ตอนที่ 199 โดนด่าโดยไม่มีสาเหตุ
ยวงแก้มของอวี๋กานกานขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างฉับพลัน เธอดันฟังจือหันออก จากนั้นเปิดประตูลงจากรถ หลังจากที่ปิดประตูรถแล้วเธอหันไปมองทางฟังจือหัน กะว่าจะใช้น้ำเสียงรังเกียจเดียดฉันท์ไล่เขาให้รีบๆ กลับไป กระจกรถยนต์ค่อยๆ ลดลง ฟังจือหันชิงพูดขึ้นก่อน “อากาศหนาว รีบเข้าไปได้แล้ว”
อวี๋กานกานสูดน้ำมูก หนาวจริงๆ ด้วยแฮะ เธอหดคอ ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโบกมือให้ฟังจือหัน แล้วจึงวิ่งเข้าไปยังหอพักด้วยจังหวะหายใจที่ค่อนข้างรัวและถี่
ที่ห้องโถงไม่มีฮีตเตอร์ อวี๋กานกานคิดเพียงแค่ว่าอยากรีบกลับไปที่ห้อง จะได้อาบน้ำร้อนๆ นอนคดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ เธอผลักประตูกระจกที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นเงยหน้าขึ้น เห็นคนสองคนยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน คนหนึ่งคือซย่าเฉิงโจว อีกคนคือซูจิ่วซาน เธอเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างสองคนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงแค่นัยน์ตาแดงก่ำของซูจิ่วซาน เหมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้ ส่วนซย่าเฉิงโจวหลุบสายตาลงต่ำ สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด
อวี๋กานกานนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย หรือว่านี่เธอกำลังเจอกับสถานการณ์คู่รักทะเลาะกัน แบบนี้ก็อิหลักอิเหลื่อนะสิ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อวี๋กานกานแสร้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์มือถือ เดินผ่านทั้งคู่โดยไม่หันไปมอง จากนั้นใช้ความเร็วสูงสุดเดินกลับไปยังห้องของตนเอง
อวี๋กานกานนึกว่าเรื่องคงจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ เธอนอนหงายอยู่บนเตียง เอาแต่คิดเรื่องบัตรของฟังจือหันที่ผูกกับบัญชีวีแชทของเธอ การที่เขาผูกบัตรไว้กับบัญชีเธอ เขาไม่กลัวว่าเธอจะใช้เงินในบัตรเขาจนหมดเกลี้ยงเหรอ เธอสามารถถลุงเงินจนล้มละลายได้เลยนะ
อวี๋กานกานประเดี๋ยวคิดว่าจะใช้เงินอย่างไร ควรจะซื้ออะไรดี ประเดี๋ยวคิดเอ๊ะหรือว่าจะลบบัตรนี้ทิ้งดี เธอนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา จนกระทั่งตาปรือด้วยความง่วงแล้วก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรดี
ส่วนเรื่องที่บังเอิญไปเจอกับซูจิ่วซานและซย่าเฉิงโจว เธอไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจแม้แต่น้อย เพราะชีวิตคนเราตั้งแต่โบราณกาล การพบเจอหน้ากันในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องปกติที่สุดเรื่องหนึ่ง
วันถัดมา อวี๋กานกานถือโน้ตบุ๊กและหนังสือเรียนเดินไปยังห้องสัมมนาพร้อมกับหวังไอ้เจินโดยระหว่างทางก็พลางคุยเล่นกันไปด้วย อวี๋กานกานหัวเราะตาหยี กำลังฟังหวังไอ้เจินเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับลูกสาวของตนเอง แต่ทันใดนั้นกลับถูกซูจิ่วซานขวางทางเอาไว้
สายตาของซูจิ่วซานเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเกียจชังเล็กน้อย เธอกำหมัดขบกรามกรอด ถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน “อวี๋กานกาน เธอมันไม่มีศีลธรรมสักนิดเลยหรือยังไง”
ทั้งยังมีเซียวเสี่ยวอิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยส่งเสียงถอนหายใจดัง “หึ!” ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
อวี๋กานกานใช้สายตาสุดแสนจะแปลกประหลาดมองพวกเขา ในนั้นมีความสับสนงุนงง ไม่เข้าใจและความสงสัย…
ท่าทางของซูจิ่วซานดูโกรธมาก ทั้งตัวสั่นเทาเล็กน้อย “เรื่องวันนั้นฉันก็แค่ถามด้วยความสงสัยนิดๆ หน่อยๆ ก็แค่ถามเธอตอนวันแรกของการสัมมนาเท่านั้น ทำไมเธอถึงได้ไร้ศีลธรรมแบบนี้ ข่าวลือบ้าบออะไรก็ปล่อยออกไป ถ้ามีเวลามาตัดสินผิดถูกให้คนอื่น ก็เอาเวลานี้ไปศึกษาตั้งใจเล่าเรียนวิชาแพทย์เถอะ”
หลังจากพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้จบ ซูจิ่วซานแสดงท่าทีว่าตนเองกำลังแบกรับความน้อยเนื้อต่ำใจด้วยความแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว ก้าวเท้าเดินจากไป
“อนาคตของแพทย์แผนจีนต้องมาพังพินาศด้วยคนแบบเธอ ด้วยน้ำมือพวกคนไม่มีศีลธรรมไงล่ะ” เซียวเสี่ยวอิงก็สั่งสอนอวี๋กานกานไปหนึ่งประโยคเช่นกัน อีกทั้งยังจงใจกระแทกไหล่ใส่อวี๋กานกาน ก่อนจะเดินจากไปพร้อมซูจิ่วซาน
อวี๋กานกานมีสีหน้าที่สับสนและงุนงง เพราะว่าครั้งนี้เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เธอพูดอะไร
เธอทำอะไร
ผิดมหันต์และน่ารังเกียจขนาดไหน ถึงได้ทำให้ทั้งสองคนนี้ จู่ๆ ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาด่ากราดใส่เธอเป็นชุดๆ ทั้งยังไม่เอ่ยถึงสาเหตุของเรื่องด้วย
อวี๋กานกานทำหน้าเคร่งเครียด มองไปทางหวังไอ้เจินที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ “หนูแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หนูไปทำอะไรให้พวกเขา”
ตอนที่ 200 หมอบอยู่ยังโดนยิง[1]
หวังไอ้เจินยิ้มเจื่อน “เท่าที่ฉันรู้มานะ เมื่อคืนเสี่ยวซูสารภาพรักกับเสี่ยวซย่า แต่เหมือนว่าจะถูกเสี่ยวซย่าปฏิเสธ ทีแรกเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวลือมาจากใคร วันนี้มีแพทย์ที่แอบชอบเสี่ยวซูคนหนึ่ง เขาเข้าไปปลอบใจเสี่ยวซู ปรากฏว่าเขาดันเผลอหลุดปากพูดเรื่องนี้ออกมา เสี่ยวซูโมโหมาก รู้สึกอับอายขายหน้า ว่าแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับหนูเหรอ”
อวี๋กานกานเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อคืนตอนที่เธอกลับมาบังเอิญเจอซูจิ่วซานและซย่าเฉิงโจว ตอนนั้นต้องเป็นตอนที่ซูจิ่วซานกำลังสารภาพรักซย่าเฉิงโจวแล้วถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน ตอนนั้นซย่าเฉิงโจวหลุบสายตาลงต่ำ ไม่ชายตามองซูจิ่วซานแม้แต่น้อย เป็นสาเหตุที่ซูจิ่วซานน้ำตาคลอเบ้า
เมื่อมีคนนอกล่วงรู้ว่าตนเองสารภาพรักไม่สำเร็จ ซูจิ่วซานจึงทึกทักไปเองโดยอัตโนมัติว่าอวี๋กานกานได้ยินและเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ เธอรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นตัวตลก วันนี้จึงมาคิดบัญชีกับอวี๋กานกาน ต่อว่าเธอว่าไร้ศีลธรรม
แต่นี้มันปรักปรำกันชัดๆ !
เรื่องเมื่อคืนอวี๋กานกานไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆ ส่วนเรื่องนี้ถูกลือออกไปได้อย่างไรเธอยิ่งไม่รู้ เดิมทีซูจิ่วซานก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าเธออยู่แล้ว ดีล่ะทีนี้ เกรงว่าหล่อนจะยิ่งไม่ไว้หน้าเธอหนักขึ้นไปอีก
“เสี่ยวอวี๋ หนูก็อย่าคิดมากเลยนะ ใครๆ ก็รู้ว่าเสี่ยวซูชอบเสี่ยวซย่า ครั้งก่อนมีงานประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ เสี่ยวซูเอาแต่ตามติดเสี่ยวซย่าตลอดทั้งงาน ความจริงทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมากนะ แต่น่าเสียดาย เจ้าหญิงมีใจ แต่เจ้าชายไม่รับรักตอบ”
……
ซูจิ่วซานเดินมายังระเบียงนอกหน้าต่าง กำหมัดทุบลงไปที่ราวกั้น
เซียวเสี่ยวอิงพูดปลอบ “จิ่วซาน อย่าโกรธไปเลยนะ อย่างเธอจะหาแฟนแบบไหนก็หาได้ ซย่าเฉิงโจวหมอนั้นมันไม่รู้ความ เป็นคนซื่อบื้อ ไม่ได้คบกันนั่นแหละดีแล้ว ไม่งั้นเธอต้องแห้งเฉาตายแน่ๆ”
ซูจิ่วซานส่ายศีรษะ คลี่ยิ้มให้เซียวเสี่ยวอิง ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เธอทอดถอนหายใจ “ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ายัยอวี๋กานกานจะเป็นคนแบบนี้ เห็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเป็นเรื่องขบขันป่าวประกาศไปทั่ว”
เซียวเสี่ยวอิงพูดอย่างเหยียดหยามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “นังเด็กเวรนั้น ไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คอยดูตอนที่มันโตกว่านี้สักหน่อยคงจะเย่อหยิ่งจองหองน่าดู”
“เสี่ยวอิง ก่อนหน้าไม่นานมานี้บนอินเทอร์เน็ตมีเหตุวิวาทเรื่องการรักษาของแพทย์แผนจีน เธอได้ยินมาบ้างหรือเปล่า ที่ว่าคลินิกอวี้หมิงถางรักษาผิดพลาดจนคนไข้ถึงแก่ชีวิต”
“ได้ยินอยู่นะ” เซียวเสี่ยวอิงตอบกลับอย่างประหลาดใจ “หรือว่าเป็นนังเด็กนั้น”
ซูจิ่วซานพยักหน้า “ฉันรู้สึกว่ายัยนั้นหน้าคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนก็เลยลองไปค้นหาดู ถึงได้พบว่าแพทย์ในคดีอวี้หมิงถางก็คือยัยอวี๋กานกาน”
เซียวเสี่ยวซิงตกตะลึง “ถ้าเป็นยัยนั้นจริง ฉันว่าที่คดีนั้นจบลงอย่างเงียบเชียบมีความเป็นไปได้สูงว่าโดนยัดเงิน ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการเฉินอะไรนั่นได้รับผลประโยชน์มากขนาดไหนถึงได้ยอมส่งชื่อยัยนั้นเข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ แพทย์แผนจีนที่สวยที่สุด อย่างยัยอวี๋กานกานก็เหมาะสมเหรอ เหอะ ก็แค่ยังวัยรุ่นอยู่ ถ้าให้ฉันพูดน่ะนะ ยัยนั้นสวยไม่ได้ครึ่งของเธอด้วยซ้ำ”
สีหน้าของซูจิ่วซานเต็มไปด้วยความคับอกคับใจ เธอกุมมือของเซียวเสี่ยวอิง “ช่างเถอะ ให้เรื่องนี้จบแต่เพียงเท่านี้เถอะ”
เซียวเสี่ยวอิงพูดด้วยเพลิงโกธราที่อัดแน่นอยู่เต็มอก “ยัยนั้นเอาแต่หาเรื่องเธอ เธอจะปล่อยมันไปแบบนี้เหรอ”
ซูจิ่วซานถอนหายใจ “แล้วฉันจะทำอะไรได้อีก หรือว่าจะให้ฉันหาเรื่องมันเหมือนงานสัมมนาก่อนหน้านี้ แบบนั้นทุกคนต้องหาว่าฉันคิดเล็กคิดน้อย จงใจไม่ลงรอยกับมันแน่ๆ”
เซียวเสี่ยวอิงหัวเราะเสียงเย็น “งั้นฉันลงมือเอง”
ซูจิ่วซานรีบโน้มน้าว “อย่าเลยเสี่ยวอิง ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาลำบาก”
“ก็ได้ ก็ได้ เธอเนี่ยใจดีเกินไปแล้วนะ…”
เซียวเสี่ยวอิงคลี่ยิ้มพร้อมรับปาก ทว่าสายตากลับเย็นยะเยือก
——
[1] หมอบอยู่ยังโดนยิง หมายถึง อยู่เฉยๆ ก็งานเข้า