ตอนที่ 203 อ่อยใครก็ไม่อ่อยนาย
อวี๋กานกานรู้สึกเหลือเชื่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าแผ่นผับโฆษณานี้คืออะไร ยิ่งไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คนที่ทางสมาคมหมายตาไว้คือซูจิ่วซานและซย่าเฉิงโจว เนื่องจากเธอถูกโยงว่าเป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องซย่าเฉิงโจวไม่รับรักซูจิ่วซาน ดังนั้นอวี๋กานกานจึงพยายามอยู่ห่างจากสองคนนี้ให้ได้มากที่สุด
วันกำหนดถ่ายแผ่นผับโฆษณาใกล้เข้ามาทุกที ตอนพักรับประทานอาหาร อวี๋กานกานตามหาซย่าเฉิงโจว ต้องการจะสอบถามเรื่องสถานที่และเวลา
ตอนนี้โรงอาหารไม่มีคน อวี๋กานกานถือถาดอาหารเดินตรงเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับซย่าเฉิงโจว เธอได้ยินมาว่าซย่าเฉิงโจวมีประสบการณ์ด้านการถ่ายโฆษณามาก่อน จึงถามไว้เพื่อเป็นแนวทาง “การถ่ายโฆษณาครั้งนี้ พวกเราต้องเตรียมอะไรไหม”
ซย่าเฉิงโจวชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ “มาตามนัดก็พอ”
อวี๋กานกานตอบ “อ่อ” พร้อมกับพยักหน้า “แล้วแผ่นผับนี้มีไว้ทำอะไรเหรอ”
“ทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไรเรื่องแค่นี้คุณก็ยังไม่รู้? แล้วยังจะถ่ายอยู่อีก?” น้ำเสียงของซย่าเฉิงโจวแฝงไว้ด้วยความเหน็บแนม สีหน้าแววตาเย็นชา
“คะ?” อวี๋กานกานขมวดคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาเจือไว้ด้วยความสับสนงุนงง
ซย่าเฉิงโจวไม่ได้ตอบอวี๋กานกาน ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จังหวะที่เอื้อมมือไปหยิบถาดอาหาร มือของเขาชนเข้ากับถ้วยน้ำซุปของอวี๋กานกาน ทำให้ซุปกระเด็นออกมาเล็กน้อย ทั้งยังเปรอะแขนเสื้อของซย่าเฉิงโจวอย่างพอดิบพอดี
อวี๋กานกานหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดไปที่แขนเสื้อของซย่าเฉิงโจวทันที ผลปรากฏว่าถูกซย่าเฉิงโจวสะบัดออกอย่างรุนแรง พร้อมทั้งตวาดเสียงดังลั่น “พอแล้ว!”
ดูเหมือนว่าเขาขยะแขยงอวี๋กานกานเป็นอย่างมาก
อวี๋กานกานสะดุ้งตกใจ เพลิงโกรธพุ่งทะยานขึ้นมา เธอแทบอยากจะเอาถ้วยน้ำซุปถ้วยนั้นราดลงไปตรงๆ บนศีรษะของซย่าเฉิงโจว หมอนี่สวมสุดสูทราคาแพงทั้งตัว มีออร่าของผู้ดีมีการศึกษาเปร่งประกายออกมาตั้งศรีษะจรดปลายเท้า ดูสะอาดเอี่ยมอ่อง เป็นผู้เป็นคน ทำไมถึงได้ไร้เหตุผลและดูหมิ่นคนอื่นแบบนี้ วางมาดยิ่งใหญ่เหมือนกับไพ่นกกระจอกสองห้าแปด[1]ไม่มีผิด
หรือจะเป็นเพราะข่าวลือนั่น?
อวี๋กานกานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยกันสองครั้ง พูดอธิบายอย่างใจเย็น “คุณหมอซย่าคะ วันนั้นที่คุณกับคุณหมอซูคุยกันตรงระเบียง ฉันไม่ได้ยะ..”
สีหน้าซย่าเฉิงโจวแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที พูดตัดบทอวี๋กานกาน “แพทย์แผนจีนต้องการแค่คนที่มีเจตนารมณ์อยากจะเป็นหมอจริงๆ งานสัมมนาเป็นงานสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น ไม่ใช่งานที่จะให้ใครมาชุบตัวสร้างชื่อเสียงจอมปลอม ทำตัวสะดีดสะดิ้ง”
อวี๋กานกานโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ “…”
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องถ่ายแผ่นผับโฆษณา เธอไม่มีทางมานั่งสนทนากับหมอนี่แน่ หมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้มาดูถูกเหยียดหยาม ลบหลู่ศักดิ์ศรีความเป็นคนของเธอ!
อวี๋กานกานหัวเราะเสียงเย็น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบประหนึ่งธารน้ำแข็ง “ฉันชุบตัวสร้างชื่อเสียงจอมปลอมหรือไม่ คนไข้ในอนาคตของฉันพวกเขาจะเป็นคนตัดสินเอง ส่วนเรื่องทำตัวสะดีดสะดิ้ง แม้ว่าฉันจะชอบให้ท่าผู้ชาย มีแฟนหลายคน เหยียบเรือหลายแคม นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ นายคงไม่คิดไปเองว่าการที่ฉันมาคุยกับนายแค่สองสามประโยค คือฉันกำลังให้ท่านายหรอกนะ ฉันอ่อยหมาอ่อยแมวที่ไหน ก็ไม่ไม่มีทางอ่อยนาย”
อวี๋กานกานโยนทิชชู่ลงบนโต๊ะ จากนั้นก้าวเท้าเดินออกมาทันที เธอไม่ได้ต้องการให้มันรุนแรงแบบนี้ แต่กริยามารยาทของซย่าเฉิงโจว มันน่าขยะแขยงเกินไปแล้วจริงๆ
น่ารำคาญใจ
ซูจิ่วซานยืนอยู่ด้านนอกโรงอาหาร บังเอิ้นบังเอิญเห็นฉากนี้เข้าพอดี เธอขวางทางอวี๋กานกานไว้นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและความขยะแขยง จ้องมองอวี๋กานกานด้วยคำเตือน “เธอคงไม่ได้กำลังคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะดึงดูดความสนใจจากรุ่นพี่ซย่าได้ใช่ไหม”
มุมปากอวี๋กานกานกระตุก “คุณหมอซู คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ”
“เข้าใจผิดหรือเปล่า ใจเธอรู้ดีที่สุด” ซูจิ่วซานหัวเราะเสียงเย็น “ฉันต้องขอเตือนเธอไว้ อย่าคิดว่าตัวเองยังสาวแล้วผู้ชายทุกคนจะชอบ รุ่นพี่ซย่าเป็นผู้ชายสุขุมนุ่มลึก เขาไม่มีทางชอบผู้หญิงอย่างเธอ!”
——
[1] ไพ่นกกระจอกสองห้าแปด ไพ่เลขสอง ห้า และแปดถือเป็นไพ่ที่มีความสำคัญกับการชนะ เนื่องจากสามารถเรียงเข้าคู่ได้หลายรูปแบบ
ตอนที่ 204 แมวเหมียวบนหิมะ
อวี๋กานกานทนไม่ไหวแล้ว เธอกลอกตาขึ้นฟ้าชนิดที่ว่าไม่สนใจภาพลักษณ์กุลสตรีใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้ชายสุขุมนุ่มลึก?
ซย่าเฉิงโจวน่ะนะ? ผู้ชายไร้เหตุผลน่ะสิไม่ว่า
ซูจิ่วซานชอบซย่าเฉิงโจวเลยเห็นเขาเป็นของล้ำค่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นก็จะชอบซย่าเฉิงโจว เห็นเขาเป็นของล้ำค่าเหมือนที่ตัวเองเห็น!
สองคนนี้ช่างเป็นคู่สรรค์สร้าง นิสัยเหมือนกัน ไม่เห็นหัวใคร ทะนงว่าตนเองถูกต้อง ถ้าไม่ได้ครองคู่กันต้องเป็นเภทภัยต่อคนอื่นอย่างแน่แท้!
แน่นอนว่าหลังจากผ่านเรื่องราวเหล่านี้ อวี๋กานกานก็ไม่ได้ไปหาซย่าเฉิงโจวอีกเลย ทางสมาคมแจ้งเวลาและสถานที่ถ่ายโฆษณาให้กับเธอ เธอเตรียมตัวไปด้วยตนเองเพียงคนเดียว โชคยังดีที่สถานที่ถ่ายทำอยู่ไม่ไกล เดินเท้าแค่สิบนาทีนิดๆ
ช่วงวันหยุดสองสามวันนี้เธอเอาแต่อยู่ในหอพัก แม้ว่าวันนี้ทุกหนทุกแห่งจะยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทว่ามองเห็นพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแล้ว พอดีเลยได้เดินออกกำลังกายสักหน่อย
ด้านหน้าสมาคมมีแผงลอยขายเนื้อแพะเสียบไม้ย่างอยู่ร้านหนึ่ง อวี๋กานกานเลือกมาย่างสองสามไม้ เดินไปกินไป ในขณะที่กำลังจะส่งไม้เสียบเข้าปาก เธอได้ยินเสียงแมวร้องอยู่หลายครั้ง “เมี๊ยว….”
อวี๋กานกานหันไปตามทิศทางของเสียงร้องเห็นเจ้าเหมียวตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเธอ ขนสีเทามันวาวเรียบลื่น ลวดลายสวยงาม มองแวบแรกเหมือนเห็นลูกเสือน้อยน่าเกรงขามกำลังนั่งอยู่ตรงปลายเท้า มันมองเธอด้วยสายตาแสนเชื่องพร้อมกับส่งเสียงร้อง “เมี๊ยว~”
อวี๋กานกานงับเนื้อแพะย่างหนึ่งคำ จากนั้นสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ทว่าก็ไม่เห็นใครสักคน เธอนั่งยองๆ ลงบนพื้น ปลายนิ้มแตะลงบนใบหูแหลมๆ ของเจ้าเหมียว “เจ้าหนูเป็นแมวบ้านใครเนี่ย ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ หืม”
หรือว่าเป็นแมวจรจัด ไม่น่าจะใช่ นี่มันแมวลายเสือสีเงิน เป็นแมวที่มีราคาสูง อีกอย่างทั่วทั้งตัวก็ดูสะอาดสะอ้าน มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเจ้าของดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
“เมี๊ยว~” เจ้าเหมียวเงยหน้าของมันขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายสุกใสประหนึ่งอำพันเม็ดงามส่งแสงระยิบระยับ เกิดเป็นแสงทรงกลดสีเหลืองอร่ามที่ทั้งอบอุ่นและสดใสมีชีวิตชีวา เจ้าเหมียวจ้องตรงมาที่อวี๋กานกานโดยไม่ละสายตา ราวกับว่ามันกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง
อวี๋กานกานสวาปามเนื้อแพะย่างเรียบร้อยไปแล้วหนึ่งไม้ เธอหยิบไม้ใหม่ขึ้นมายืนไปตรงหน้าเจ้าเหมียว “แกอยากกินบ้างใช่ไหม”
ดวงตาของเจ้าเหมียวกระพริบอย่างช้าๆ แล่บลิ้นสีชมพูออกมาเลียบนเนื้อแพะสองสามครั้ง ก่อนจะเอาศีรษะของมันไปคลอเคลียอยู่กับขาของอวี๋กานกานและส่งเสียงร้องอีกครั้ง “เมี๊ยว~”
น้ำเสียงเจื้อยแจ้ว น่ารักน่าชัง
อวี๋กานกานรู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังถูกความน่ารักหลอมละลาย อยากจะอุ้มเจ้าเหมียวไปเลี้ยงเสียเอง แต่ถ้าเธออุ้มไปแล้วเจ้าของแมวออกตามหาล่ะ?
เธออุ้มเจ้าเหมียวขึ้นจากพื้นหิมะ เหมือนกับว่าเจ้าเหมียวทนหนาวมานาน มันมุดเข้าอ้อมอกของอวี๋กานกานเหมือนกับว่าในที่สุดก็หาไออุ่นพบ ดวงตากลมโตจดจ้องมาที่เธอ “เมี๊ยว~”
นะ นี่แทบจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในโลก
อวี๋กานกานมองซ้ายแลขวา เธอไม่ได้จะขโมยแมวนะ รออีกสิบนาที ถ้าหลังจากสิบนาทีผ่านไปแล้วยังไม่มีเจ้าของมารับ เธอจะอุ้มกลับไป อากาศหนาวขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้เจ้าเหมียวร่อนเร่อยู่ท่ามกลางหิมะ มันต้องหนาวแย่แน่
รถที่จอดอยู่ริมถนนคันหนึ่ง จู่ๆ ก็เปิดประตูออกมา อวี๋กานกานนึกว่าเป็นเจ้าของแมวที่ออกมาตามหา ผลปรากฏว่าเป็นฟังจือหันที่ลงมาจากรถ เขาสวมเสื้อเชิ้ตทับด้วยโอเวอร์โค้ทขนสัตว์สีน้ำตาลเข้ม ทั้งยังพันคอพันคอสีดำ
“ทำไมนายมาอยู่นี่” อวี๋กานกานอุ้มเจ้าเหมียวเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างฟังจือหัน
ฟังจือหันอยู่ในรถนานแค่ไหนแล้วนะ ครั้งนี้จงใจมาหาเธอหรือเปล่า แต่เขาไม่ได้โทรศัพท์มาหาเธอ หลายครั้งที่เธอคาดเดาคิดเข้าข้างตัวเอง ครั้งนี้อวี๋กานกานจึงไม่กล้าด่วนสรุปว่าฟังจือหันออกมาหาเธอ