ตอนที่ 165 แพทย์แผนจีนที่สวยที่สุด
อวี้หมิงถางโด่งดังไปแล้ว
อวี๋กานกานเองก็เช่นกัน
สื่อหลักในประเทศต่างพากันรายงานข่าวนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดกรณีพิพาทระหว่างคนไข้และบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอเชิญชวนให้ทุกท่านมีสติและเหตุผลในการรับฟังขั้นตอนการรักษาจากแพทย์ เพราะผลลัพธ์ที่เกิดจากการก่อความวุ่นวายและการประท้วงโดยมีจุดประสงค์ร้าย คือการสูญเสียบุคลากรทางแพทย์ของประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นผลกระทบที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็สรรเสริญชื่นชมอวี๋กานกานว่ามีความรับผิดชอบในหน้าที่ เพียบพร้อมด้วยศีลธรรมและความสามารถ
ภายในเวลาอันสั้น อวี๋กานกานแพทย์แผนจีนที่ไร้ชื่อเสียง ดึงดูดแฟนคลับจากโลกอินเทอร์เน็ตไปเป็นกอบเป็นกำ
ตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นอวี๋กานกานพบว่าหน้าทางเข้าอวี้หมิงถาง เต็มไปด้วยคนไข้ที่กำลังต่อแถวกันอย่างยาวเหยียด มีแวบหนึ่งที่เธอนึกว่าเธอเดินมาผิดที่หรือเปล่า ทุกคนล้วนรู้จักอวี๋กานกาน ทันทีที่เธอปรากฏตัวก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น ต่างคนต่างหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปเธอ
“มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดก็มาแล้ว ฉันจะอัปเว่ยปั๋ว”
“นึกไม่ถึงเลยว่ายังวัยรุ่นขนาดนี้ก็เป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจได้แล้ว ฉันนึกว่าแพทย์แผนจีนเก่งๆ ต้องเป็นคนที่มีอายุเสียอีก”
“ตัวจริงสวยกว่าในคลิปวิดีโออีกนะ มิน่าล่ะถึงได้ฉายาว่าแพทย์แผนจีนที่สวยที่สุด”
……
คนเยอะมากจริงๆ หลังจากที่อวี๋กานกานนั่งลง เธอก็ยุ่งวุ่นอยู่กับงานตลอดจนถึงช่วงบ่าย แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้รับประทาน มีคนจำนวนหนึ่งไม่ได้ต้องการที่จะมาตรวจแต่แรกด้วยซ้ำ เหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่า แล้วยังมีคนบางพวกที่ทำเหมือนกับมาหาเทวดาเพื่อขอให้ช่วยต่อชีวิตให้
มีโรคบางโรคที่วิทยาการทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่พวกเขากลับคาดหวังให้เธอจัดยาให้สักชุดสองชุดเพื่อรักษา เธอเป็นแพทย์ ยื้อแย่งชีวิตคนกับเหล่ายมบาลอยู่ทุกวัน เธอไม่ใช่เทวดาที่ไหน แต่ว่าหากป่วยแล้วมาหาเธอ ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นเธอเป็นอะไร เธอก็ยอมรับได้ทั้งสิ้น ตรวจและรักษาให้พวกเขาเป็นอย่างดี หากเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ เธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมอาการป่วยของพวกเขา ให้พวกเขาได้อยู่บนโลกใบนี้พร้อมกับคนในครอบครัวได้นานขึ้นสักหน่อย แต่ก็มีคนบางจำพวกที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ แต่กลับจะให้เธอจ่ายยาให้ได้
“คุณหมออวี๋ คุณแน่ใจจริงๆ เหรอว่าฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร แต่หลายวันมานี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับเลย มักจะไอค่อกๆ แค่กๆ มีหนหนึ่งเหมือนจะไอออกมาเป็นเลือดด้วย ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย”
อวี๋กานกานมองสาวน้อยที่อ่อนแอนราวกับหลินอวี้[1] เธออธิบาย “ร่างกายของคุณแข็งแรงดีค่ะ อาการไอเกิดจากหวัด ตอนนี้หายดีกว่าครึ่งแล้ว ร่างกายของคนเรามีระบบภูมิคุ้มกันและสามารถรักษาตัวเองได้ คุณแค่ต้องอาการกำลังกายให้มากขึ้น เข้านอนให้ไวตื่นให้เช้า เดี๋ยวเดียวก็หายดีกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ”
“งั้นทำไมฉันถึงไอเป็นเลือดล่ะ”
“นั่นไม่ใช่ไอเป็นเลือด คุณใช้แรงในการไอมากเกินไป เม็ดเลือดก็เลยแตก”
“คุณหมออวี๋ยังไงก็จ่ายยาให้ฉันสักหน่อยเถอะนะ”
“ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยานะคะ”
“แต่ว่าบางทีฉันรู้สึกป่วยจริงๆ นะ อีกอย่างร่างกายฉันก็อ่อนแอมาก คุณหมอจ่ายยาให้ฉันหน่อยเถอะนะ”
ถ้าเธอไม่สั่งยาให้ อีกฝ่ายก็ยอมถอย เธอจึงทำได้เพียงจ่ายยาบำรุงเลือดและพลังชี่ให้เขาไปสองชุด อีกฝ่ายซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก กล่าวขอบคุณเธอย้ำๆ เป็นพันครั้งก่อนจะจากไป
อวี๋กานกานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก ทว่าแบบนี้เธอก็ยังพอรับได้ สิ่งที่เธอรับไม่ได้มากที่สุดก็คือพวกถือโอกาสหาข้ออ้างว่ามารักษา แต่จริงๆ แล้วมาเพื่อต้องการหาคู่
“คุณหมออวี๋ คุณมีแฟนแล้วหรือยังครับ”
“ร่างกายคุณแข็งแรงดี เชิญคนต่อไปค่ะ”
“คุณหมออวี๋ คุณว่าผมเป็นไง ปีนี้ผมอายุยี่สิบเจ็ด หลังจบปริญญาตรีก็ออกมาตั้งกิจการ ทุกวันนี้มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเองแล้ว รายได้ต่อปีมากกว่าห้าล้านหยวน เคยมีแฟนหนึ่งคน แต่เลิกกันไปแล้ว โสดสนิทมาสามปี ผมรู้สึกว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง กตัญญู มีกาลเทศะ หน้าตาดี ทั้งยังรู้จักเอาใจใส่ดูแลคนอื่น ผมอยากจะคบหาดูใจกับคุณโดยมีเป้าหมายคือการแต่งงาน”
อวี๋กานกาน “…”
ตอนที่ 166 ชุดคู่โดยบังเอิญ
จำนวนคนไข้ในคลินิกเยอะเกินไปแล้วจริงๆ เกินกว่ากำลังของอวี๋กานกานและลุงหวังสองคน ลุงหวังก็เลยเรียกลูกศิษย์ของเขาให้มาช่วย ส่วนอวี๋กานกานขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งและซ่งฉาไป๋
ดวงตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า คนไข้ในคลินิกค่อยๆ ลดจำนวนลง แต่คลินิกก็ยังคงปิดให้บริการตอนสองทุ่มเช่นเคย
ซ่งฉาไป๋มองอวี๋กานกานที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเก้าอี้อย่างหมดสภาพ เธอรินชาที่ชงด้วยตนเองใส่แก้ว จากนั้นวางไว้ตรงหน้าอวี๋กานกาน “มาๆ ดื่มชาเพิ่มพลัง เรียกความกระปรี้กระเปร่าหน่อย”
“โชคดีที่ช่วงบ่ายได้เธอกับรุ่นพี่มาช่วย ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้ว่าต้องตรวจจนถึงกี่โมงกี่ยาม”
“หลังจากนี้เธอต้องให้พวกเขารับบัตรคิว ต่อแถว กำหนดว่าในหนึ่งวันรับตรวจกี่คน คนที่มาหาแพทย์แผนจีนไม่มีอาการฉุกเฉินหรอก ฉันบอกกับลุงหวังไว้แล้ว จากนี้ลูกศิษย์ของลุงหวังจะจัดการเรื่องบัตรคิวให้เรียบร้อยเอง”
“ขอบคุณ ขอบคุณเธอมากจริงๆ” อวี๋กานกานนั่งตัวตรง จับมือซ่งฉาไป๋แล้วเขย่าไปมา
“ตอนนี้เธอฮอตมากจริงๆ ชาวเน็ตเเรียกเธอว่าแพทย์แผนจีนที่สวยที่สุดกันทั้งนั้น มีหลายคนที่อยากให้เธอเปิดแอคเคาน์เว่ยปั๋ว เขียนบทความดูแลรักษาสุขภาพ ตอบคำถามเกี่ยวกับโรคต่างๆ ยาสามัญประจำบ้าน วิธีการหย่างเซิง เป็นต้น”
ซ่งฉาไป๋พูดไปด้วยยิ้มไปด้วย “เธอเปิดแอคเคาน์อวี้หมิงถางไหม โฆษณาอวี้หมิงถางสักหน่อย”
อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า ฉันไม่มีเวลาดูแลน่ะ หากป่วยจริงก็ให้มาที่คลินิกเถอะ ไม่ได้เห็นตัวคนไข้เป็นๆ ไม่ได้จับชีพจร ไม่มีทางที่จะยืนยันอาการป่วยได้”
“เสียดายที่ฉันไม่มีความรู้ด้านแพทย์แผนจีน ไม่งั้นฉันคงล่มหัวจมท้ายไปกับเธอด้วยแล้ว”
คุยเล่นกันไปมา ซ่งฉาไป๋ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ถาม “ยังเหลือเวลาอีกอาทิตย์หนึ่ง เธอก็ต้องไปเมืองจิงแล้ว ตอนนี้ธุรกิจคลินิกของเธอกำลังรุ่งโรจน์ ถ้าเธอไปเมืองจิง คลินิกก็ต้องปิดให้บริการ ฉันว่าเธอหารุ่นน้องหรือรุ่นพี่สักคนมาช่วยดูแลแทนสักเดือนดีกว่า”
อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า” หากเธอไม่อยู่ จากนิสัยของลุงใหญ่และเหอหว่านซิน พวกเขาต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายแน่ อีกอย่างเธอลองโทรหารุ่นพี่หลายคนแล้ว พวกเขาต่างก็มีธุระ
ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องปิดชั่วคราวไปก่อน
อวี๋กานกานรับประทานอาหารเย็นกับซ่งฉาไป๋ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
หลินจยาอวี่กำลังรออวี๋กานกานกลับมา ในมือของเธอถือจดหมายเรียนเชิญ เมื่ออวี๋กานกานกลับมาแล้วเธอจึงมอบจดหมายเรียนเชิญให้
“นี่คือ?”
“งานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุครบห้าสิบปีของพ่อฉัน เธอต้องมาให้ได้นะ”
เดิมทีหลินกั๋วเฟิงไม่ได้มีความคิดที่จะจัดงานลงงานเลี้ยงอะไร หลินจยาอวี่ป่วยเขาจะมีกะจิตกะใจมาจัดงานเลี้ยงได้อย่างไร แต่เมื่ออาการป่วยของหลินจยาอวี่ค่อยๆ ดีขึ้น เขาก็จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที รีบใช้โอกาสนี้สั่งคนให้จัดการงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่หลินจยาอวี่หายดีแล้ว
เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จากนี้ถัดไปอีกสองวัน ก่อนที่จะไปเมืองจิง อวี๋กานกานเองก็วางแผนไว้ว่าจะขอเข้าพบหลินกั๋วเฟิงสักหน่อย มีเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับหลินจยาอวี่ที่เธออยากจะพูดกับหลินกั๋วเฟิง
งานเลี้ยงครั้งนี้จัดตรงกับวันเกิดของหลินกั๋วเฟิง อวี๋กานกานเลิกงานก่อนเวลา ตั้งใจกลับคอนโดมาเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดเดรส ทั้งยังเกล้าผมขึ้นเป็นมวยเล็กๆ หลวมๆ ส่วนด้านหน้าปล่อยหน้าม้าที่ม้วนเป็นลอนลงมาสองปอย ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงบุคลิกดี คล่องแคล่ว ทะเล้น เป็นกันเองสบายๆ
หลินจยาอวี่กลับหลินซื่อคอร์ปอเรชั่นไปก่อนนานแล้ว วันฉลองครบรอบอายุห้าสิบปีของผู้เป็นบิดา เธอย่อมต้องรีบกลับไปเตรียมตัวก่อน
อวี๋กานกานเตรียมจะเรียกรถแท็กซี่ แต่กลับเจอฟังจือหันตรงล็อบบี้คอนโดเสียก่อน ฟังจือหันสวมชุดสูทพอดีตัวซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดเดรสของเธอ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนชุดคู่ รูปร่างสูงใหญ่กำยำยืนอยู่ข้างรถยนต์ เมื่อเห็นเธอเขาก็เปิดประตูรถทันที ท่าทีสง่างามสูงส่งและเป็นสุภาพบุรุษ
อวี๋กานกานยกมือขึ้นมาลูบปอยผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง “ประธานหลินก็เชิญนายด้วยเหรอ”
——
[1] หลินอวี้ นางเอกในนวนิยายเรื่องความฝันในหอแดง บุคลิกเป็นคนค่อนข้างอ่อนแอ บอบบาง เจ้าน้ำตา