฝึกฝนด้วยใจเป็นสุขได้หากรู้ว่าตระกูลซีเฝ้ามองอยู่”
ซูหยางหัวเราะหึแล้วกล่าวว่า “ใจเย็นๆสักพักหนึ่งก่อน ทำไมพวกเขาจักต้องแอบมองพวกเราฝึกวิชาด้วยล่ะ ตราบเท่าที่เจ้ามิสนใจพวกเขา พวกเขาก็มิสนใจเจ้าเช่นกัน”
“อย่างไรก็ตาม ข้าต้องจากนิกายไปสักสองสามวันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ในเมื่อข้ามีธุระที่นิกายดอกบัวเพลิง ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการอะไร ก็เพียงแค่ติดต่อข้าผ่านหยกสื่อสารดังเช่นปกติ”
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้น ไป่ลี่ฮัวก็พลันปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้ากระวนกระวาย “จริงรึที่ตระกูลซีอยู่ที่นี่ อีกทั้งท่านปรมาจารย์ก็อยู่ที่นี่ด้วยรึ บอกข้าว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนข้าจักได้ไปทักทายพวกเขา” เธอกล่าวกับพวกเขา
ซูหยางพยักหน้าและให้ที่อยู่ที่พักอาศัยนั้นให้กับเธอ
“ซูหยิน เจ้าอยู่ในนั้นหรือเปล่า มากับข้าไปทักทายตระกูลซีกัน” ไป่ลี่ฮัวเรียกซูหยินออกมา ซึ่งยังคงหลับอยู่ภายในห้อง
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยินที่ดูง่วงงุนก็ปรากฏตัวขึ้น
“รีบแต่งตัว ถ้าเจ้าไปทักทายท่านปรมาจารย์ในขณะที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ นั่นย่อมเป็นจุดจบของนิกายหงส์สวรรค์แน่” ไป่ลี่ฮัวกล่าวกับเธอ
“ท่านก็กล่าวเกินเลยไป…” ซูหยินยิ้ม
สองสามนาทีให้หลัง หลังจากที่ซูหยินอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ไป่ลี่ฮัวก็ลากเธอไปยังที่พักตระกูลซี
“เจ้าสำนักหงส์สวรรค์ ไป่ลี่ฮัว ยินดีที่ได้พบท่านปรมาจารย์และองค์หญิง”
“ซูหยินจากตระกูลซูและสำนักหงส์สวรรค์ยินดีที่ได้พบกับท่านปรมาจารย์และองค์หญิง”
พวกเธอต่างพากันคำนับสองตระกูลซีด้วยความเคารพสูงสุด
“โอ สำนักหงส์สวรรค์มาทำอะไรที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ” ซีหวังเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
“เป็นเพราะศิษย์ของข้า ซูหยิน ได้บรรลุนิติภาวะแล้ว และเธอก็ต้องการที่จะฉลองกับพี่ชายของเธอ ซูหยาง ดังนั้นพวกเราจึงมาที่นี่เมื่อสองสามวันก่อน” ไป่ลี่ฮัวอธิบายเหตุผลสำหรับการปรากฏตัวที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“เป็นอย่างนั้นนั่นเองรึ อย่างไรก็ตามพวกท่านสามารถละทิ้งพิธีการไปได้ ในเมื่อพวกเราก็มาเป็นแขกที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นเดียวกัน” ซีซิงฟางกล่าวกับพวกเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน